
ttb spark เบื้องหลังที่ทำให้ ttb กลายเป็นผู้นำ Humanized Digital Banking
ttb spark เบื้องหลังที่ทำให้ ttb กลายเป็นผู้นำ Humanized Digital Banking / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x ttb
ปัจจุบันแอปธนาคารไม่ได้เป็นแค่ช่องทางทำธุรกรรมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ทางการเงินของผู้ใช้ ตั้งแต่โอนเงิน จ่ายบิล ซื้อประกัน การลงทุน ไปจนถึงกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
และหนึ่งในแอปที่เติบโตโดดเด่นที่สุดในช่วงนี้ ก็คือ ttb touch
- มียอดผู้ใช้งานรวมกว่า 5.9 ล้านราย และมีผู้ล็อกอินเฉลี่ยวันละ 1.4 ล้านราย
- มียอดธุรกรรมการเงินมากกว่า 4 ล้านรายการต่อวัน
- มีการยื่นขอสินเชื่อกว่า 140,000 รายต่อเดือน
- ลูกค้าให้คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยมากกว่า 80% จากฟีดแบ็กกว่า 10,000 ครั้งต่อวัน
- มียอดธุรกรรมการเงินมากกว่า 4 ล้านรายการต่อวัน
- มีการยื่นขอสินเชื่อกว่า 140,000 รายต่อเดือน
- ลูกค้าให้คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยมากกว่า 80% จากฟีดแบ็กกว่า 10,000 ครั้งต่อวัน
โดยมากกว่า 93% ของธุรกรรมรายย่อย สามารถทำได้บน ttb touch ถูกประมวลผลแบบดิจิทัล ช่วยให้ธนาคารประหยัดต้นทุนได้กว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และยังทำให้ยอดขายผ่านช่องทางนี้เติบโตต่อเนื่องแล้วราว ๆ 50%
ใครอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ?
คำตอบ คือ ttb spark ทีมที่วางรากฐาน Digital Transformation ตั้งแต่ระบบหลังบ้านไปจนถึงการมอบประสบการณ์ที่ลูกค้าใช้งานจริง รวมถึงการนำ AI มาช่วยยกระดับทุกขั้นตอน ภายใต้แนวคิด “Humanized Digital Banking” ดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เป็นมิตร รู้จักและรู้ใจผู้ใช้งาน
เบื้องหลังความสำเร็จของ ttb spark น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2565 หรือราว 3 ปีก่อน ภาพของ ttb อาจจะยังไม่เด่นด้านดิจิทัลมากนัก ถือเป็นโจทย์สำคัญของธนาคารในเวลานั้น
ในมุมของลูกค้ายังไม่เห็นจุดแข็งด้านดิจิทัลของ ttb แม้จะรู้จักผลิตภัณฑ์ และยังไม่เจอฟีเจอร์ในแอปที่รู้สึกว่า “ต่างจริง”
ขณะเดียวกันในมุมของพนักงานเอง ก็ยังไม่รู้ว่า ttb มีทีมดิจิทัลและทีมเทคที่แข็งแรงอยู่แล้ว เพียงแต่ภาพจากภายนอกยังสะท้อนออกไปไม่ชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ ttb จึงวางเป้าหมายในการเดินหน้าสู่ Digital และ AI Transformation ภายในปี 2569 ภายใต้แนวคิด Make REAL Change เพื่อช่วยให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น
โดยเชื่อเสมอว่า การทรานส์ฟอร์มต้องเริ่มจาก “คนในองค์กร” และต้องตอบ “Pain Point ของลูกค้า” ให้ได้ ไม่ใช่แค่ใช้ Outsource มาพัฒนาแล้วหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะคนที่เข้าใจผู้ใช้ที่สุด ก็คือคนที่เจอปัญหาหน้างานทุกวัน
แล้ว ttb spark ก็ถูกก่อตั้งขึ้น...
ในปี 2565 โดยเริ่มจากทีมเล็ก ๆ เพียงไม่กี่สิบคน ทำงานแบบ Agile เน้นความเร็ว ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ไอเดียไม่หยุดอยู่แค่กระดาษ แต่ถูกพัฒนาเป็นของจริงได้เร็วขึ้น และแก้ปัญหาได้ตรงจุด
มาในวันนี้ ttb spark เติบโตเป็นทีมกว่า 700 คน และเป็นเบื้องหลังหลายโซลูชันสำคัญบน ttb touch ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 5.9 ล้านรายแล้วในปัจจุบัน
แล้วตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ttb spark เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ?
