สรุปเรื่องเงินเฟ้อ แบบเข้าใจง่ายๆ / โดย ลงทุนแมน

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “เงินเฟ้อ”
บางคนอาจจะเข้าใจความหมาย
แต่ก็มีบางคนที่ยังไม่เข้าใจว่า แท้จริงแล้วเงินเฟ้อนั้นคืออะไร
และที่สำคัญกระทบกับชีวิตเรายังไง
วันนี้ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง

ความหมายของเงินเฟ้อแบบที่คนทั่วไปเข้าใจง่ายๆ ก็คือ
ถ้าเราเห็นว่าราคาของชิ้นหนึ่งมีราคาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับราคาของมันในอดีต
นั่นหมายความว่า เรากำลังเจอภาวะเงินเฟ้อแล้ว

เช่น ข้าวผัดกะเพรา 1 จาน ถ้าราคาวันนี้แพงขึ้นเมื่อเทียบกับ 30 ปีที่แล้ว สิ่งที่ทำให้ราคาแพงขึ้นก็คือ เงินเฟ้อนั่นเอง

ปัจจุบัน หน่วยงานหลักที่ติดตามดูแลการเปลี่ยนแปลงเงินเฟ้อคือ กระทรวงพาณิชย์ มีหน้าที่ควบคุมดูแลไม่ให้ราคาสินค้าสูงเกินไป และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะออกนโยบายทางการเงินเพื่อดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

หลายคนอาจจะสงสัย แล้วเงินเฟ้อเกิดมาจากไหน..

คำตอบคือ เงินเฟ้อเกิดมาได้ 2 ทาง คือ
1. เงินเฟ้อที่เกิดจากความต้องการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น เมื่อเรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น เราก็อยากจะซื้อสินค้ามากขึ้น แต่สินค้าอาจจะผลิตออกมาไม่ทัน ทำให้ราคาสินค้านั้นเพิ่มขึ้นจนเกิดเงินเฟ้อ

2. เงินเฟ้อที่เกิดจาก ผู้ผลิตสินค้าปรับเพิ่มราคาสินค้า เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น โดยอาจจะมาจาก ค่าแรงเพิ่มขึ้น วัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตปรับเพิ่มราคาสินค้าจนเกิดเงินเฟ้อ

เราลองมาดูย้อนหลังว่า ราคาสินค้าเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง

ปี 2535 ราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 7.83 บาท ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิกิโลกรัมละ 4.46 บาท

ปี 2545 ราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 13.12 บาท ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิกิโลกรัมละ 5.66 บาท

ปี 2560 ราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 25.63 บาท ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิกิโลกรัมละ 10.23 บาท

เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว จึงไม่แปลกที่ทำไม ช่วงที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อจึงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด
สถิติเงินเฟ้อของประเทศไทยในช่วงระหว่างปี 2535-2560 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3%

นั่นหมายความว่า ราคาสินค้าและบริการต่างๆ จะแพงขึ้นปีละ 3% นั่นเอง

แล้วเงินเฟ้อกระทบกับเราอย่างไร..

เงินเฟ้อจะทำให้เราต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นในการซื้อสินค้าชนิดเดิม
พูดง่ายๆ ก็คือเงินด้อยค่าลง

ถ้าเราถือเงินไว้เฉยๆ 100 บาทในปี 2535 ในขณะที่เงินด้อยค่าลงปีละ 3%
วันนี้มูลค่าของมันจะลดลงเหลือเพียง 45 บาท

แต่แน่นอนว่า เมื่อทุกคนทำงานได้เงินมา เงินที่เหลือก็มักนำไปลงทุน ซึ่งวิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่นิยมคือ การฝากเงินกับธนาคาร แต่โชคไม่ดีที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ

เช่น ถ้าเรานำเงินไปฝากประจำกับธนาคาร 100,000 บาท และได้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนประมาณ 1.5% ต่อปี สิ้นปีมูลค่าของมันจะเท่ากับ 101,500 บาท

แต่ถ้าเรานำอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% มาหักเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 3% ออกไป
ทำให้แท้จริงแล้วผลตอบแทนสุทธิของเราติดลบ 1.5%

และการฝากเงิน 100,000 บาท จะทำให้มูลค่าจริงๆ ของมันเท่ากับ 98,500 บาท แม้เงินที่เราถืออยู่จะเท่ากับ 101,500 บาท ก็ตาม

แต่ก็นับเป็นเรื่องโชคดีที่ในระยะหลังอัตราเงินเฟ้อของประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่าในอดีต โดยในเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อเพียง 1.46%

ซึ่งจริงๆแล้วการที่เงินเฟ้อต่ำเกินไปก็อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะนั่นอาจแสดงถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

โดยทั่วไปเงินเฟ้อระดับเหมาะสมที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพคือประมาณ 2%-3%

ส่วนในอนาคต เงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับ สภาวะเศรษฐกิจทั้งประเทศไทยเอง และของโลก ซึ่งมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งราคาน้ำมัน ราคาอาหาร ราคาไฟฟ้า รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทย

ในอดีต เราอาจจะเคยได้ยินว่า ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเคยสูงกว่า 10% ต่อปี โดยเมื่อหักเงินเฟ้อแล้ว ก็ยังทำให้หลายคนในตอนนั้นสามารถฝากเงินเพื่อกินดอกเบี้ยอย่างเดียวได้สบายๆ

แต่หลายอย่างได้เปลี่ยนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว

พออ่านเรื่องนี้จบ ลงทุนแมนหวังว่า ถ้าเราได้ยินใครพูดเรื่องเงินเฟ้อ ก็น่าจะทำให้เราเข้าใจกับคำๆ นี้มากขึ้น

และที่สำคัญกว่าเรื่องเงินเฟ้อก็คือ เราจะทำให้เงินเก็บของเรามีผลตอบแทนที่มากกว่าเงินเฟ้อได้อย่างไร

นั่นก็เป็นที่มาของคำว่า เราต้องเริ่มศึกษาว่าจะนำเงินของเราไปลงทุนอย่างไร ตั้งแต่ตอนนี้ นั่นเอง..
----------------------
ชอบเรื่องลงทุน วัยรุ่นก็อ่านได้ โหลด บล็อกดิต ฟรีทั้ง iOS และ android ที่
iOS: https://itunes.apple.com/th/app/blockdit/id1287395706
Android: https://goo.gl/UqTrMp
.
หนังสือลงทุนแมนไว้อ่านยามว่าง เล่ม 1.0-5.0 ซื้อได้ที่ลิงก์นี้ lazada.co.th/shop/longtunman
.
อินสตาแกรม ไว้ดูภาพสวยๆ instagram.com/longtunman
.
ทวิตเตอร์กระชับฉับไว twitter.com/longtunman
.
ไลน์ส่งข้อความตรงวันละครั้ง line.me/R/ti/p/%40longtunman
----------------------

References
-http://www2.bot.or.th/financialliteracy/exchangerate/01_01_contentdownload_inflation.pdf
-http://www2.bot.or.th/statistics/ReportPage.aspx?reportID=90&language=th
-http://www2.bot.or.th/statistics/ReportPage.aspx?ReportID=409
-https://www.set.or.th/set/financialplanning/glossary.do?contentId=8