เบื้องหลังความสำเร็จของ “Sasin School of Management” สถาบันสอนบริหารธุรกิจไทยหนึ่งเดียวที่ติดอันดับโลก Financial Times Ranking / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x Sasin

วันนี้การเรียนไม่ได้วัดกันที่ใครจำเนื้อหาได้มากกว่า แต่คือการสร้าง “พื้นที่” ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เชื่อมต่อกับผู้คน แลกเปลี่ยนความคิด และเปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นโอกาสจริง

เมื่อเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามามีบทบาท ความรู้เลยเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยให้คนเรารับมือได้ แต่สิ่งที่จะพาไปได้ไกลกว่าคือ “ความคิดสร้างสรรค์” ที่เปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นการลงมือทำจริง และ “คอนเน็กชัน” ที่เปิดประตูสู่โลกใหม่

ทีนี้ถ้าถามว่า สถาบันไหนในประเทศไทยสะท้อนแนวคิดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงความรู้กับโลกจริงได้ดีที่สุด หนึ่งในชื่อที่หลายคนจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ คือ Sasin School of Management

สถาบันการศึกษาด้านบริหารธุรกิจชั้นนำของไทย ที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Asia’s Top 25 from QS Global MBA Rankings และยังเป็นสถาบันแห่งเดียวของไทยที่ติดใน Financial Times Global EMBA Top 100

ครั้งนี้ ลงทุนแมน ได้รับโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ศาสตราจารย์เอียน เฟนวิค (Professor Ian Fenwick) ผู้อำนวยการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพูดคุยถึงแนวคิด การปรับตัว และอนาคตของการเรียนรู้ในยุคที่โลกธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เบื้องหลังความสำเร็จของ Sasin ตลอดกว่า 43 ปี คืออะไร ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง

Sasin ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 จากความร่วมมือระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Kellogg School of Management แห่ง Northwestern University และ Wharton School แห่ง University of Pennsylvania

โดยทั้ง 3 แห่งต่างก็เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก ที่มีความโดดเด่นด้านการเรียนการสอน การพัฒนาผู้นำ และการสร้างนวัตกรรมทางความคิด ที่กลายเป็นรากฐานสำคัญให้ Sasin เติบโตขึ้นเป็นสถาบันสอนบริหารธุรกิจระดับนานาชาติของไทย

ปัจจุบัน Sasin เปิดสอนหลักสูตรหลัก ได้แก่

- MBA สำหรับผู้บริหารและคนทำงานที่ต้องการต่อยอดความรู้ทางธุรกิจ เปิดสอนทั้งเวลากลางวันและช่วงค่ำวันธรรมดา
- EMBA (Executive MBA) สำหรับผู้บริหารระดับกลางถึงสูง เรียนวันศุกร์ค่ำและวันเสาร์
- Connect+ Executive MBA หลักสูตร EMBA ที่ผสานการเรียนออนไลน์เข้ากับ Residentials ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- DBA (Doctor of Business Administration) สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาองค์ความรู้เชิงลึกทางธุรกิจ และ Ph.D. สำหรับผู้ที่ต้องการต่อยอดความรู้และทำงานในสายการศึกษาและการวิจัย

ล่าสุด Sasin ยังเตรียมเปิดตัวหลักสูตรใหม่ Master in Management (MIM) สำหรับนิสิตนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน โดยใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปี เน้น “การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง” ผ่านการฝึกงานกับบริษัทในประเทศไทย พร้อมโอกาสแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยพันธมิตรทั่วโลก

โดยจุดเด่นของหลักสูตร Sasin คือการออกแบบที่ “ยืดหยุ่นและมองไปข้างหน้า” แบ่งออกเป็นวิชาบังคับ (Required Courses) และวิชาเลือก (Elective Courses) ในสัดส่วนประมาณครึ่งต่อครึ่ง เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้พื้นฐานทางธุรกิจที่จำเป็น ควบคู่กับการต่อยอดในสิ่งที่สนใจได้อย่างอิสระ

