Netflix กำลังทำตัวเหมือน Disney ถ้าได้เป็นเจ้าของ Warner Bros.

Netflix กำลังทำตัวเหมือน Disney ถ้าได้เป็นเจ้าของ Warner Bros.

หลายคนคงรู้แล้วว่า Netflix อยากได้สตูดิโอ คลังภาพยนตร์และสตรีมมิง HBO จาก Warner Bros. ด้วยการทุ่มเงินหลักล้านล้านบาท เพื่อให้ได้มา
แต่คำถามคือ ทำไมต้องยอมทุ่มเงินเยอะขนาดนั้น แถมยังต้องแย่งซื้อธุรกิจนี้กับ Paramount ที่อยากได้ Warner Bros. อีกด้วย
คำตอบของเรื่องนี้ ก็อาจเป็นไปได้ว่า Netflix กำลังอยากทำตัวเหมือน Disney ที่สามารถขาย IP ของตัวเองผ่านคาแรกเตอร์ตัวละครต่าง ๆ ได้อีกมากมาย
ดีลนี้ช่วยให้ Netflix ทำตัวเหมือน Disney ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วว่า Warner Bros. เป็นเจ้าของภาพยนตร์หรือซีรีส์อะไรบ้าง เพราะคนส่วนใหญ่ก็คงรู้กันอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็น Harry Potter, Fantastic Beasts, Aquaman หรือจักรวาล DC ต่าง ๆ
ซึ่งแน่นอนว่า ถ้า Netflix ได้เป็นเจ้าของพวกนี้ทั้งหมด
ก็สามารถต่อยอดไปทำภาคต่อของตัวเอง ในการสร้าง
แฟรนไชส์ต่อเนื่องไปได้แบบไม่รู้จบ
แต่สิ่งที่ Netflix จะได้มาด้วยกลับไม่ใช่แค่นั้น เพราะยังได้
IP ตัวละครหรือแบรนด์ต่าง ๆ ที่สามารถขายสิทธิ์ใช้ชื่อในสินค้าอื่นที่ตามมาได้อีกด้วย
ถ้าถามว่าทำไมเป็นแบบนั้น ก็เพราะว่ากลุ่มธุรกิจสตูดิโอของ Warner Bros. ที่ Netflix อยากเป็นเจ้าของ มีรายได้จากการขาย IP แบบนี้รวมไปในธุรกิจนี้
ในทุกปีธุรกิจสตูดิโอ มีรายได้หลักจากการขายคอนเทนต์ของตัวเอง 92% มาจากการขายสิทธิ์ฉายคอนเทนต์ และการขาย IP ให้กับคนอื่นที่อยากเอาไปทำต่อ
ซึ่งคิดเป็นรายได้ที่มากถึง 341,000 ล้านบาท จนทำให้ธุรกิจสตูดิโอของ Warner Bros. เป็นธุรกิจเดียวของบริษัทที่สามารถทำกำไรได้
พอเป็นแบบนี้ เราคงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม Netflix ถึงอยากได้ธุรกิจสตูดิโอของ Warner Bros. เพราะมันเป็นขุมทรัพย์ ที่ทำกำไรหลัก ในช่วงที่ผ่านมา
แถม Netflix เองก็ยังได้สิทธิ์ในการขาย IP ให้บริษัทอื่นที่ต้องการเอาชื่อแบรนด์หรือตัวละครไปขายต่อ โดยแทบไม่มีต้นทุนอะไรเพิ่มขึ้นมามากมายเลย
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เราแทบไม่เห็น Netflix ทำแบบนี้ได้เลย แม้ตัวเองจะมี Original Content มากมาย เพราะการขาย IP แบบนี้ได้ต้องใช้เวลาพอสมควร
คนที่ทำเรื่องนี้ได้ดีมาก คงหนีไม่พ้น Disney ซึ่งสามารถขายลิขสิทธิ์สินค้าแบรนด์ตัวเองได้มากถึง 137,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
นี่ยังไม่รวมรายได้จากการขายสินค้าตัวเอง อาหารและเครื่องดื่มในสวนสนุก ที่สามารถทำรายได้ 256,000 ล้านบาทในปีที่แล้วอีกด้วย
ดังนั้นจริง ๆ แล้ว Netflix ก็อาจกำลังทำตัวเลียนแบบ Disney ที่ต้องการขาย IP ตัวเองไปให้กับแบรนด์สินค้าอื่น ๆ จนกลายเป็นอีกแหล่งรายได้ใหม่ของตัวเอง
ซึ่งการซื้อธุรกิจสตูดิโอของ Warner Bros. ก็อาจช่วยให้ Netflix ทำเรื่องนี้ได้เร็วขึ้น แทนที่จะต้องปั้น IP ของตัวเองต่อเนื่องแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แทน
นอกจากนี้ การได้ธุรกิจสตูดิโอของ Warner Bros. เข้ามา
ทำให้ Netflix สามารถทำตัวเลียนแบบ Disney ด้วยการเกี่ยวข้องกับธุรกิจสวนสนุก แบบทางอ้อมด้วย
ที่บอกว่าได้ทางอ้อม ก็เพราะว่ารายได้ส่วนหนึ่งของธุรกิจสตูดิโอ มาจากการขายลิขสิทธิ์ให้กับ Universal Studios ที่เอาซีรีส์ Harry Potter ไปอยู่ในสวนสนุกของตัวเอง
ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้ Netflix มีแหล่งรายได้ทางอ้อมจากสวนสนุก
แต่ Netflix แทบไม่ต้องแบกต้นทุนสวนสนุก เพราะให้สิทธิ์คนอื่นไปทำต่อแล้ว ต่างจาก Disney ที่เป็นเจ้าของสวนสนุกส่วนใหญ่ จึงต้องแบกค่าใช้จ่ายในการดูแลเอาไว้เองแทน
ถึงตรงนี้ การที่ Netflix อยากได้ธุรกิจสตูดิโอ พ่วงมาด้วยสตรีมมิงของ Warner Bros. ก็อาจไม่ใช่แค่การอยากเป็นเจ้าของซีรีส์หรือเครือภาพยนตร์เท่านั้น
แต่อาจแปลว่า Netflix กำลังอยากทำตัวเหมือน Disney
ที่เมื่อได้ Warner Bros. มาแล้ว ก็จะได้ลิขสิทธิ์ IP คาแรกเตอร์ เข้ามาในมือของตัวเองด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะจบลงแบบไหน เพราะ Paramount เองก็อยากได้เหมือนกัน แต่อยากได้ทุกธุรกิจของ Warner Bros. ทั้งหมดไปเลย
แต่ที่แน่ ๆ คือ ถ้าการสร้างอาณาจักรของ Disney ต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะขาย IP ของตัวเองได้สำเร็จ
วันนี้ Netflix กำลังพิสูจน์ว่าสามารถย่นเวลาทั้งหมดนี้ได้ด้วยการเป็นเจ้าของ Warner Bros. ซึ่งสามารถเข้าสู่จักรวาลคอนเทนต์ระดับตำนานของโลกหลายเรื่อง
โดยไม่จำเป็นต้องรอเวลาเพื่อสร้าง IP ของตัวเอง ขอแค่มีเงินมหาศาล ก็ทำตัวเหมือน Disney ที่ทำมานานหลายสิบปี ได้แล้วในตอนนี้..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon