
เงินบาท ยังแข็งต่อ แม้กระทรวงการคลัง แถลง 3 แนวทางกำกับดูแลการเทรดทองคำออนไลน์
ตอนนี้ 1 USD = 31.06 บาทแล้ว
โดยเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบประมาณ 4 ปีครึ่ง
และนับจากต้นปี เงินบาทแข็งค่าไปแล้วราว ๆ 9.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
โดยเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบประมาณ 4 ปีครึ่ง
และนับจากต้นปี เงินบาทแข็งค่าไปแล้วราว ๆ 9.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
แสดงว่า คนที่ฝากเงินในบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ (FCD) เพื่อหวังดอกเบี้ย 5%
ถ้าฝากทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้อาจขาดทุนเพราะค่าเงิน ไปแล้วกว่า 5%
ถ้าฝากทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้อาจขาดทุนเพราะค่าเงิน ไปแล้วกว่า 5%
โดยวันนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ก.ล.ต. ได้แถลงผลการหารือมาตรการดูแลค่าเงินบาท
หลังตรวจสอบพบว่า ธุรกรรมทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ซึ่งการซื้อขายผ่านร้านทองที่มีการส่งมอบทองจริง มีสัดส่วนเพียง 20% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกกว่า 80% เป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเสรี
และจากการตรวจสอบพบว่า แรงขายดอลลาร์จากการซื้อขายทองคำ มีสัดส่วนสูงถึง 45-62% ของแรงขายดอลลาร์ทั้งประเทศในบางช่วง
จึงส่งผลกดดันโดยตรงต่อค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นเร็ว
เพราะเมื่อมีการขายทองผ่านแพลตฟอร์ม
ร้านทองจะต้องนำทองไปขายในตลาดโลก แล้วรับเงินดอลลาร์ มาขายเพื่อซื้อเงินบาทคืนลูกค้า
เพราะเมื่อมีการขายทองผ่านแพลตฟอร์ม
ร้านทองจะต้องนำทองไปขายในตลาดโลก แล้วรับเงินดอลลาร์ มาขายเพื่อซื้อเงินบาทคืนลูกค้า
ปัจจุบัน มูลค่าการซื้อขายทองคำเฉลี่ยอยู่ที่ 65,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งสูงกว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีมูลค่า 42,000 ล้านบาทต่อวัน
และในวันที่ราคาทองผันผวน ปริมาณการเทรดเคยพุ่งสูงถึง 255,000 ล้านบาทต่อวัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพค่าเงินบาท
โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย จะดำเนินมาตรการ 3 ด้าน เพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้
1. กำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายทองคำออนไลน์ ต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมให้กรมสรรพากร เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ หรือฟูดดิลิเวอรีอื่น ๆ
2. กรมสรรพากร จะศึกษาความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการซื้อขายเก็งกำไร แต่ไม่มีการส่งมอบทองคำจริง เพื่อชะลอการทำธุรกรรมลง
3. ธนาคารแห่งประเทศไทย จะพิจารณากำหนดปริมาณธุรกรรมทองคำ เช่น กำหนดเพดานวงเงินการซื้อขายทองคำ ในแพลตฟอร์มออนไลน์
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ย้ำว่า ธุรกรรมซื้อขายคริปโทฯ ผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่มีผลกระทบต่อค่าเงินบาท
โดยธุรกรรมการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.
มีปริมาณธุรกรรมซื้อขาย USDT คิดเป็นเพียง 1.22% ของยอดธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (FX Inflow) ซึ่งมีจำนวนรวมที่ 29.1 ล้านล้านบาท
ขณะที่ยอดการแลกเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นเงินบาทของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ 0.17%
ดังนั้น ธุรกรรมการซื้อขาย USDT จึงไม่ได้มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. จะติดตามภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงธุรกรรมการซื้อขายผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างใกล้ชิดต่อไป