สรุปเรื่อง จักรวรรดิอังกฤษ เครือจักรภพ ฉบับสมบูรณ์

สรุปเรื่อง จักรวรรดิอังกฤษ เครือจักรภพ ฉบับสมบูรณ์

23 พ.ค. 2021
สรุปเรื่อง จักรวรรดิอังกฤษ เครือจักรภพ ฉบับสมบูรณ์ /โดย ลงทุนแมน
ภาษาอังกฤษก้าวขึ้นมาเป็นภาษาสากลของโลก
ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาที่มีคนใช้เป็นภาษาแม่มากที่สุด
โดยหนึ่งในเบื้องหลังที่สำคัญที่สุด ก็คือ “จักรวรรดิอังกฤษ”
จากประเทศเกาะเล็ก ๆ สุดขอบทวีปยุโรป เติบโตขึ้นจนสามารถครอบครองดินแดน
และสร้างอาณานิคมไว้ทั่วทุกมุมโลก จนได้ฉายาว่า จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
ในยุครุ่งเรืองที่สุด จักรวรรดิอังกฤษครอบครองพื้นที่มหาศาลถึง 1 ใน 4 ของโลก
ซึ่งนับเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ..
แล้วถ้าอำนาจของจักรวรรดิอังกฤษยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้จะใหญ่ขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่น มาฟังความเป็นมาของจักรวรรดิแห่งนี้กันสักนิด..
ดินแดนอังกฤษตั้งอยู่ในหมู่เกาะที่อยู่ริมสุดด้านตะวันตกของทวีปยุโรป
โดยมีช่องแคบกั้นระหว่างหมู่เกาะแห่งนี้กับผืนแผ่นดินใหญ่
การเป็นเกาะโดดเดี่ยวที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับใคร ถึงแม้จะมีข้อเสียในเรื่องการเดินทางค้าขาย
แต่กลับมีข้อดีอย่างมาก เพราะในระหว่างที่ดินแดนอื่น ๆ ในยุโรปที่มีพรมแดนติดต่อกัน
เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามนับครั้งไม่ถ้วน
ความเป็นเกาะ ที่เป็นเหมือนป้อมปราการตามธรรมชาติ ทำให้อังกฤษมีความได้เปรียบในการตั้งรับเมื่อมีศึกสงคราม และเมื่อมีความสูญเสียน้อย ก็มีทรัพยากรที่จะพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ “การเดินเรือ”
ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่กลางทะเลเหนือ และมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีลมแรง ทำให้ชาวอังกฤษค่อย ๆ พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินเรือ ทั้งเพื่อการประมง การติดต่อค้าขายกับประเทศต่าง ๆ และเพื่อการป้องกันประเทศ
สิ่งเหล่านี้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญ ที่ทำให้อังกฤษสามารถพัฒนากองเรือรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจทางกองทัพเรือของยุโรป
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 สเปนกับโปรตุเกสได้นำหน้าอังกฤษในเรื่องของการสำรวจดินแดนนอกทวีปยุโรป เป็นช่วงที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือรับจ้างของจักรวรรดิสเปน
ได้เดินทางมาถึงทวีปใหม่ แต่คิดว่าดินแดนตรงนี้คือทวีปเอเชีย
พอเรื่องเป็นแบบนี้จึงทำให้พระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ ได้แต่งตั้ง จอห์น แคบอต
นักสำรวจชาวอิตาลี ให้เดินทางออกสำรวจเส้นทางไปยังเอเชียเช่นเดียวกันกับสเปน
โดยเดินเรือไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก
จอห์น แคบอต ได้เดินทางถึงทวีปใหม่ ซึ่งก็คือแคนาดาในปัจจุบัน
แต่เขาเข้าใจผิดว่าดินแดนแคนาดานี้คือทวีปเอเชียเช่นเดียวกันกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
แต่พออเมริโก เวสปุชชี นักสำรวจชาวอิตาลี ได้เดินทางตามเส้นทางเดินเรือของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มายังทวีปเอเชียอีกครั้ง เขาก็ได้พบกับความจริงว่า แผ่นดินตรงนี้ไม่ใช่ทวีปเอเชียแต่อย่างใด แต่เป็นดินแดนแห่งใหม่ จึงทำให้เขาตั้งชื่อทวีปนี้ว่า “อเมริกา” ตามชื่อของเขา..