คำตอบเริ่มจาก Pain Point ง่าย ๆ ที่ผู้ใช้เจอทุกวัน
ลองนึกภาพว่า เราแจ้งปัญหาในแอป เช่น สมัครบัตรเครดิต แต่ไม่ได้รับการแก้ไข จนต้องไปสาขา แล้วต้องอธิบายใหม่ตั้งแต่ต้น เพราะข้อมูลไม่เชื่อมกัน
นี่คือจุดที่ ttb เลือกโฟกัสเป็นอันดับแรก ด้วยการทำให้ทุกช่องทางเชื่อมต่อกันบนข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง (Seamless)
สิ่งแรกที่ลูกค้าเริ่มสัมผัสได้ คือ “ยินดี (Yindee)” ผู้ช่วยบนแอป ttb touch ที่ใช้ Generative AI ช่วยตอบคำถามและแก้ปัญหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในเคสที่ซับซ้อน Yindee จะส่งต่อให้เจ้าหน้าที่พร้อมประวัติการสนทนา ทำให้ลูกค้าไม่ต้องอธิบายใหม่อีกครั้ง
และกรณีต้องไปที่สาขา พนักงานจะเห็นข้อมูลเดียวกันทั้งหมด เพราะระบบหลังบ้านถูกรวมบนแพลตฟอร์มเดียวคือ ttb enterprise ซึ่งใช้ AI ช่วยให้การให้บริการมีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น และเชื่อมกันระหว่างทุกช่องทางจริง ๆ
พูดง่าย ๆ จากเดิมที่ลูกค้าต้อง “อธิบายซ้ำ” วันนี้ธนาคาร “รู้จักเรา” ตั้งแต่ก่อนเริ่มบทสนทนา ทำให้บทบาทของพนักงานขยับจากงานบริการทั่วไป ไปสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ให้คำแนะนำได้ลึกกว่าเดิม
โดยคุณนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ ประธานกลุ่ม งานกลยุทธ์องค์กรและดิจิทัล ทีเอ็มบีธนชาต อธิบายว่า Humanized Digital Banking คือ ดิจิทัลที่เป็นมิตร รู้จัก และรู้ใจลูกค้า พร้อมยังคงปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนไว้เสมอ
และเมื่อ Generative AI พัฒนาไป ประสบการณ์เหล่านี้จะยิ่งเป็นธรรมชาติและจับต้องได้มากขึ้น
ttb spark ทำหน้าที่เหมือนตัวเร่งให้ทั้งองค์กรทรานส์ฟอร์ม เห็นได้จากเครื่องชี้วัดสำคัญ เช่น ธุรกรรมรายย่อยกว่า 93% ที่เกิดบนช่องทางดิจิทัล สร้างยอดขายออนไลน์ราว ๆ 50% และคงระดับความพึงพอใจลูกค้าที่สูงกว่า 80% อย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จของ Seamless Experience
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึง Purpose ของ ttb ที่ต้องการช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ผ่านดิจิทัลโซลูชันที่มีความหมาย และเห็นผลได้จริงในชีวิตประจำวัน
และเมื่อพูดถึง Digital และ AI Transformation สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย คือ “คน” และ “เทคโนโลยี” ซึ่งเป็นหัวใจของประสบการณ์ใหม่ที่ลูกค้าสัมผัสได้จริงในทุกวัน
ภายใต้ ttb spark จึงมีสองหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน “จิกซอว์สำคัญ” ที่ช่วยปั้นคนและขับเคลื่อนเทคโนโลยีไปพร้อมกัน
- ttb spark academy
หน่วยงานต้นน้ำที่สร้าง Tech และ Data Talent ตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัยผ่าน Internship ที่ให้ลองทำงานจริง และต่อยอดสู่การเป็นพนักงาน ปัจจุบันมีผู้สมัครกว่า 5,000 คน และบรรจุแล้วกว่า 40 คน
จุดเด่นคือโมเดล Grow & Groom ที่ออกแบบเส้นทางพัฒนาแบบเฉพาะบุคคล ทั้งด้านทักษะ ความรู้ และเส้นทางอาชีพ ทำให้เด็กใหม่เห็นโอกาสเติบโตตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามา
AI ไม่ได้มาแทนคน แต่ทำให้ “คนทำงานเก่งขึ้นและเร็วขึ้น”
ธนาคารจึงผลักดันให้พนักงาน Tech & Data Talent “คิด สร้าง และใช้ AI” กับงานจริง ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่โครงการนี้ถูกพูดถึงในหมู่นักศึกษา และกลายเป็นเส้นทางปั้น Talent สายเทคจากภายในอย่างแท้จริง เหมือนเป็น Future Workforce ขององค์กร
- ttb spark tech
