ฟองสบู่ลูกใหม่ ของอเมริกา?

ฟองสบู่ลูกใหม่ ของอเมริกา?

21 ส.ค. 2017
ทุกคนคงจะได้ยินผ่านหูกันมาว่าช่วงนี้ดัชนี Dow Jones ทำจุดสูงสุดใหม่
เช่นเดียวกับ s&p 500 เช่นกันที่ทำ New High ต่อเนื่อง
แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า “งานเลี้ยงทุกงานย่อมมีวันเลิกรา” ตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน
Shiller P/E คืออะไร?
นักลงทุนส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินแต่ PE ratio ธรรมดา แต่น้อยคนคงจะรู้จักว่า Shiller P/E คืออะไร
โดยปกติแล้ว PE Ratio จะใช้ Price หารด้วย EPS เฉลี่ยย้อนหลังไป 1 ปี
แต่สำหรับ Shiller PE จะใช้ Price หารด้วย EPS เฉลี่ยย้อนหลังไปถึง 10 ปี
ถามว่าทำไมต้อง 10 ปี?
Benjahim Graham บิดาแห่งวงการ Value Investor เคยกล่าวไว้ว่า กำไรของบริษัทด้วยระยะเวลาแค่ 1 ปีมันสั้นเกินกว่าจะวัดผลได้
ทำให้เค้านิยมที่จะใช้กำไรของบริษัทด้วยระยะเวลา 5 -10 ปี (อ้างอิงจากหนังสือ Security Analysis) เพราะระยะเวลาประมาณ 10 ปีมันครอบคลุมวัฏจักรของเศรษฐกิจได้ครบรอบทั้งขาขึ้นขาลง
ทีนี้เรามาดูกันดีว่าตอนนี้ Shiller PE Ratio ของ S&P 500 มีค่าเท่าไรกัน
ปรากฎว่าตอนนี้ Shiller PE Ratio ของ S&P 500 มีค่าสูงถึง 29.66
ระดับนี้เป็นระดับเดียวกับก่อนที่โลกจะเกิด Great Depression และสูงกว่าตอน Hamburger Crisis และ Black Monday
มีแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่ Shiller PE Ratio สูงกว่าตอนนี้คือช่วง ฟองสบู่ Dotcom
ซึ่งเอาจริงๆ สภาวะในตอนนั้นกับตอนนี้ก็นับว่ามีส่วนคล้ายกันอยู่มาก เพราะตอนนั้นทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันหมดว่าหุ้น Technology นี่แหละที่จะเป็นตัวชูโรงในตลาดหุ้น
หากหุ้นใน S&P 500 ยังไม่สามารถทำกำไรเติบโตแบบมหาศาลและต่อเนื่องได้ละก็ เราอาจจะได้เห็นจุดจบของฟองสบู่ลูกนี้ของสหรัฐอเมริกาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีบางคนโต้แย้งว่า หุ้น Technology ในรอบนี้ไม่ได้แพงแบบไร้เหตุผลเหมือนสมัยนั้น
สมัยนี้ต่างจากสมัยนั้นมาก
วันนี้ทุกคนก้มหน้าเล่นมือถือทุกวันทุกเวลา ต่างจากสมัยนั้นที่มีไม่กี่คนที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
ทำให้บริษัทเทคโนโลยีในตอนนี้มีกำไรมหาศาลที่แตกต่างจากตอนนั้นที่มีแต่ความหวัง
และอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน ที่ไม่เหมือนสมัยนั้นที่อัตราดอกเบี้ยสูงกว่านี้
การที่อยู่ในช่วงที่มีดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ discount rate ต่ำ และทำให้มูลค่าสินทรัพย์สูงขึ้นอาจจะเป็นเรื่องปกติ
ก็ต้องคอยติดตามกันว่า Shiller PE Ratio จะเป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำหรือไม่?
แต่ตอนนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัท Technology เหล่านี้กำลังจะครอบครองโลกมากขึ้น และมีกำไรที่เติบโตขึ้นไปอีก แต่ราคาหุ้นก็อาจจะสะท้อนความคาดหวังเรื่องพวกนี้ไปแล้ว..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.