
สรุปเรื่อง “แรร์เอิร์ท” ไทยได้-เสียอะไร จากอุตสาหกรรมนี้บ้าง ? โพสต์เดียวจบ
สรุปเรื่อง “แรร์เอิร์ท” ไทยได้-เสียอะไร จากอุตสาหกรรมนี้บ้าง ? โพสต์เดียวจบ /โดย ลงทุนแมน
หนึ่งในประเด็นร้อนช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นการที่ไทยลงนามกับสหรัฐฯ เพื่อร่วมมือกันเรื่องแรร์เอิร์ท
หนึ่งในประเด็นร้อนช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นการที่ไทยลงนามกับสหรัฐฯ เพื่อร่วมมือกันเรื่องแรร์เอิร์ท
แต่สิ่งที่หลายคนยังตั้งคำถามก็คือ แล้วเรื่องนี้ไทยจะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ แล้วมีข้อเสียอะไรตามมาอีกบ้าง
ไทยจะได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนว่า อุตสาหกรรมแร่หายากหรือแรร์เอิร์ททำงานกัน 3 ห่วงโซ่ด้วยกัน
- ต้นน้ำ ทำเหมืองแร่ (Mining)
- กลางน้ำ แปรรูปและสกัดแร่ออกมา (Refining)
- ปลายน้ำ ผลิตเป็นแม่เหล็กที่พร้อมไปใช้งานต่อ (Magnet Manufacturing)
- กลางน้ำ แปรรูปและสกัดแร่ออกมา (Refining)
- ปลายน้ำ ผลิตเป็นแม่เหล็กที่พร้อมไปใช้งานต่อ (Magnet Manufacturing)
ดังนั้น ถ้าไทยอยากเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่นี้ คำตอบก็ตรงไปตรงมาว่า เราก็ต้องเป็นหนึ่งในผู้เล่นต้นน้ำ กลางน้ำ หรือปลายน้ำ
และคำถามที่ตามมา ก็คงมีอย่างน้อย 2 เรื่องด้วยกัน นั่นคือ โอกาสที่ไทยพร้อมขอส่วนแบ่งในห่วงโซ่นี้มีมากแค่ไหน และต้นทุนที่เราต้องแลก มีอะไรบ้าง
เริ่มกันที่ ธุรกิจต้นน้ำ หรือ Mining
ปัจจุบัน ต้นน้ำอย่างการทำเหมืองแร่ มีจีนครองส่วนแบ่งการผลิตอยู่ 60% ส่วนที่เหลือก็กระจัดกระจายไปที่อื่น เช่น เมียนมา ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ
อ่านแค่นี้ เราคงสะดุดตากับเมียนมา ว่าทำไมถึงเป็นหนึ่งในผู้เล่นของการทำเหมืองแร่หายาก
เรื่องนี้มาจากการที่จีนเริ่มทำเหมืองแร่หายากในประเทศมาตั้งแต่ปี 1970 แต่ด้วยกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ทำให้จีนเริ่มมองหาแหล่งขุดแร่นอกประเทศ
เพราะในเมื่อความต้องการแร่นี้ยังสูง สวนทางกับการผลิตแร่ที่หยุดชะงักลงในประเทศ สุดท้ายจึงมาลงที่เมียนมา แหล่งผลิตแร่ใหม่ของจีนแทน
แม้เมียนมาจะเกาะขบวนห่วงโซ่แร่หายากได้ แต่ทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่มีอะไรที่ได้มาแบบฟรี ๆ..
สิ่งที่เมียนมาต้องแลกตามมา นั่นคือ ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ จนคนในพื้นที่เริ่มได้รับความเดือดร้อน
ซึ่งไม่ใช่แค่คนในเมียนมาที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น เพราะยังส่งต่อมาให้กับคนไทยในเชียงราย ที่ใช้แม่น้ำสายเดียวกันกับเมียนมาด้วย
แม้แต่สหรัฐฯ ที่เคยทำเหมืองแร่หายากมาตั้งแต่ปี 1949 หรือก่อนจีนเริ่มทำเสียอีก ก็เจอปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จนเหมืองต้องปิดตัวลง แล้วย้ายฐานการผลิตไปที่จีนแทน
ดังนั้น ถ้าเราอยากมีธุรกิจต้นน้ำอย่างเหมืองแร่หายากในประเทศ แม้จะได้ประโยชน์จากการขายแร่หายาก แต่มีต้นทุนที่ต้องแลกไปอย่างเรื่องสิ่งแวดล้อมแทน
แล้วถ้าไม่เลือกต้นน้ำ แต่เลือกเกาะธุรกิจกลางน้ำแบบ การแปรรูปแร่หายากแทน ไทยจะมีโอกาสไหม ?
