
BMW R 18 รถมอเตอร์ไซค์ที่เกิดจากตำนานนักสะสมเมื่อ 85 ปีที่แล้ว
BMW R 18 รถมอเตอร์ไซค์ที่เกิดจากตำนานนักสะสมเมื่อ 85 ปีที่แล้ว
BMW Motorrad X ลงทุนแมน
BMW Motorrad X ลงทุนแมน
เคยลองคิดกันบ้างไหมว่า หากเราครอบครองมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ รุ่นหนึ่ง
หากคิดจะขายต่อ มอเตอร์ไซค์คันนั้นจะมีมูลค่าเท่าไร
หากคิดจะขายต่อ มอเตอร์ไซค์คันนั้นจะมีมูลค่าเท่าไร
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่า มอเตอร์ไซค์รุ่นนั้น เป็นของแบรนด์อะไร
และที่สำคัญมันมีมูลค่าทางจิตใจ เป็นที่ต้องการของนักสะสมมากน้อยแค่ไหน
และที่สำคัญมันมีมูลค่าทางจิตใจ เป็นที่ต้องการของนักสะสมมากน้อยแค่ไหน
แล้วเชื่อหรือไม่ว่า ได้มีมอเตอร์ไซค์รุ่นหนึ่งที่มีอายุ 85 ปี
ที่มีการประมูลแย่งชิงกันเป็นเจ้าของ
จนเมื่อจบการประมูลราคาแตะไปที่ 60,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ ๆ 2 ล้านบาท
โดยมอเตอร์ไซค์รุ่นนั้นก็คือ BMW R 5
ที่มีการประมูลแย่งชิงกันเป็นเจ้าของ
จนเมื่อจบการประมูลราคาแตะไปที่ 60,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ ๆ 2 ล้านบาท
โดยมอเตอร์ไซค์รุ่นนั้นก็คือ BMW R 5
ทำไม มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ถึงเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก
ที่น่าสนใจก็คือ ล่าสุดนั้นทาง BMW ได้หยิบนำจุดเด่นของ BMW R 5
มาต่อยอดผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่อย่าง BMW R 18 First Edition
โดยตั้งราคาขาย 1,150,000 บาท
ที่น่าสนใจก็คือ ล่าสุดนั้นทาง BMW ได้หยิบนำจุดเด่นของ BMW R 5
มาต่อยอดผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่อย่าง BMW R 18 First Edition
โดยตั้งราคาขาย 1,150,000 บาท
เรื่องราวทั้งหมดนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
มอเตอร์ไซค์คือสินค้าที่เวลาจะกัดกินมูลค่ามันให้ลดลงเรื่อย ๆ
เพราะเป็นสินค้าที่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีรุ่นใหม่ ๆ มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ล้ำสมัย
เพราะเป็นสินค้าที่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีรุ่นใหม่ ๆ มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ล้ำสมัย
แต่ทฤษฎีดังกล่าวก็มีข้อยกเว้น
หากมอเตอร์ไซค์ รุ่นนั้นเป็นตำนานที่คนยุคปัจจุบันหลงใหล
หากมอเตอร์ไซค์ รุ่นนั้นเป็นตำนานที่คนยุคปัจจุบันหลงใหล
ก็เลยเปลี่ยนสถานะจากมอเตอร์ไซค์ธรรมดากลายเป็น Rare Item
เมื่อเป็นเช่นนี้ “เวลา” ก็จะทำหน้าที่ในการเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ “เวลา” ก็จะทำหน้าที่ในการเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อย ๆ
โดย BMW R 5 ก็อยู่ในทฤษฎีดังกล่าว โดยหลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นนี้
เมื่อ 85 ปีที่แล้วถือเป็นผลงานระดับ Masterpiece ที่พลิกโฉมตลาดเลยทีเดียว
เมื่อดีไซน์ของมอเตอร์ไซค์คันนี้ สร้างความประทับใจให้คนในยุคนั้น
ด้วยความที่ดูทันสมัย โฉบเฉี่ยว และมีแครักเตอร์เป็นของตัวเองที่ชัดเจน
เมื่อ 85 ปีที่แล้วถือเป็นผลงานระดับ Masterpiece ที่พลิกโฉมตลาดเลยทีเดียว
เมื่อดีไซน์ของมอเตอร์ไซค์คันนี้ สร้างความประทับใจให้คนในยุคนั้น
ด้วยความที่ดูทันสมัย โฉบเฉี่ยว และมีแครักเตอร์เป็นของตัวเองที่ชัดเจน

