เอเชีย กำลังจะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก

เอเชีย กำลังจะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก

14 พ.ค. 2021
เอเชีย กำลังจะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก
KAsset x ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ หนึ่งเป้าหมายสำคัญของยักษ์ใหญ่เอเชีย
คือความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ที่กำลังจะเกิดขึ้นใน 2 ทศวรรษข้างหน้า
ภายในปี 2567 ไต้หวัน ตั้งเป้าขยาย GDP 2.6-3.4% ด้วยห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยี
ภายในปี 2570 เกาหลีใต้ ตั้งเป้าผลิตยานยนต์ไร้คนขับที่มีเทคโนโลยีระดับ 4 ได้สำเร็จ
ภายในปี 2578 จีน ประกาศตัวจะขึ้นเป็น ผู้นำโลกในด้านเทคโนโลยี
“เทคโนโลยี” ไม่เพียงแต่จะเป็นเป้าหมายสร้างการเติบโตระดับประเทศ
แต่ในแง่ของบริษัทเทคโนโลยีเอเชีย ในขณะนี้
กำลังจะฉายแววเป็น “ตัวจริง” ด้านเทคโนโลยีระดับโลก เช่นกัน..
เรื่องนี้ มีความน่าสนใจ และเราจะมีส่วนร่วมกับโอกาสนี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยิ่งวงการเทคโนโลยีเติบโตเท่าไร
ธุรกิจผู้ผลิตชิป หัวใจสำคัญของอุปกรณ์เทคโนโลยี ยิ่งได้รับประโยชน์มากเท่านั้น
หนึ่งธุรกิจผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ก็คือ Taiwan Semiconductor หรือ TSMC ประเทศไต้หวัน
ปัจจุบัน TSMC ครองส่วนแบ่งการตลาดเซมิคอนดักเตอร์ 55.6%
หนึ่งลูกค้าคนสำคัญของ TSMC ก็คือ Apple
ที่เริ่มต้นผลิตมาตั้งแต่ชิป A8 บน iPhone 6
เรื่อยมาจนถึงชิป M1 บน MacBook รุ่นล่าสุด
ซึ่งนอกจาก Apple แล้ว ยังมีหลากหลายธุรกิจเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่เป็นลูกค้า TSMC
อาทิ Nvidia, AMD, Broadcom และ Qualcomm
ที่น่าสนใจคือ TSMC ยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก
สะท้อนได้จากเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ทันสมัยที่สุดในโลก
ที่เรียกว่า ชิปขนาด 5 นาโนเมตร ก็เป็นหนึ่งผลงานของ TSMC เช่นกัน
นอกจากธุรกิจเทคโนโลยีไต้หวัน จะเฉิดฉายในวงการเซมิคอนดักเตอร์โลกแล้ว
เอเชียยังมีธุรกิจเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่กำลังเติบโต รองรับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป
หนึ่งในนั้นคือ Tencent Holdings ธุรกิจเทคโนโลยีสัญชาติจีน
ซึ่งเป็น 1 ใน 10 อันดับบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าบริษัท (Market Cap.) สูงสุดของโลก
ผลิตภัณฑ์และบริการของ Tencent Holdings
กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีตัวเลขผู้ใช้งาน WeChat สูงถึง 1,225 ล้านคน
WeChat ไม่เพียงเป็นแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ด้านโซเชียลมีเดีย
แต่ยังเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน Ecosystem ที่ดีที่สุดในโลก
ที่มีบริการครอบคลุม อาทิ บริการเรียกรถ, บริการสั่งอาหาร, บริการนัดพบแพทย์, บริการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม
นอกจากนี้ Tencent Holdings ยังเป็นผู้ให้บริการเกมออนไลน์ยอดนิยม
อาทิ Honour of Kings, League of Legends, PUBG อีกด้วย
นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของธุรกิจ Tencent Holdings
ปี 2020 สร้างรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท โตขึ้น 28%
นอกจาก แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย และเกมออนไลน์
จะกลายเป็น “ธุรกิจทองคำ” ที่กำลังเติบโต รองรับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป
อีกหนึ่งเทรนด์ร้อนแรงไม่แพ้กันก็คือ “ช็อปปิงออนไลน์”
รู้หรือไม่ว่า เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อสินค้าออนไลน์ระดับโลกอย่าง Shopee
คือธุรกิจเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ ที่มีชื่อว่า Sea Group
95% ของยอดการช็อปปิงออนไลน์เกิดขึ้นในสมาร์ตโฟน
Shopee วางกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
ไม่เพียงแต่จะพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
แต่ยังต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ในแต่ละประเทศ อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น Shopee Barokah ในประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งจะขายสินค้าและบริการแก่ชาวมุสลิมโดยเฉพาะ ในช่วงเดือนถือศีลอด นั่นเอง
ปัจจุบัน Shopee กลายเป็นแอปพลิเคชันช็อปปิงออนไลน์ติดลมบน
ปี 2020 มียอดสั่งซื้อ (Gross Orders) 2.8 พันล้านคำสั่งซื้อ โตขึ้น 132.8%
และมีมูลค่าปริมาณการขายสินค้ารวม (GMV) 1.1 ล้านล้านบาท โตขึ้น 101.1%
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยี ตามทันโลกอนาคตแล้ว
ยังต้องมี จำนวนผู้ใช้งาน ที่นับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น อีกด้วย
ท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่พึ่งพิงบริการบนโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ประกอบกับการผลักดันประเทศ สู่เป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
สะท้อนได้ว่า ธุรกิจเทคโนโลยีเอเชีย กำลังมาถูกทาง..
