ผู้คิดค้น Emoji คนแรก

ผู้คิดค้น Emoji คนแรก

30 ส.ค. 2018
ผู้คิดค้น Emoji คนแรก / โดย ลงทุนแมน
“ถ้าผมไม่ได้ทำมัน ยังไงก็มีคนทำมันออกมาอยู่ดี”
นี่คือคำพูดแบบถ่อมตัวของชายคนหนึ่ง ผู้ที่ถูกถามว่า รู้สึกอย่างไรกับการเป็นผู้คิดค้นอีโมจิคนแรกของโลก
หลายคนน่าจะเคยใช้อีโมจิซึ่งเป็นภาพที่ใช้แทนตัวอักษร เวลาส่งข้อความพูดคุยกับเพื่อน
รู้ไหมว่าบน Facebook มีคนใช้อีโมจิไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านอีโมจิในแต่ละวัน
แล้วเรื่องนี้มีที่มาอย่างไร ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
อีโมจิ (Emoji) นั้นเป็นคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งแปลว่า อักษรภาพ ซึ่งถูกคิดค้นโดยคุณชิเกตากะ คูริตะ
เรื่องมีอยู่ว่าในปี 1999 คุณชิเกตากะ ซึ่งตอนนั้นเป็นพนักงานออกแบบให้แก่บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า NTT DoCoMo
ตอนนั้นเขาได้นั่งดูรายการพยากรณ์อากาศ ที่มีการใช้สัญลักษณ์ในการอธิบายสภาพอากาศและจากการที่เขาอ่านหนังสือการ์ตูน ที่ใช้ภาพในการแสดงอารมณ์ของตัวการ์ตูน รวมไปถึงการสังเกตสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏบนท้องถนน
จากจุดนั้นคุณชิเกตากะจึงเกิดไอเดียเพื่อพัฒนาวิธีการสื่อสารของผู้ใช้มือถือชาวญี่ปุ่นด้วยการใช้สัญลักษณ์ที่เป็นภาพแทนการเขียนด้วยตัวหนังสือ
ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ NTT DoCoMo กำลังพัฒนา i-mode ซึ่งเป็นระบบโทรศัพท์ที่สามารถดูข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้รายแรกๆ ของโลก
พร้อมลักษณะพิเศษอีกอย่างคือ สามารถส่งข้อความผ่านทางมือถือ แต่มีข้อจำกัดคือ ข้อความจะต้องยาวไม่เกิน 250 ตัวอักษรเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดอุปสรรคในการการพิมพ์ข้อความอะไรยาวๆ
ดังนั้น คุณชิเกตากะ ซึ่งมีไอเดียอยู่แล้ว จึงตั้งทีมขึ้นมาเพื่อออกแบบและพัฒนาสัญลักษณ์เพื่อแสดงอารมณ์ต่างๆ แทนการใช้ตัวอักษร จึงทำให้เขาและทีมสามารถผลิตอีโมจิชุดแรกที่มีจำนวนทั้งหมด 176 ภาพได้สำเร็จ ในระยะเวลา 1 เดือน
อีโมจิ ของเขานั้นมีขนาดเพียง 12×12 พิกเซล เพื่อที่จะทำให้มันเหมาะกับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือในตอนนั้น ซึ่งเมื่ออีโมจิถูกใส่เข้าไปใน i-mode นั้น ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก
และเมื่ออีโมจิของ NTT DoCoMo ประสบความสำเร็จ SoftBank และ AU ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่นก็เริ่มให้ความสนใจและออกแบบอีโมจิให้ลูกค้าของตนบ้าง จึงทำให้มีอีโมจิหลายรูปแบบมากขึ้น
ความนิยมของอีโมจิค่อยๆ กระจายไปยังประเทศฝั่งตะวันตกซึ่งหลายคนคงจำกันได้ว่า ใครที่เล่นโปรแกรมสนทนาใน MSN หรือ ICQ น่าจะพอคุ้นเคยกับอีโมจิพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้อีโมจิเป็นที่รู้จักอย่างมากนั้น มาจากการเติบโตของธุรกิจสมาร์ตโฟน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีผู้พัฒนาอีโมจิหลายราย ทำให้ภาพอีโมจิที่ส่งจากเครือข่ายหนึ่งไปยังอีกเครือข่ายหนึ่งมักจะเปลี่ยนเป็นคนละรูป ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างคนส่งและคนรับ
ทำให้ต่อมาต้องมีการกำหนดมาตรฐานของอีโมจิ กันเลยทีเดียว
ในปี 2010 Unicode จึงเกิดขึ้นในฐานะที่เป็นหน่วยงานกลางที่กำหนดมาตรฐานกลางในการเขียนโค้ดเพื่อมาลดปัญหาดังกล่าวนั่นเอง
ซึ่งปัจจุบัน Unicode มีอีโมจิที่เป็นมาตราฐานกลางจำนวน 2,823 อีโมจิ
ปรากฏการณ์ของอีโมจิบอกเราอย่างหนึ่งว่า มนุษย์ไม่จำเป็นต้องสื่อสารด้วยการพูดหรือการอ่านจากตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว มนุษย์เราสามารถสื่อสารได้ด้วยการแสดงออกทางใบหน้า ท่าทาง ภาษากายหรือแม้แต่รูปภาพ
เพราะแท้จริงแล้วจุดมุ่งหมายสูงสุดของการสื่อสารก็คือ ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเราต้องการสื่ออะไร ทำให้บางครั้งการเอ่ยปากพูดก็อาจจะไม่มีความจำเป็นเลยก็ได้
เหมือนคำกล่าวที่ว่า “A picture is worth a thousand words”
หรือภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันคำ นั่นเอง..
----------------------
ความรู้สึกดีๆ แชร์ผ่าน Emoji ส่วน blockdit ใช้แชร์บทความ โหลดฟรีทั้ง iOS และ android ที่
iOS: https://itunes.apple.com/th/app/blockdit/id1287395706
Android: https://goo.gl/UqTrMp
.
หนังสือลงทุนแมนไว้อ่านยามว่าง เล่ม 1.0-5.0 ซื้อได้ที่ลิงก์นี้ lazada.co.th/shop/longtunman
.
อินสตาแกรม ไว้ดูภาพสวยๆ instagram.com/longtunman
.
ทวิตเตอร์กระชับฉับไว twitter.com/longtunman
.
ไลน์ส่งข้อความตรงวันละครั้ง line.me/R/ti/p/%40longtunman
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.