ส่วนอีกหนึ่งจุดขาย ก็คือ BMW R 5 ถือเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นแรก
ที่ทาง BMW ใช้ระบบเกียร์เท้า 4 จังหวะ สามารถทำความเร็วได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งในตอนนั้นถือเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก
ซึ่งสามารถแข่งกับรถสปอร์ตหรูบางรุ่นได้สบาย
ที่ทาง BMW ใช้ระบบเกียร์เท้า 4 จังหวะ สามารถทำความเร็วได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งในตอนนั้นถือเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก
ซึ่งสามารถแข่งกับรถสปอร์ตหรูบางรุ่นได้สบาย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ในอดีต BMW R 5 จะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง แต่ ณ เวลานั้นทาง BMW กำลังเติบโตทางธุรกิจ จึงเร่งผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด
ผลที่ตามมาก็คือ BMW R 5 มีระยะเวลาการผลิตแค่ 1 ปีกว่า ๆ
ความน่าสนใจก็คือ ทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มีเพียงแค่ 2,652 คันทั่วโลกเท่านั้น
ผลที่ตามมาก็คือ BMW R 5 มีระยะเวลาการผลิตแค่ 1 ปีกว่า ๆ
ความน่าสนใจก็คือ ทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มีเพียงแค่ 2,652 คันทั่วโลกเท่านั้น
แล้วในจำนวนดังกล่าว จะมีเหลืออยู่กี่คัน ที่อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน
และยิ่งเป็นที่ต้องการของนักสะสม แน่นอนว่าราคาซื้อขายขึ้นอยู่ที่ความพอใจ
และยิ่งเป็นที่ต้องการของนักสะสม แน่นอนว่าราคาซื้อขายขึ้นอยู่ที่ความพอใจ
BMW จึงนำความนิยมของ BMW R 5 ของคนในยุคนี้ มาต่อยอดธุรกิจตัวเอง
ด้วยการนำความคลาสสิกของมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ที่คนโหยหา
มาผสมผสานกับเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัย
จนเกิดเป็นแนวคิดในการผลิตรถรุ่น BMW R 18 First Edition
ด้วยการนำความคลาสสิกของมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ที่คนโหยหา
มาผสมผสานกับเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัย
จนเกิดเป็นแนวคิดในการผลิตรถรุ่น BMW R 18 First Edition

ทีนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้ว BMW R 18 ถอดแบบดีไซน์ความคลาสสิกจากรุ่นดั้งเดิม
ตรงส่วนไหนบ้าง
ตรงส่วนไหนบ้าง
หากมองในแง่ภาพรวมของดีไซน์ ก็ต้องบอกว่า BMW หยิบเอาความคลาสสิก
ในอดีตเกือบทั้งหมดมาใส่ไว้ในมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้อย่างลงตัว
โดยเฉพาะ 5 จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นเก่าเมื่อ 85 ปีที่แล้ว
ในอดีตเกือบทั้งหมดมาใส่ไว้ในมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้อย่างลงตัว
โดยเฉพาะ 5 จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นเก่าเมื่อ 85 ปีที่แล้ว

เริ่มที่จุดสังเกตง่ายสุด ก็น่าจะเป็นการใช้โทนสีโดยรุ่น BMW R 18
จะเป็นการใช้สีดำตัดกับเส้นขาว ซึ่งเหมือนกับรุ่นเก่า BMW R 5
และการใช้โทนสีสไตล์นี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นเอกลักษณ์มอเตอร์ไซค์สายคลาสสิกของ BMW เกือบทุกรุ่น
จะเป็นการใช้สีดำตัดกับเส้นขาว ซึ่งเหมือนกับรุ่นเก่า BMW R 5
และการใช้โทนสีสไตล์นี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นเอกลักษณ์มอเตอร์ไซค์สายคลาสสิกของ BMW เกือบทุกรุ่น