แล้วโอกาสการเติบโตเหล่านี้ เราจะมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง ?
นอกจาก การใช้สอยประโยชน์ในฐานะของผู้บริโภคแล้ว
ต้องยอมรับว่า ธุรกิจเทคโนโลยีเอเชีย คือโอกาสลงทุนที่จะสร้างการเติบโตที่น่าสนใจไม่น้อย
หนึ่งช่องทางการลงทุนที่จะสร้างการเติบโตไปกับธุรกิจเทคโนโลยีเอเชียที่ทำได้ง่าย ๆ
ก็คือการลงทุนผ่านกองทุนรวม ที่จะทำให้เราได้กลายเป็นหนึ่งในเจ้าของธุรกิจเหล่านี้
โดยกองทุนธุรกิจเทคโนโลยีเอเชียที่น่าสนใจ คือ กองทุน K-ATECH
กองทุน K-ATECH มีจุดเด่นที่น่าสนใจ
คือ กองทุนหลักจะเข้าไปลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วเอเชียแปซิฟิค
โดยเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตสูงและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
ภายใต้ 5 ธีมธุรกิจเทคโนโลยีสำคัญ ประกอบด้วย
- ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและสื่อออนไลน์
- ธุรกิจเกมออนไลน์
- ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนสมาร์ตโฟน
- ธุรกิจหุ่นยนต์อุตสาหกรรม
ตัวอย่างธุรกิจเทคโนโลยีชั้นนำ ที่ได้เข้าไปลงทุนนั้น
นอกจาก TSMC ประเทศไต้หวัน, Tencent Holdings ประเทศจีน, Sea Group ประเทศสิงคโปร์ แล้ว กองทุน K-ATECH ยังได้ลงทุนในหลากหลายธุรกิจเทคโนโลยีชั้นนำ อาทิ
- Meituan ประเทศจีน
เจ้าของแอปพลิเคชันสั่งและจัดส่งอาหารครบวงจร ครองส่วนแบ่งตลาด 60% ของประเทศจีน
และมียอดส่งอาหาร 27.7 ล้านครั้งในปี 2563
- Samsung Electronics ประเทศเกาหลีใต้
ผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศเกาหลีใต้ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง
ครองส่วนแบ่งตลาดมือถืออันดับ 1 ของโลก
- Nintendo ประเทศญี่ปุ่น
ผู้ผลิตเครื่องเล่นเกมชั้นนำของโลกมานานกว่า 132 ปี
ล่าสุด Nintendo Switch สามารถทำยอดขายทะลุ 79 ล้านเครื่องทั่วโลกในปี 2563
พูดง่าย ๆ ว่า ลงทุนในกองทุน K-ATECH เพียงกองเดียว
ก็เหมือนได้ลงทุนธุรกิจเทคโนโลยีชั้นนำ ครอบคลุมทั่วเอเชีย เลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือ กองทุน K-ATECH เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund
โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Pacific Technology - Class C (acc) - USD​
ที่มีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ในปี 2540) เฉลี่ย 11.77%* ต่อปี (ข้อมูล ณ 28 ก.พ. 64)
ใครที่สนใจลงทุน กองทุน K-ATECH ซื้อได้ง่าย ๆ ผ่าน K PLUS และ K-My Funds หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุน ได้ที่ https://bit.ly/3odshUE
โลกของการลงทุน มักจะมองหาธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโต
สำหรับ ธุรกิจเทคโนโลยีเอเชีย โอกาสลงทุนที่จะสร้างการเติบโตที่ว่านี้
ไม่ใช่แค่เรื่องการเติบโตของตัวเลขผู้ใช้งาน แต่ธุรกิจเหล่านี้ยังสามารถเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในระดับโลก ได้อีกด้วย..
หมายเหตุ:
*Share Class (acc) - USD ซึ่งเป็น Class ที่มีผลการดำเนินงานยาวที่สุด
-ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน
-ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
-กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศ มิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้อยู่ในดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้นผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.