โดย ศาสตราจารย์เอียน เฟนวิค เล่าว่า

ตลอดกว่า 25 ปีที่ศาสตราจารย์เอียนสอนที่ Sasin หลักสูตรของ Sasin ได้ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเรียนรู้และการตัดสินใจขององค์กร

หากในอดีตหลักสูตร MBA เน้นวิชาคณิตศาสตร์หรือสถิติเป็นวิชาบังคับ ปัจจุบันได้ปรับให้มุ่งเน้น “การวิเคราะห์และการลงมือทำจริง” มากขึ้น เช่น การคิดเชิงกลยุทธ์, การสร้างแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการพัฒนาภาวะผู้นำที่พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนของโลกธุรกิจ

ในหมวดวิชาเลือก นิสิตยังสามารถออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเองได้ตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น การต่อยอดด้านการเงิน, การวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างธุรกิจใหม่ หรือการบริหารธุรกิจครอบครัวในยุคใหม่

และล่าสุด Sasin ยังได้เพิ่มวิชา Action Learning Lab ให้นิสิตได้ลงมือทำจริง เช่น Lab ด้านความยั่งยืน (ESG Lab) และ Lab ด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI Consulting Lab) สะท้อนแนวทางการเรียนรู้ที่เน้น “ประสบการณ์จริง” มากกว่าทฤษฎี

เพราะในวันที่เทคโนโลยีอย่าง AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญที่สุดจึงไม่ใช่การจำเนื้อหา แต่คือการพัฒนาทักษะที่เครื่องจักรทำแทนไม่ได้ อย่างการคิดเชิงกลยุทธ์ ความเข้าใจมนุษย์ และภาวะผู้นำในโลกธุรกิจยุคใหม่

ทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Sasin ที่ต้องการเป็น “A Leading Global Management School. For Tomorrow's World.” ภายใต้แนวคิด “Global Reputation for Regional Expertise”

แล้วอะไรทำให้ Sasin ได้รับการยอมรับในระดับโลกอย่าง QS Rankings และ Financial Times ในกลุ่มสถาบันสอนบริหารธุรกิจชั้นนำของเอเชีย ?

Financial Times และ QS Rankings ต่างเป็นระบบการจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก โดยใช้เกณฑ์ประเมินหลายด้าน ทั้งชื่อเสียงทางวิชาการ คุณภาพของคณาจารย์ ผลงานวิจัย สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และความสำเร็จของบัณฑิตหลังสำเร็จการศึกษา

- ด้านชื่อเสียงทางวิชาการ

หนึ่งในจุดแข็งของ Sasin คือ ความร่วมมือระดับนานาชาติที่แข็งแกร่ง โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เช่น MIT Sloan School of Management เปิดโอกาสให้นิสิตได้ทำโครงการธุรกิจจริงร่วมกัน ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐฯ

พร้อมทั้งมีเครือข่ายกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศจีนอย่าง Tsinghua University, Fudan University และ Zhejiang University ให้นิสิตได้เรียนรู้จากโครงการจริง เข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม และแนวทางธุรกิจในเอเชียอย่างลึกซึ้ง

- ด้านคุณภาพของคณาจารย์

Sasin มีทั้งคณาจารย์ประจำ (Full-time) และอาจารย์รับเชิญ (Visiting Professors) จากหลากหลายประเทศ ซึ่งล้วนจบการศึกษาหรือสอนอยู่ในมหาวิทยาลัยระดับโลก

ไม่ว่าจะเป็น Kellogg, Wharton, Harvard รวมถึงสถาบันชั้นนำในยุโรปและเอเชีย ทำให้นิสิตได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทั้งมุมมองระดับโลกและบริบทของภูมิภาคอย่างแท้จริง