ทีมเบื้องหลังโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี ตั้งแต่ระบบหลังบ้านไปจนถึง UX / UI ที่ทำให้ประสบการณ์ดิจิทัลของลูกค้าเป็นแบบ Seamless อย่างที่เห็นบน ttb touch ทุกวันนี้
นอกจากนี้ ttb ยังพัฒนา Agentic AI ของตัวเอง เพื่อยกระดับการทำงานของทุกหน่วย เพิ่ม Productivity ของทั้งองค์กรได้ราว 30-40%
และเมื่อมีทีม In-House ทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้น เห็นปัญหาแบบเรียลไทม์ และแก้ไขได้ทันที ส่งผลให้การปล่อยฟีเจอร์ใหม่บน ttb touch ทำได้เร็วกว่าเดิม 2-3 เท่า และอัปเดตได้ต่อเนื่องตามพฤติกรรมผู้ใช้
วันนี้ ttb spark tech จึงไม่ใช่แค่ทีมไอทีอีกต่อไป แต่เป็น Change Agent ที่ผลักดันให้องค์กรทำงานเร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และตอบโจทย์ลูกค้าในยุค AI ได้จริง
และเมื่อทุกจิกซอว์มาทำงานร่วมกัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตัวเลขการใช้งานของ ttb touch จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ทีนี้เราลองมาดูตัวอย่างความสำเร็จ และฟีเจอร์เด่นของ ttb touch ในปี 2568 กันบ้าง
- สแกน QR จ่ายสะดวกขึ้น ทั้งจากบัญชีหรือบัตรเครดิต Visa โดยไม่ต้องพกบัตร
- ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น โหมด View-Only สำหรับเช็กบัญชีแบบล็อกการทำธุรกรรม ลดความเสี่ยงเมื่อต้องใช้งานในที่สาธารณะ
- โปรโมชันรวมจบที่เดียว หน้า ttb privilege ดูสถานะ รับสิทธิ์และคะแนน รวมทุกดีล สิทธิพิเศษ แคมเปญที่คัดมาให้ตรงกับลูกค้าแต่ละคนจริง ๆ
- ซื้อประกันเดินทางผ่านแอป เลือกแผนคุ้มครองได้ทันที ทั้งเที่ยวไทยและต่างประเทศ
- แลกเงินเข้าบัญชี FCD ได้ 24 ชั่วโมง รองรับ 5 สกุลเงินหลัก ช่วยให้จัดการเงินต่างประเทศสะดวกขึ้น และทำได้ทุกเวลา
- แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีง่ายขึ้น ระบบช่วยทำนายการออมหรือการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนให้คุ้มที่สุด
- โอนคะแนนบัตรเครดิตเป็นคะแนน WOW นำไปใช้แลกของรางวัลหรือสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจมากขึ้น
- ใช้ WOW เป็นส่วนลดจ่ายบิล ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ บัตรเดินทาง หรือ Easy Pass
- ตั้งค่าการใช้บัตรเครดิตได้ตามประเภทธุรกรรม เลือกเปิด-ปิดหมวดการใช้งาน เช่น ร้านค้าออนไลน์ ร้านอาหาร และอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ที่น่าสนใจคือสรุปอินไซต์ทางการเงินแบบเจาะลึกรายบุคคลทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่าย การออม หรือกิจกรรมทางการเงินต่าง ๆ ทำให้เห็นภาพรวมปีนั้นแบบครบในที่เดียว
ซึ่งต้องบอกว่า ttb touch wrap up เป็นที่ฮิตมาก จนชาวโซเชียลพากันแชร์ต่อแบบยาว ๆ ตลอดช่วงปลายปี…
เพราะทุกประสบการณ์ที่ลูกค้ารู้สึกว่า “ดีขึ้น” ไม่ว่าจะบน ttb touch หรือบริการใดของธนาคาร ล้วนมีจิกซอว์สำคัญอย่าง ttb spark อยู่เบื้องหลัง
ท้ายที่สุด เป้าหมายของ ttb คือการ Make REAL Change ด้วยแนวคิด Humanized Digital Banking ดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เป็นมิตร รู้จัก และรู้ใจ ที่ทำให้เทคโนโลยีเข้าใจคนมากขึ้น ใช้ง่ายขึ้น มีความหมายต่อชีวิตจริงมากขึ้น และนี่คือผลลัพธ์ที่ชัดเจน จับต้องได้ เพื่อยกระดับชีวิตทางการเงินของคนไทยให้ดีขึ้นจริง นั่นเอง…
#ttbspark
#จุดประกายให้ทุกสิ่งเป็นจริงได้
#ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น
#ttb
#MakeREALChange
#จุดประกายให้ทุกสิ่งเป็นจริงได้
#ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น
#ttb
#MakeREALChange
Reference
- ข่าวประชาสัมพันธ์ ttb spark
- ข่าวประชาสัมพันธ์ ttb spark