คำตอบก็คือ ยากยิ่งกว่าการทำเหมืองเสียอีก..
เพราะปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่ครองส่วนแบ่งการผลิตในตลาดแปรรูปแร่หายากนี้ถึง 91% หรือพูดง่าย ๆ คือ แทบเสมือนผูกขาดตลาดนี้ไปแล้ว
การเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ จึงทำได้ไม่ง่ายเลย
ด้วยการที่จีนครองตลาดนี้มานาน จากการเติบโตของเหมืองแร่หายากมาตั้งแต่ปี 1970
ด้วยการที่จีนครองตลาดนี้มานาน จากการเติบโตของเหมืองแร่หายากมาตั้งแต่ปี 1970
ในช่วงนั้น จีนเริ่มกดราคาแร่ให้ต่ำลงจนคู่แข่งอื่นเริ่มล้มหายจากไป ก่อนที่จะหันมาสร้างอุตสาหกรรมกลางน้ำอย่างการแปรรูปแร่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สุดท้าย เลยกลายเป็นว่าจีนครองตลาดแปรรูปแร่นี้ไปด้วย จนประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่จำเป็นต้องพึ่งพาไปเลยทันที
นอกจากการที่จีนครองตลาดมานานแล้ว เทคโนโลยีการแปรรูปแร่หายาก ก็ไม่ใช่ทำกันได้ง่าย ๆ
เพราะแม้ได้ชื่อว่าแร่หายาก แต่ก็พบได้ทั่วไปแทรกปะปนอยู่กับแร่อื่น ๆ ทำให้ความยากยิ่งกว่าคือ จะทำอย่างไรให้ถลุงแร่หายากแยกออกมาพร้อมใช้งานมากขึ้น
ธุรกิจกลางน้ำจึงต้องอาศัยความรู้และความเชี่ยวชาญในการแปรรูปแร่หายากมานานมากพอ ซึ่งไทยก็อาจไม่ได้มีอะไรแบบนี้อยู่ก่อนแล้ว
และเช่นเดียวกับธุรกิจต้นน้ำ ที่ไม่ได้อะไรมาแบบฟรี ๆ เพราะธุรกิจกลางน้ำเอง ก็อาจมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมาด้วย
ตัวอย่างที่ชัดเจนเลยคือ บริษัทเหมืองแร่ Lynas Rare Earths ของออสเตรเลีย ที่เข้าไปตั้งโรงงานแปรรูปแร่หายากในมาเลเซีย เคยโดนประท้วงเรื่องสิ่งแวดล้อมมาแล้ว
ปัญหาที่ว่านี้คือ การกำจัดกากกัมมันตรังสี ซึ่งเกิดจากการนำเข้าแร่จากออสเตรเลียมาแปรรูป จนต้องถูกกดดันให้ย้ายกากกัมมันตรังสีออกไปนอกประเทศแทน
ดังนั้น ถ้าไทยอยากกระโดดเข้าไปเล่นในธุรกิจกลางน้ำ
สิ่งที่ต้องตั้งคำถามตามมาคือ เทคโนโลยีในประเทศพร้อมแค่ไหน และรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างไรดี
สิ่งที่ต้องตั้งคำถามตามมาคือ เทคโนโลยีในประเทศพร้อมแค่ไหน และรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างไรดี
ถ้าไม่ใช่ต้นน้ำ หรือกลางน้ำ แล้วธุรกิจปลายน้ำ อย่างการผลิตแม่เหล็กที่พร้อมนำไปใช้งานต่อ น่าสนใจแค่ไหน ?
