FINANCIAL TIMES หนังสือพิมพ์ที่มีกำไร / โดย ลงทุนแมน

ถ้าเราคิดว่าหนังสือพิมพ์ทุกรายจะต้องขาดทุน
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Financial Times
หากพูดถึง สื่อทางด้านการเงิน ที่มีชื่อเสียง
หนึ่งในนั้น จะต้องมีชื่อของ “Financial Times”

แต่รู้หรือไม่ว่า สื่อรายนี้ มีอายุมากกว่าร้อยปี แต่ก็ปรับตัวอยู่ตลอดเวลา จนสามารถประสบความสำเร็จในการขายหนังสือพิมพ์บนโลกออนไลน์ได้

เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

Financial Times คือ สื่อสำนักข่าว ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการเงิน

บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1888 หรือ 131 ปีที่แล้ว ที่ประเทศอังกฤษ โดยนายเจมส์ เชอริแดน และ นายโฮราทิโอ บอททอมลีย์

เอกลักษณ์ของหนังสือพิมพ์เจ้านี้ คือการใช้กระดาษสีชมพูแบบปลาแซลมอน (Salmon Pink) ทำให้มีความแตกต่าง และโดดเด่นเป็นที่จดจำของผู้อ่าน

หลังจากนั้น เวลาผ่านไปเกือบร้อยปี โลกเปิดเสรีการค้า ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

Financial Times จึงได้ขยายเนื้อหาสู่ระดับนานาชาติ โดยเริ่มตีพิมพ์นอกเกาะอังกฤษเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1979 จนปัจจุบันวางขายไปในหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น ยุโรป สหรัฐอเมริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ บริษัทยังร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ในการจัดทำข้อมูลดัชนีราคาอีกด้วย

หลายคนที่ติดตามตลาดหุ้นต่างประเทศ อาจจะเคยเห็นดัชนีของอังกฤษที่ชื่อว่า FTSE

รู้หรือไม่ว่า ตัวอักษรดังกล่าว ย่อมาจาก
Financial Times และ London Stock Exchange นั่นเอง

ด้วยข้อมูลข่าวที่ครอบคลุมทั่วโลก และบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ ทำให้บริษัทได้รับความเชื่อถือในวงกว้าง

ผลสำรวจกลุ่มผู้อ่าน ที่ทำงานในตำแหน่งระดับสูงของอุตสาหกรรมการเงินโลก
36% เลือกอ่าน Financial Times
32% เลือกอ่าน The Economist
25% เลือกอ่าน The Wall Street Journal

แม้จะเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาด แต่ก็ใช่ว่าจะทำธุรกิจในรูปแบบเดิมได้ตลอดไป

อย่างที่เราทราบกันว่า การพัฒนาของอินเทอร์เน็ตและ Smart Device ต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการสื่อที่อยู่ในแพลตฟอร์มเดิม เช่น หนังสือพิมพ์ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะพฤติกรรมการอ่านเปลี่ยนไป

Financial Times เห็นถึงแนวโน้มดังกล่าว จึงมีการปรับตัว โดยถือเป็นสื่อหนังสือพิมพ์รายแรกๆ ที่เข้ามาทำตลาดออนไลน์

ในปี 1995 บริษัทได้เปิดให้บริการเว็บไซต์ FT.com ซึ่งเปิดให้อ่านฟรี และหารายได้จากค่าโฆษณา

ต่อมา เริ่มมีสำนักข่าวอื่น เข้ามาแย่งพื้นที่โฆษณาออนไลน์มากขึ้น

ทำให้เมื่อปี 2002 บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์มาใช้ระบบสมัครสมาชิก โดยผู้ที่จ่ายเงินเท่านั้นจึงจะสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ได้

ซึ่งถือว่าค่อนข้างท้าทายกับเทรนด์เรื่องความฟรีของข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในขณะนั้น

ในปี 2007 เว็บ FT.com ได้ปรับแผนอีกครั้ง โดยลองเปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ฟรีในจำนวนจำกัดต่อเดือน ถ้าอยากอ่านเพิ่มก็ต้องจ่ายเงิน เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้อ่านมาสมัครสมาชิก

และวิธีการเหล่านี้ก็เริ่มเห็นผลชัดเจน เพราะในปี 2012 จำนวนสมาชิกบนเว็บไซต์ ได้แซงหน้ายอดขายหนังสือพิมพ์กระดาษ และเงินค่าสมาชิกก็สูงกว่าค่าโฆษณาอีกด้วย

ล่าสุดในปี 2015 บริษัทได้ลองเปลี่ยนระบบอีกครั้ง ให้ผู้อ่านทดลองใช้ 1 เดือน โดยจ่ายค่าบริการในราคาเพียง 30 บาท

หากถูกใจ ก็สามารถเลือกสมัคร
บัญชีแบบปกติ ในราคา 200 บาทต่อเดือน หรือ
บัญชีแบบ Premium ในราคา 350 บาทต่อเดือน ที่สามารถเข้าอ่านบทวิเคราะห์เชิงลึกได้

ดูเหมือนว่า การพยายามหาวิธีจูงใจผู้บริโภคอยู่เสมอ จะส่งผลให้ยอดขายของสื่อรายนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน Financial Times ขายหนังสือพิมพ์ได้เฉลี่ยวันละ 1 ล้านฉบับ
ซึ่ง 75% นั้น เป็นลูกค้าบนโลกออนไลน์

ผลประกอบการ ปี 2018 ของ Financial Times
รายได้ 11,830 ล้านบาท
กำไร 1,020 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า
แม้มีปัจจัยที่เข้ามา Disrupt ธุรกิจอย่างรุนแรง
แต่ใช่ว่า ผู้ที่ถูกท้าทาย จะต้องพ่ายแพ้เสมอไป

หากรู้จักปรับเปลี่ยนรูปแบบบริการ ให้เข้ากับแนวโน้มของตลาด รวมทั้งรักษามาตรฐานคุณภาพให้ดี
ก็จะสามารถประสบความสำเร็จ และอยู่รอดเป็นร้อยๆ ปีได้เช่นกัน

ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ..

จนถึงตอนนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า Financial Times เป็นของประเทศอังกฤษ

แต่ความจริงแล้ว บริษัท Pearson ผู้ถือครองธุรกิจ Financial Times ได้ขายกิจการไปแล้วเมื่อปี 2015 ในราคา 40,800 ล้านบาท

และเจ้าของคนใหม่ เป็นบริษัทเอเชีย

นั่นคือบริษัท Nikkei สื่อสำนักข่าวของญี่ปุ่นนั่นเอง..
----------------------
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่ อ่านฟรี
โหลดเลย Blockdit.com/download
----------------------
References
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Financial_Times
-https://www.reuters.com/article/us-nikkei-ft-readers/financial-times-reaches-a-million-paying-readers-idUSKCN1RD1TF
-https://www.ft.com/products?segID=400863&segmentID=190b4443-dc03-bd53-e79b-b4b6fbd04e64