ขณะที่ในตัวเครื่องยนต์จะเป็น Boxer แบบเดิม
เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นที่เรียกว่า Big Boxer
โดยมีขนาด 2 ลูกสูบ 1800 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ Boxer ขนาดใหญ่สุดเท่าที่ BMW เคยใช้มา
เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นที่เรียกว่า Big Boxer
โดยมีขนาด 2 ลูกสูบ 1800 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ Boxer ขนาดใหญ่สุดเท่าที่ BMW เคยใช้มา

ที่น่าสนใจคือ ถึงแม้เครื่องยนต์ Boxer จะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นตามยุคสมัย
แต่สิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยก็คือ ยังขับเคลื่อนด้วยเพลาเหมือนเดิม
เหมือนถึงขนาดที่ว่าตรงเพลานั้นจะเป็นแบบเปลือยเปล่า
ทำให้เห็นระบบการทำงานชัดเจน
ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังมองกลไกนาฬิกาโบราณ กำลังทำงานอยู่
แต่สิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยก็คือ ยังขับเคลื่อนด้วยเพลาเหมือนเดิม
เหมือนถึงขนาดที่ว่าตรงเพลานั้นจะเป็นแบบเปลือยเปล่า
ทำให้เห็นระบบการทำงานชัดเจน
ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังมองกลไกนาฬิกาโบราณ กำลังทำงานอยู่

ส่วนตัวถังก็ยังคงเอกลักษณ์การเป็นรูปหยดน้ำเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
และสามารถจุน้ำมันได้ถึง 16 ลิตร
และสามารถจุน้ำมันได้ถึง 16 ลิตร
มาถึงดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้าย ถึงจะคงดีไซน์ไว้เหมือนเดิมหมดทุกอย่าง
แต่หลอดไฟจะถูกเปลี่ยนมาใช้แบบ LED
แต่หลอดไฟจะถูกเปลี่ยนมาใช้แบบ LED

ส่วนเทคโนโลยีที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาก็คือหน้าจอเรือนไมล์มีทั้งเข็มแอนะล็อก
และระบบวัดความเร็วดิจิทัลอยู่ในเรือนไมล์เดียวกัน
และระบบวัดความเร็วดิจิทัลอยู่ในเรือนไมล์เดียวกัน

จนถึงยังมีเทคโนโลยีเกียร์ถอยหลัง
ลองคิดดูว่าหากเราต้องใช้เท้าในการถอยมอเตอร์ไซค์คันนี้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม
คงเป็นเรื่องยากลำบากไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นการมีเกียร์ถอยหลัง
เป็นอะไรที่ทาง BMW คิดเผื่อไว้ให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างดี
ลองคิดดูว่าหากเราต้องใช้เท้าในการถอยมอเตอร์ไซค์คันนี้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม
คงเป็นเรื่องยากลำบากไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นการมีเกียร์ถอยหลัง
เป็นอะไรที่ทาง BMW คิดเผื่อไว้ให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างดี

แล้วใครกันที่เป็นลูกค้าของมอเตอร์ไซค์คันนี้
หลายคนน่าจะตอบเหมือนกันหมด ก็คือคนที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิก
และก็อยากนำไปขับขี่โชว์บนท้องถนน เพื่อสะท้อนรสนิยมของตัวเอง
หลายคนน่าจะตอบเหมือนกันหมด ก็คือคนที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิก
และก็อยากนำไปขับขี่โชว์บนท้องถนน เพื่อสะท้อนรสนิยมของตัวเอง
ส่วนลูกค้าอีกกลุ่ม ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงก็คือกลุ่ม “นักสะสม”
ที่จะซื้อมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ ไว้ครอบครองตั้งโชว์สะสมเป็นคอลเลกชันส่วนตัว
ที่จะซื้อมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ ไว้ครอบครองตั้งโชว์สะสมเป็นคอลเลกชันส่วนตัว

เพราะนักสะสมขอแค่ ฉันได้ครอบครองสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ
พร้อมกับมองด้วยสายตาที่ชื่นชมความสวยงามแบบคลาสสิก
เพียงแค่นี้.. ก็มีความสุขแล้ว
พร้อมกับมองด้วยสายตาที่ชื่นชมความสวยงามแบบคลาสสิก
เพียงแค่นี้.. ก็มีความสุขแล้ว
