ปั๊ม ปตท. ขึ้นแท่นอันดับ 1 หัวจ่ายได้มาตรฐานระดับสีเงินของประเทศ รับรองจากกระทรวงพาณิชย์ กว่า 1,900 ปั๊ม / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x OR

เวลาเราเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน สิ่งหนึ่งที่เราคาดหวังเหมือนกันทุกคนคือ “ความเที่ยงตรง”
เพราะอยากมั่นใจว่าเงินทุกบาทที่จ่ายไป จะได้ปริมาณน้ำมันที่ถูกต้องครบถ้วนตามจริง

ซึ่งในมุมของปั๊มน้ำมันเอง “ความเชื่อมั่น” ที่ได้รับจากลูกค้านั้น ก็คือสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล เช่นกัน

เมื่อล่าสุดปั๊ม ปตท.ภายใต้ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
ได้ประกาศยกระดับมาตรฐานหัวจ่ายน้ำมัน จนขึ้นแท่นอันดับ 1 ในไทย ที่ได้รับมาตรฐาน “ระดับสีเงิน” มากที่สุดในประเทศ

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า เบอร์ 1 ในตลาดกำลังขยับตัวครั้งสำคัญ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค

“ระดับสีเงิน” ที่ ปั๊ม ปตท.ได้รับ คืออะไร ?
แล้วช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

หากลองเจาะลึกโครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะพบว่า นี่ไม่ใช่แค่การตรวจเช็กทั่วไป แต่เป็นกลไกที่ยกระดับมาตรฐานการค้าภายในประเทศให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการปรับลดอายุคำรับรองหัวจ่ายน้ำมันจากเดิม 2 ปี เป็น 1 ปี
ปรับลดค่าความคลาดเคลื่อนสำหรับการตรวจสอบให้คำรับรองจากเดิม ±0.5% เป็น ±0.3% และสำหรับการตรวจสอบความเที่ยงตรง ระหว่างใช้งานจากเดิม ±1% เป็น ±0.5%

ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่สูงที่สุดในอาเซียน

ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบัน ปั๊ม ปตท.มีสถานีบริการที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน “ระดับสีเงิน”
ซึ่งหมายถึง การที่สามารถรักษามาตรฐานความเที่ยงตรงได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน

โดยมีจำนวนมากถึง 1,912 สถานี หรือคิดเป็น 86% ของ ปั๊ม ปตท. ทั้งหมดทั่วประเทศเลยทีเดียว

ตัวเลขนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ ปั๊ม ปตท.เป็นแบรนด์ที่มีสถานีบริการได้รับมาตรฐานระดับนี้มากที่สุดในประเทศเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการควบคุมคุณภาพในระดับ Scale ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาค

และ ปั๊ม ปตท.ยังไม่หยุดแค่นั้น โดยมีเป้าหมายต่อไปคือ การมุ่งสู่ระดับสูงสุด “ระดับสีทอง” ที่ต้องรักษามาตรฐานความแม่นยำต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี

แล้วทำไม ปั๊ม ปตท.ถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ขนาดนั้น ?

คำตอบอยู่ที่ ก็เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าเงินทุกบาทที่จ่ายไป จะได้ปริมาณน้ำมันที่ถูกต้องครบถ้วนตามจริง

ตรงนี้เอง ยังเป็นเหตุผลที่ ปั๊ม ปตท.มีการร่วมมือกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด

โดยล่าสุด คุณวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และคุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ของ OR ได้ร่วมกันปล่อยขบวนรถสายตรวจเฉพาะกิจ เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันตามเส้นทางหลัก และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ ครอบคลุมสถานีบริการกว่า 7,000 สถานี

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 1-26 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และเสริมสร้างมาตรฐานการค้าภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกแล้ว เบื้องหลังความสำเร็จนี้ยังมาจากการสร้างระบบตรวจสอบภายในที่เข้มงวดของ ปั๊ม ปตท.เองอีกเช่นกัน

โดยมีการจัดตั้งหน่วยตรวจสอบน้ำมันเคลื่อนที่ (Mobile Lab) ที่คอยเดินทางไปสุ่มตรวจปั๊ม ปตท. ทั่วประเทศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมคุณภาพทั้งสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานสูงสุดในทุกขั้นตอน

เพราะในยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย การจะรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้ ไม่ได้วัดกันที่แค่จำนวนสาขา
แต่คือการที่ลูกค้าเดินเข้ามาใช้บริการแล้วรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจทุกครั้ง

สุดท้ายแล้ว ความเคลื่อนไหวของ ปั๊ม ปตท.ก็น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า มาตรฐานไม่ใช่เรื่องของภาระต้นทุน แต่เป็นการลงทุนในการสร้างความไว้วางใจ สร้างความเชื่อมั่น

ซึ่งการที่แบรนด์เลือกทำในสิ่งที่ยากกว่าและเข้มงวดกว่ามาตรฐานทั่วไปคือ การสร้าง Barrier to Entry อีกรูปแบบหนึ่ง ที่คู่แข่งทำตามได้ยาก

และเมื่อผู้บริโภคเกิดความมั่นใจว่า “เติมที่นี่ ได้น้ำมันเต็มลิตรแน่นอน”

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ Brand Loyalty ที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ ปั๊ม ปตท.ยังคงรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ในใจคนไทยมาได้อย่างยาวนานนั่นเอง...

Reference
- เอกสารประชาสัมพันธ์ OR