ปตท. x ลงทุนแมน

หลังจากที่ประเทศไทย ได้เผชิญเข้ากับโรคระบาดโควิด-19 มาร่วม 2 ปี
หลายธุรกิจก็ได้เข้ามาสนับสนุน และช่วยเหลือประชากรไทยด้วยวิธีที่แตกต่างกัน

หากเรามาดูความเคลื่อนไหวของบริษัทพลังงานแห่งชาติอย่าง กลุ่ม ปตท.
ที่ก่อนหน้านี้ ได้ก่อตั้งโครงการช่วยเหลือปัญหาวิกฤติโควิด-19 แบบครบวงจร
หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน”

ปัจจุบัน กลุ่ม ปตท. ก็ได้มีการต่อยอด และขยายการให้บริการโครงการ ในเชิงรุกมากขึ้น
โดยการจับมือเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลปิยะเวท ในการจัดตั้งจิตอาสา “End-To-End Mobile@1745”

ซึ่งก็จะครอบคลุมการให้บริการที่กว้างขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่การประสานงานเพื่อส่งรถพยาบาล
ให้บริการถึงที่พัก ไปจนถึงเตียงสนามและการนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษา

สำหรับใครที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจคัดกรองแบบเร่งด่วน Antigen Test Kit หรือ ATK ด้วยตนเองและพบผลเป็นบวก สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1745 และ Line Official Account : ลมหายใจเดียวกัน ATK โดยค้นหาด้วยการพิมพ์ @ptt.covid-atk หรือผ่านลิงก์ https://lin.ee/qRZ22sZ ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ทีนี้เรามาดูกันว่าที่ผ่านมา โครงการลมหายใจเดียวกัน ได้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลืออะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

โครงการลมหายใจเดียวกัน เป็นโครงการของกลุ่ม ปตท. ที่จัดตั้งขึ้น
เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย

โดยที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวก็ได้เข้ามาสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจและเครื่องออกซิเจนอัตราไหลสูง ราว 400 เครื่อง รวมถึงการก่อตั้งโครงการย่อยอื่น ๆ

ยกตัวอย่างเช่น การจัดหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่ ในชุมชนพื้นที่เปราะบาง
และการจัดตั้ง “หน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) กลุ่ม ปตท.”

ทั้งนี้ ก็ยังครอบคลุมไปถึงการจัดโครงการ Restart Thailand ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนการจ้างแรงงาน นักศึกษาจบใหม่ จำนวน 25,000 ตำแหน่ง เพื่อช่วยกระจายการจ้างงานในประเทศไทย และโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม ที่ได้ส่งเสริมภาคเกษตรกรรมอัจฉริยะ

โดยโครงการทั้งหมดนี้ ก็เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและชุมชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

ในขณะที่ล่าสุด ประเทศไทยก็ได้มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ

เริ่มจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ตามที่ประเทศไทยกำหนด จะได้รับข้อยกเว้นให้ไม่ต้องกักตัว
จากเดิม 10 ประเทศ เป็น 46 ประเทศ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้กลับมาดำเนินกิจการเป็นปกติได้เร็วขึ้น รวมถึงยังได้ประกาศพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น 17 จังหวัด

จึงทำให้ กลุ่ม ปตท. ได้ตัดสินใจต่อยอด และขยายการให้บริการโครงการลมหายใจเดียวกันในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากทั้งผู้ประกอบการไทยที่กำลังจะกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง รวมไปถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มายังประเทศไทย

โดยกลุ่ม ปตท. ได้มีการจับมือเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลปิยะเวท
ในการจัดตั้งจิตอาสา “End-To-End Mobile@1745”

การร่วมมือเป็นพันธมิตรที่ว่านี้ จะเป็นการระดมพนักงานจิตอาสาในกลุ่ม ปตท. ให้บริการรับสายเรียกเข้าจากผู้ที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจคัดกรองแบบเร่งด่วน Antigen Test Kit หรือ ATK ด้วยตนเองและพบผลเป็นบวก

โดยกลุ่มพนักงานจิตอาสาจะเป็นผู้ให้คำแนะนำและประสานงานเพื่อส่งรถพยาบาล
ให้ความช่วยเหลือถึงที่พักทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับโครงการดังกล่าว จะนำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะขยายการให้บริการไปยังปริมณฑล
ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม

ทั้งนี้ สำหรับหน่วยคัดกรอง และรพ.สนามครบวงจร (End-to-End) โครงการลมหายใจเดียวกัน กลุ่ม ปตท. ที่ร่วมกับพันธมิตรนั้น ประกอบไปด้วย

- Hospitel รองรับผู้ป่วยได้ 1,000 เตียง
- โรงพยาบาลสนามสีเหลือง รองรับผู้ป่วยได้ 300 เตียง
- ไอซียูสนาม รองรับผู้ป่วยได้ 120 เตียง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำหรับหน่วยตรวจคัดกรองโควิด-19 โครงการลมหายใจเดียวกัน กลุ่ม ปตท. ที่ได้เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม หรือเป็นระยะเวลาราวเกือบ 3 เดือน ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ โดยได้ตรวจคัดกรองประชาชนไปแล้วกว่า 48,000 ราย

โดยกระบวนการภายหลังจากการพบผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจากการตรวจ ATK นั้น ก็จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการรักษาตามระดับอาการ โดยโครงการนี้ ก็ได้รักษาผู้ป่วยไปแล้ว 3,400 ราย
และปัจจุบัน ผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวรักษาหายไปแล้วกว่า 3,200 ราย

ซึ่งนอกเหนือจากการขยายการให้บริการในเชิงรุกมากขึ้นแล้ว ทางโครงการยังได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 สำหรับผู้ที่เข้ามาตรวจคัดกรอง และยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน อีกด้วย

ในขณะที่กลุ่ม ปตท. ก็ได้วางแผนให้โครงการลมหายใจเดียวกัน คอยสนับสนุน และช่วยเหลือคนไทยอย่างไม่มีกำหนด และจะให้บริการไปจนกว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จะปรับดีขึ้น

ซึ่งทางบริษัท ก็เชื่อว่าการต่อยอดโครงการนี้ออกไป จะเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อม และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่กำลังจะกลับเข้ามาภายหลังจากเปิดประเทศ เร็ว ๆ นี้..