ไมเคิล เบอร์รี The Big Short บอกว่าโลกกำลังเจอ “ปรากฏการณ์แส้ม้า”

ไมเคิล เบอร์รี The Big Short บอกว่าโลกกำลังเจอ “ปรากฏการณ์แส้ม้า”

28 มิ.ย. 2022
ไมเคิล เบอร์รี The Big Short บอกว่าโลกกำลังเจอ “ปรากฏการณ์แส้ม้า” /โดย ลงทุนแมน
เมื่อคืนนี้ ไมเคิล เบอร์รี ได้ออกมาทวีตว่า ปัญหาซัปพลายเชนในธุรกิจค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาตอนนี้
กำลังเกิด Bullwhip Effect หรือ ปรากฏการณ์แส้ม้า
ซึ่งนักลงทุนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเราเอง
แถมยังบอกว่าให้ “Google it”
ในทำนองว่าหากไม่เข้าใจคำนี้ ให้ไปค้นต่อเองในกูเกิล..
โดยเบอร์รียังมองว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะนำไปสู่ภาวะเงินฝืด
จนธนาคารกลางสหรัฐ อาจจะกลับลำหันมาหยุดขึ้นดอกเบี้ยอีกด้วย
แม้ลงทุนแมนจะไม่ใช่กูเกิล
แต่วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่า Bullwhip Effect คืออะไร ?
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
Bullwhip Effect หรือ ปรากฏการณ์แส้ม้า คือความผันผวนของความต้องการในซัปพลายเชน
ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มจากซัปพลายเออร์ ผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ไปจนถึงลูกค้า
มีลักษณะคล้ายแส้ม้า ที่เมื่อเริ่มแกว่งในช่วงแรกแล้ว จะค่อย ๆ กระเพื่อมขึ้นลงแรงขึ้นในช่วงปลาย
โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากผู้ผลิตไม่รู้ความต้องการจริง ๆ ของผู้บริโภค
จนก่อให้เกิดปัญหาสินค้าขาดแคลนหรือล้นตลาด
ท้ายที่สุด ผู้ขายก็จะต้องลดราคาเพื่อระบายสต็อกสินค้าออกมา..
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
สมมติ ร้านค้าแห่งหนึ่งขายสินค้าได้ 10 ชิ้น
โดยร้านค้าคิดว่าสินค้าจะขาดแคลน
จึงสั่งสินค้าจากโรงงานมาสต็อกไว้เป็น 15 ชิ้น
เมื่อโรงงานได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
ก็จะสั่งวัตถุดิบจากคู่ค้าเข้ามาเผื่อไว้ผลิตเป็น 20 ชิ้น
คู่ค้าในลำดับถัด ๆ ไปก็ทำเช่นเดียวกัน จนสต็อกสินค้าเป็น 25 ชิ้น หรือ 30 ชิ้น ตามลำดับ
ผลลัพธ์สุดท้าย จึงเกิดเป็น Bullwhip Effect หรือก็คือ ผู้ผลิตหรือร้านค้ามีสินค้าคงคลัง
มากเกินกว่าความต้องการของตลาด รวมถึงอาจทำให้ราคาวัตถุดิบ สูงเกินจริงอีกด้วย
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วกับร้านค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
อย่าง Target และ Walmart ที่เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดไป
ผลปรากฏว่าร้านค้าเหล่านี้มีสินค้าคงคลัง สูงเกินกว่าภาวะปกติมาก
โดยสาเหตุหนึ่งมาจากความต้องการซื้อของผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในช่วงของการเปิดเมือง
ทำให้มีการคาดการณ์สต็อกสินค้าคงคลังผิดไป
ผิดในระดับที่ว่าโดยปกติแล้ว หากผู้ซื้อเกิดไม่พอใจในสินค้า
ร้านค้าก็จะให้ลูกค้าส่งสินค้าคืนกลับมาและรับเงินสดกลับไป
แต่ในช่วงที่ผ่านมานั้น ร้านค้าเหล่านี้มีสินค้าล้นคลัง
จนต้องบอกให้ลูกค้าเก็บสินค้าเอาไว้ก่อน และร้านจะคืนเงินสดให้เลย..
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
เป็นตัวอย่างที่ทำให้ไมเคิล เบอร์รี มองว่าผู้คนทั่วโลกกำลังคาดการณ์ความต้องการซื้อของผู้บริโภคสูงเกินไป จนส่งผลย้อนกลับไปถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดูเหมือนจะสูงเกินไปในช่วงก่อนหน้านี้
รวมถึงเบอร์รียังให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม
ที่เคยประกาศไว้ที่ 8.6% อาจจะเป็นจุดสูงสุดแล้ว และในอนาคตจะค่อย ๆ ปรับลดลงมา
โดยสิ่งที่สนับสนุนความคิดนี้ ก็คือ
ราคาน้ำมันดิบ รวมถึงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์
ที่เริ่มปรับตัวลดลงกว่า 10% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ซึ่งก็รวมไปถึงราคาเหล็ก พลังงาน สินค้าการเกษตร เช่น ผ้าฝ้ายด้วย..
การปรับตัวลดลงของราคาวัตถุดิบเหล่านี้
บวกกับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปแล้ว
อาจจะทำให้เงินเฟ้อกลับมาอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
ก็อาจเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ไม่จำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ในการประชุมครั้งต่อไปสูงถึง 0.50% หรือ 0.75% ตามที่หลายคนได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว
นอกจากนั้น เขายังให้ความเห็นต่อไปอีกว่า ถ้า FED ไม่ต้องขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75%
ก็มีความเป็นไปได้ว่าตลาดหุ้น รวมถึงตลาดตราสารหนี้ จะกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีอีกครั้ง
เพราะที่ผ่านมา ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลงอย่างมาก
และรับความเสี่ยงว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยเอาไว้แล้ว
โดยราคาตราสารหนี้ก็จะเพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราผลตอบแทนที่ลดลง
หากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ ไมเคิล เบอร์รี กำลังมองสวนตลาด
ในวันที่ทุกคนกำลังกังวลว่าธนาคารกลางทั้งโลกจะขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง
แต่เบอร์รี กลับเริ่มเห็นสัญญาณจากธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น
ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า ปรากฏการณ์แส้ม้าในมุมมองของไมเคิล เบอร์รี
มันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ถ้ามันเป็นจริง เรื่องนี้ก็อาจทำให้เราได้เรียนรู้ว่า
โลกนี้มันไม่มีอะไรจะสุดทางไปตลอด
เดือนที่แล้วคนยังกลัวเงินเฟ้อหนัก
มาวันนี้เบอร์รีกลับมองว่าสินค้าจะขายไม่ได้ และต้องรีบลดราคา จนเงินเฟ้อลดลง
ดูแล้ว อารมณ์ของเศรษฐกิจมันก็ดูผันผวน ขึ้นลง เหมือนอารมณ์ของมนุษย์ นั่นเอง..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://mobile.twitter.com/michaeljburry/status/1541419336677462016
-https://www.washingtonpost.com/business/michael-burrys-bullwhip-tweet-deserves-serious-attention/2022/06/27/0acb7812-f651-11ec-81db-ac07a394a86b_story.html
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.