หลังจากนั้น ชาติมหาอำนาจจากตะวันตกต่างก็ยกกองเรือมายังทวีปอเมริกา
และเริ่มที่จะตั้งอาณานิคมของตัวเองในทวีปใหม่แห่งนี้
จักรวรรดิอังกฤษภายใต้การปกครองของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ก็ได้ตั้งอาณานิคมของตน
ในฝั่งตะวันออกของทวีปอเมริกาตอนเหนือ ตั้งแต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17
ด้วยความที่ดินแดนใหม่ในทวีปอเมริกา มีหลายประเทศในยุโรปพยายามจะเข้าไปยึดครอง
จึงทำให้เกิดการสู้รบกันบ่อยครั้งเพื่อที่จะแย่งชิงดินแดนและทรัพยากรธรรมชาติ
แต่เหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด กลับกลายเป็นการสู้รบระหว่างประชาชนในอาณานิคม กับเจ้าอาณานิคมเอง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 18 ระหว่างจักรวรรดิอังกฤษ กับดินแดนในอาณานิคมบริติชอเมริกาที่ต้องการประกาศเอกราช
ผลของสงครามทำให้จักรวรรดิอังกฤษเป็นฝ่ายแพ้ และทำให้บริติชอเมริกาได้รับเอกราชในปี 1776 เกิดเป็นประเทศใหม่ที่ชื่อว่า “สหรัฐอเมริกา”
ถ้าเราคิดว่าจักรวรรดิอังกฤษต้องอ่อนแอลงเพราะสูญเสียดินแดนในอเมริกา เรื่องราวทั้งหมดจะไม่ใช่แบบนั้น
จากการที่ต้องสูญเสียบริติชอเมริกา จุดนี้เองได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการล่าอาณานิคมในดินแดนอื่นของจักรวรรดิอังกฤษอย่างเต็มตัว
ด้วยความที่จักรวรรดิอังกฤษมีกองเรือที่สามารถเดินทางรอบโลกได้แล้ว จึงทำให้พวกเขาออกเดินทางเพื่อล่าอาณานิคมแห่งใหม่เรื่อยมา
ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย, แอฟริกา, อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จนถึงในช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรวรรดิอังกฤษมีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด
มากถึงขนาดที่ในสมัยนั้นจักรวรรดิอังกฤษสามารถครอบครองพื้นที่ได้มากกว่า 30 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็นพื้นที่เกือบ 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั่วโลก
มากกว่าพื้นที่ของสหภาพโซเวียตที่เพิ่งก่อตั้งในปี 1917 ที่มีพื้นที่ประมาณ 22 ล้านตารางกิโลเมตร จึงทำให้จักรวรรดิอังกฤษในช่วงนั้นมีพื้นที่ในการปกครองมากที่สุดในโลก..
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงปี 1920 ดินแดนที่อยู่ภายใต้จักรวรรดิอังกฤษทั้งหมดรวมกันแล้ว
จะมีจำนวนประชากรมากถึง 440 ล้านคน ซึ่งมากกว่าสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น
ที่มีประชากร 110 ล้านคน ถึง 4 เท่า
อังกฤษในฐานะประเทศเจ้าอาณานิคมจะเข้าไปวางรากฐานให้ประเทศอาณานิคมมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเมือง, การศึกษา, โครงสร้างพื้นฐาน, ศาสนา และเศรษฐกิจ
จึงทำให้ประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษบางส่วนสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาต่อยอด จนพัฒนาเศรษฐกิจของตัวเองจนเจริญก้าวหน้าได้ เช่น ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, แคนาดา หรือสิงคโปร์
เรื่องราวก็ดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
ที่แต่ละประเทศต่างได้รับความเสียหายมากมายในช่วงสงคราม
ด้วยความที่อังกฤษเป็นคู่ขัดแย้งหลักในมหาสงครามทั้ง 2 ครั้ง
จึงทำให้ประเทศในอาณานิคมต้องมีความเกี่ยวข้องกับสงครามในที่สุด
โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศในอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษในภูมิภาคเอเชีย ได้ถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นอาณานิคมช่องแคบ, บริติชมาลายา, ฮ่องกง หรือพม่า ส่งผลให้จักรวรรดิอังกฤษเริ่มเสียอำนาจในการปกครองประเทศอาณานิคมดังกล่าว
ถึงแม้ว่าผลสรุปจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 จักรวรรดิอังกฤษจะเป็นผู้ชนะสงคราม
แต่มหาสงครามทั้ง 2 ครั้ง ก็ทำให้จักรวรรดิอังกฤษได้รับความเสียหายมากมายนับไม่ถ้วน
จุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง ที่ทำให้ศูนย์กลางของชาติมหาอำนาจได้ถูกเปลี่ยนมือจากจักรวรรดิอังกฤษไปสู่สหรัฐอเมริกา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ได้มีการเคลื่อนไหวของประชาชนในชาติอาณานิคมมากมายทั่วโลกเพื่อที่จะเรียกร้องเอกราชจากประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, สเปน, โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้จักรวรรดิอังกฤษเริ่มกระบวนการการปลดปล่อยอาณานิคมและได้ก่อตั้ง The Commonwealth of Nations หรือ เครือจักรภพแห่งประชาชาติ โดยไม่ได้บังคับอดีตประเทศในอาณานิคมว่าต้องเข้าเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติแต่อย่างใด
ประเทศที่เป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติจะไม่มีข้อผูกพันใด ๆ กับสหราชอาณาจักร
โดยจุดมุ่งหมายของการก่อตั้งเครือจักรภพแห่งประชาชาตินี้คือ การให้ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ, หลักประชาธิปไตย, สิทธิมนุษยชน, การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ, ความเท่าเทียมทางเพศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกเครือจักรภพแห่งประชาชาติอยู่ 54 ประเทศทั่วโลกในทุกทวีป
เช่น มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินเดีย, ปากีสถาน, แอฟริกาใต้ และอีก 49 ประเทศทั่วโลก
และในประเทศสมาชิก 54 ประเทศนี้ มี 16 ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกันกับสหราชอาณาจักร ซึ่งก็คือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, ปาปัวนิวกินี, จาเมกา และอีก 10 ประเทศ ซึ่งไม่รวมสหราชอาณาจักร
คำถามที่น่าสนใจก็คือ
สมมติถ้าเครือจักรภพแห่งประชาชาติเป็นประเทศเดียวกัน ซึ่งทุกรัฐและทุกดินแดนจะถูกปกครองโดยอังกฤษ ประเทศนี้มันจะใหญ่แค่ไหน ?
คำตอบก็คือ ประเทศ เครือจักรภพแห่งประชาชาติ จะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
โดยจะมีพื้นที่รวมกันกว่า 29 ล้านตารางกิโลเมตร
มากกว่ารัสเซียที่มีพื้นที่ 17 ล้านตารางกิโลเมตร เกือบ 2 เท่า
ขนาดพื้นที่ของเครือจักรภพแห่งประชาชาติน้อยกว่าในช่วงที่เป็นจักรวรรดิอังกฤษ
ก็เพราะว่ามีบางประเทศที่เคยเป็นดินแดนในอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ แต่พอได้เอกราชแล้วก็ไม่ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติ เช่น เมียนมาและอียิปต์
นอกเหนือจากขนาดพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล มีดินแดนตั้งอยู่ในทุกทวีปแล้ว
ประเทศนี้จะมีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม
ด้วยประชากรกว่า 2,400 ล้านคน จะทำให้มีประชากรมากที่สุดในโลก มากกว่าประเทศจีนที่มีประชากร 1,400 ล้านคน และยังมีวัยแรงงานที่พร้อมจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศอย่างมหาศาล
นอกเหนือจากแรงงานแล้ว ประเทศแห่งนี้จะกลายเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรน้ำมันที่มีในแคนาดา ไนจีเรีย และมาเลเซีย
ที่จะทำให้ประเทศนี้มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากกว่า 200 ล้านบาร์เรล
ซึ่งจะทำให้ประเทศนี้มีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเวเนซุเอลาและซาอุดีอาระเบีย
แต่ถ้าใครคิดว่าประเทศนี้จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก คำตอบจะไม่เป็นอย่างนั้น
เพราะเครือจักรภพแห่งประชาชาติจะมีขนาด GDP โดยประมาณอยู่ที่ 351 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาที่ 668 ล้านล้านบาท และจีนที่ 447 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่การสมมติเท่านั้น
เนื่องจากยุคล่าอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษได้สิ้นสุดลงแล้ว
ถ้าจะให้ถือว่าเป็นอย่างทางการจริง ๆ
ก็สิ้นสุดนับตั้งแต่อังกฤษได้คืนเกาะฮ่องกงให้แก่จีนในปี 1997
การสิ้นสุดลงของจักรวรรดิอังกฤษ ส่งผลให้ประเทศในอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ มีความเป็นประเทศเท่าเทียมกัน กับเจ้าอาณานิคมอย่างสหราชอาณาจักรทุกประการ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.historic-uk.com/HistoryUK/HistoryofBritain/Timeline-Of-The-British-Empire/
-https://praenapa.wordpress.com
-https://www.worldometers.info/world-population/population-by-country/
-https://www.bbc.com/thai/international-43796090
-https://thecommonwealth.org/about-us/charter
-https://www.eia.gov/international/data/world/petroleum-and-other-liquids/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.