ต้องบอกว่า ธุรกิจปลายน้ำแร่หายาก จีนยิ่งเสมือนผูกขาดหนักกว่าธุรกิจกลางน้ำเสียอีก เพราะปัจจุบัน จีนครองส่วนแบ่งการผลิตในตลาดนี้ถึง 94%
ทำให้จีนสามารถคุมซัปพลายเชนการผลิตสินค้าอื่น ๆ ได้สูง ไล่ตั้งแต่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เครื่องบินรบ ไปจนถึงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ AI ในตอนนี้
พอเป็นแบบนี้ ก็แปลว่า ไทยก็ต้องชิงส่วนแบ่งการผลิตอีก 6% ที่เหลือนอกจากจีน ถ้าอยากหวังเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตแร่หายากที่สำคัญของโลก
แต่อีก 6% ที่เหลือตอนนี้ สหรัฐฯ หรือประเทศอื่น ๆ ก็หันมาแย่งชิง เพื่อลดความเสี่ยงของการพึ่งพาจีนในแร่หายากที่พร้อมใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในอนาคต
ตัวอย่างเช่น บริษัท MP Materials ของสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันต้องการทำธุรกิจแร่หายากครบวงจร เริ่มตั้งแต่การทำเหมือง แปรรูป ไปจนถึงผลิตแม่เหล็กพร้อมใช้งานต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าไทยจะตกขบวนธุรกิจปลายน้ำแร่หายากไปเลย เพราะปัจจุบัน ก็มีบริษัทจากแคนาดาอย่าง Neo Performance Materials เข้ามาตั้งโรงงานในไทย
โรงงานนี้อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตแม่เหล็กจากวัสดุแร่หายากอย่างนีโอดิเมียม ที่นำไปผลิตเป็นมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ไทยกลายเป็นหนึ่งในสิบผู้ผลิต
แร่หายากของโลก ก็อาจมาจากการมีโรงงานปลายน้ำอย่าง Neo Performance Materials ก็เป็นได้
แร่หายากของโลก ก็อาจมาจากการมีโรงงานปลายน้ำอย่าง Neo Performance Materials ก็เป็นได้
สรุปแล้ว ถ้าถามว่าไทยจะได้อะไรจากอุตสาหกรรมแร่หายากหรือแรร์เอิร์ทบ้าง ก็ต้องไปดูว่าเราเลือกจะเกาะขบวนห่วงโซ่ต้นน้ำ กลางน้ำ หรือปลายน้ำ
แต่ละช่วงก็จะมีต้นทุนที่ต่างกันออกไป โดยเฉพาะธุรกิจต้นน้ำอย่างเหมืองแร่ และกลางน้ำอย่างการแปรรูปแร่ ก็อาจแลกมาด้วยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ต้องควบคุมให้ได้
หรืออีกอย่างก็คือ เราอาจเลือกตกขบวนแร่หายากนี้ไปแทน แล้วเลือกทุ่มทรัพยากรไปกับสิ่งอื่น เลือกไปเกาะขบวนอื่น ที่นำประเทศให้เติบโตไปกับเทรนด์โลกอย่าง AI ก็ได้เช่นกัน
เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน ที่ AI ยังต้องการใช้ไฟฟ้ามหาศาล แถมยังต้องเป็นพลังงานสะอาดด้วย เราก็สามารถไปได้ในเส้นทางนี้
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็คงกลับมาแค่คำถามเดียวว่า แล้วไทย
จะเป็นผู้เล่นแบบไหนในเศรษฐกิจโลก ที่จะดึงเงินเข้าประเทศให้เติบโตไปข้างหน้าได้จริง ๆ..
จะเป็นผู้เล่นแบบไหนในเศรษฐกิจโลก ที่จะดึงเงินเข้าประเทศให้เติบโตไปข้างหน้าได้จริง ๆ..
References
-https://www.neomaterials.com/neo-magnequench-facility-korat-thailand-earns-a-gold-medal/
-https://www.dw.com/en/can-the-west-break-chinas-grip-on-rare-earths/a-74474562
-https://www.geopoliticalmonitor.com/a-brief-history-of-us-china-rare-earth-rivalry/
-https://www.iea.org/commentaries/with-new-export-controls-on-critical-minerals-supply-concentration-risks-become-reality
-https://www.npr.org/2025/07/23/nx-s1-5475137/china-rare-earth-elements
-https://www.neomaterials.com/neo-magnequench-facility-korat-thailand-earns-a-gold-medal/
-https://www.dw.com/en/can-the-west-break-chinas-grip-on-rare-earths/a-74474562
-https://www.geopoliticalmonitor.com/a-brief-history-of-us-china-rare-earth-rivalry/
-https://www.iea.org/commentaries/with-new-export-controls-on-critical-minerals-supply-concentration-risks-become-reality
-https://www.npr.org/2025/07/23/nx-s1-5475137/china-rare-earth-elements