- ด้านงานวิจัย

Sasin ให้ความสำคัญกับการทำวิจัยที่สร้างคุณค่าให้กับภาคธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมหลากหลายสาขา เช่น กลยุทธ์ธุรกิจ, การตลาด, การจัดการนวัตกรรม และการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในโลกธุรกิจยุคใหม่

- ด้านสภาพแวดล้อมการเรียนรู้

ปัจจุบัน Sasin มีนิสิตต่างชาติกว่า 20% จากทั่วโลก ทั้งจากสหรัฐฯ จีน ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความหลากหลายนี้ ช่วยให้นิสิตได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญของผู้นำในโลกธุรกิจยุคใหม่ และยังช่วยสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติที่แข็งแกร่ง

อีกหนึ่งจุดเด่นคือ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบตะวันตก ที่เน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การตั้งคำถาม และการถกเถียงอย่างมีเหตุผล เพื่อส่งเสริมให้นิสิตกล้าคิด กล้าแสดงออก และพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์อย่างแท้จริง

- ด้านความสำเร็จของบัณฑิตหลังสำเร็จการศึกษา

เครือข่ายนิสิตเก่าของ Sasin ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญ ซึ่งเติบโตเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง เจ้าของกิจการ และผู้นำในองค์กรระดับนานาชาติ

เครือข่ายนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสทางอาชีพให้กับบัณฑิตรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างนิสิตเก่ารุ่นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เอียน เฟนวิค มองว่า แม้การได้รับการจัดอันดับจากสถาบันระดับโลกจะเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “การได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง”

เพราะสิ่งที่ทำให้ Sasin แตกต่าง ไม่ได้อยู่เพียงในตัวเลขหรืออันดับ แต่อยู่ในบรรยากาศการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นิสิตได้คิด ถาม และลงมือทำอย่างแท้จริง

ท้ายนี้ ถ้าถามว่าอะไรคือเหตุผลที่นักเรียนหรือเจ้าของธุรกิจ ซึ่งกำลังตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทควรเลือก Sasin

ศาสตราจารย์เอียนได้ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า..

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน”

หากเป้าหมายคือ การเติบโตในต่างประเทศ การไปเรียนต่อต่างประเทศจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะจะได้พบกับเพื่อนร่วมรุ่นจากทั่วโลก และสร้างเครือข่ายในสภาพแวดล้อมระดับนานาชาติ

แต่ถ้าเป้าหมายคือ การทำงาน หรือสร้างธุรกิจในประเทศไทย หรือในภูมิภาคที่กำลังเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Sasin คือคำตอบที่เหมาะที่สุด

เพราะที่นี่ไม่เพียงมอบองค์ความรู้ที่ได้มาตรฐานระดับโลก แต่ยังมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งในภูมิภาค พร้อมสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการลงมือทำจริง

เพราะในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ความรู้คือจุดเริ่มต้น แต่ “การลงมือทำ” คือสิ่งที่พาเราไปข้างหน้า

และนั่นคือสิ่งที่ Sasin ยึดมั่นมาตลอด ในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่พร้อมเปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นการลงมือทำจริง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณค่า ทั้งต่อตัวเอง องค์กร และสังคม นั่นเอง..

สำหรับใครที่สนใจอยากร่วมเติบโตไปในโลกธุรกิจยุคใหม่
สามารถเข้าร่วมงาน Sasin Open House ได้ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน นี้ เวลา 10:00 น. สนใจลงทะเบียนได้ที่ https://tinyurl.com/4k8xectw

ภายในงานจะได้พบกับคณาจารย์ นิสิตเก่า และนิสิตปัจจุบัน พร้อมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และรับฟังข้อมูลหลักสูตรต่าง ๆ ของ Sasin อย่างใกล้ชิด เพื่อค้นหาเส้นทางการเรียนรู้ที่เหมาะกับเป้าหมายในอนาคตของเรา

Reference :
- สัมภาษณ์ตรง ศาสตราจารย์เอียน เฟนวิค ผู้อำนวยการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ลงทุนแมน