ธปท. ออกประกาศเรื่อง การซักซ้อมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้า
เนื่องจากสภาวะเงินตราต่างประเทศไหลเข้าออกในปริมาณสูง ทำให้ค่าเงินบาทมีความผันผวน

จึงต้องการให้สถาบันการเงิน (นิติบุคคลรับอนุญาต) ทั้ง
- ธนาคารพาณิชย์ ทุกธนาคาร
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

ต้องตรวจสอบเอกสารการรับซื้อหรือรับฝากเงินตราต่างประเทศจากลูกค้าที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ อย่างเข้มงวด

ซึ่งวิธีปฏิบัติของนิติบุคคลรับอนุญาต สำหรับการรับซื้อ-รับฝากเงินตราต่างประเทศ (ที่เป็นธุรกรรมทันที) คือ

1. กรณีทั่วไป (ที่ไม่เกี่ยวกับทองคำหรือธนบัตร)

ที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.2 ล้านบาท) ขึ้นไป
นิติบุคคลรับอนุญาต ต้องเรียกเอกสารประกอบทุกครั้งเป็นรายธุรกรรม ภายในวันทำธุรกรรม (Trade Date) หรือไม่เกินวันชำระเงิน (Settlement Date) หากมีเหตุจำเป็น

แต่มีข้อยกเว้นคือ หากเป็นลูกค้าที่รู้จักดี ที่ทำ KYC และ Customer Due Diligence (CDD) อย่างต่อเนื่อง
สามารถใช้กระบวนการ Know Your Business (KYB) แทนการเรียกเอกสารได้

ทั้งนี้ กลุ่มที่ "ห้าม" ใช้ KYB และต้องเรียกเอกสารทุกกรณี แม้จะเป็นลูกค้าเดิม หากเป็นธุรกรรมเพื่อวัตถุประสงค์

- เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย

- ค่าสินทรัพย์ดิจิทัล (ต้องแสดงแหล่งที่มาของเงิน หรือสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มเติมด้วย)

- เงินลงทุนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินลงทุนในเครือ/สาขา, เงินลงทุนในหลักทรัพย์, เงินกู้, เงินให้กู้ยืม และเงินส่วนต่างธุรกรรมอนุพันธ์

- วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ค่าสินค้า บริการ รายได้ และเงินโอนและบริจาค เงินลงทุน ธนบัตรและเงินฝาก

2. กรณีเงินตราต่างประเทศ ที่เกี่ยวกับค่าทองคำ

- ต้องเรียกเอกสารแสดงการขายทองคำในต่างประเทศ ทุกจำนวน เป็นรายธุรกรรม ในวันทำธุรกรรม
(เว้นแต่ทำธุรกรรม นอกเวลาทำการ ให้เรียกเอกสารในวันทำการถัดไปได้)

- ต้องเรียกเอกสารเรียกเก็บเงิน และใบขนทองคำ ภายใน 2 วันทำการ นับจากวันชำระเงิน

3. กรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศ (เงินสด) จำนวนเงินตั้งแต่ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.6 แสนบาท) ขึ้นไป

ต้องเรียกเอกสารหลักฐาน การนำเงินตราต่างประเทศ เข้ามาในประเทศ

ทั้งนี้ วิธีปฏิบัติ สำหรับการรับซื้อเงินตราต่างประเทศ ที่ได้มาจากต่างประเทศ และเป็น “ธุรกรรมล่วงหน้า”
ให้ปฏิบัติตามประกาศเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (31 มี.ค. 2547)

ยกเว้น หากเป็นธุรกรรมล่วงหน้า เพื่ออสังหาริมทรัพย์, สินทรัพย์ดิจิทัล, เงินลงทุนอื่น ๆ
ห้ามใช้กระบวนการ KYB และต้องเรียกเอกสารประกอบการทำธุรกรรมเสมอ

ส่วนการรับฝากเงินที่ได้จากต่างประเทศ เข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD)

ให้นิติบุคคลรับอนุญาต ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับการรับซื้อเงินตราต่างประเทศ (ธุรกรรมทันที)

โดยประกาศนี้ ให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป

ที่มา : https://www.bot.or.th/content/dam/bot/fipcs/documents/FOG/2568/ThaiPDF/25680264.pdf