เจาะลึกแบรนด์ AURORA ผู้นำธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ มุ่งสู่อันดับ 1 ครองใจลูกค้าในทุกช่วงโอกาสสำคัญ

เจาะลึกแบรนด์ AURORA ผู้นำธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ มุ่งสู่อันดับ 1 ครองใจลูกค้าในทุกช่วงโอกาสสำคัญ

28 พ.ย. 2022
เจาะลึกแบรนด์ AURORA ผู้นำธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ มุ่งสู่อันดับ 1 ครองใจลูกค้าในทุกช่วงโอกาสสำคัญ
AURA x ลงทุนแมน
เมื่อพูดถึงปัญหาเศรษฐกิจที่พบทั้งในไทยและต่างประเทศ ต้องมีเรื่องภาวะเงินเฟ้อผุดขึ้นมาเรื่องแรก ๆ
เพราะปัจจัยอย่างสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน โควิด-19 หรือค่าเงินบาทอ่อนตัวลง
ยิ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเจอเศรษฐกิจแบบนี้ นักลงทุนหลายรายเลยเลือกที่จะปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง
รวมถึงลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย คือทองคำ
และผู้ประกอบการในธุรกิจทองคำคือตัวกลางสำคัญที่สามารถทำรายได้จากการแลกเปลี่ยนทองคำกับผู้ลงทุนเช่นกัน
หนึ่งในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำ คือการค้าปลีกทองรูปพรรณ โดยในไทยมีผู้ประกอบการมากถึง 9,135 ราย (31 มี.ค. 65)
เมื่อมีการแข่งขันสูง การขึ้นไปสู่อันดับ 1 เพื่อครองส่วนแบ่งการตลาดถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย
แล้วผู้ประกอบการมีวิธีดำเนินธุรกิจอย่างไร เพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลายเป็น Loyal Customer
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
บมจ.ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ออโรร่า (AURORA)
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 และดำเนินกิจการค้าปลีกทองรูปพรรณให้แก่ลูกค้ารายย่อย
และเป็นร้านทองร้านแรก ๆ ที่เริ่มเปิดกิจการในห้างสรรพสินค้า ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าในห้าง เพราะสมัยก่อนหากใครต้องการซื้อทอง หลายคนจะคิดว่าต้องไปที่เยาวราชเท่านั้น
ด้วยการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ ‘ผู้นำในการส่งมอบของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่า’
AURA จึงมุ่งพัฒนาสินค้าและแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่องมาตลอด 50 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
และต่อมาได้ขยายธุรกิจ โดยเริ่มธุรกิจขายปลีกเครื่องประดับเพชร อัญมณี และธุรกิจขายฝากทองรูปพรรณและเครื่องประดับ ผ่านเครือข่ายแบรนด์ทั้ง 5 แบรนด์คือ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond
โดย Business model ของ AURA มีดังนี้
1. ธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชร และอัญมณี และของขวัญที่ทำมาจากทองคำเป็นหลัก มี 3 ผลิตภัณฑ์ คือ
- ผลิตภัณฑ์โมเดิร์น โกลด์ (Modern Gold) ผลิตภัณฑ์ทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5%
- ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ โกลด์ (Design Gold) ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับที่มีส่วนประกอบทองคำบริสุทธิ์ 40.% - 99.99% (ไม่รวมผลิตภัณฑ์ Modern Gold ที่มีความบริสุทธิ์ 96.5%) มีสินค้า 4 กลุ่ม คือ 1. พระเครื่องเลี่ยมทอง 2. สินค้าเสริมสิริมงคล 3. เครื่องประดับ 4. สินค้ากลุ่มของขวัญ
- ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับเพชร (Diamond) เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องประดับเพชรแท้ เช่น แหวนเพชร สร้อยคอเพชร
2. ธุรกิจขายฝากทองคำและเครื่องประดับ ที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบโดยลูกค้าสามารถไถ่ถอนทรัพย์ที่นำมาขายฝากได้ภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน
จากการสั่งสมประสบการณ์มากว่าครึ่งศตวรรษ ของ AURA
ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน AURA ได้ปรับตัวตามพฤติกรรมการซื้อสินค้าหลากหลายช่องทาง (Omni-Channel)
มีทั้งช่องทางการขายผ่านทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์
โดย AURA มีเครือข่ายสาขาหน้าร้านครอบคลุมจังหวัดสำคัญทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมจำนวน 266 สาขา (ณ วันที่ 30 กันยายน 2565)
ส่วนช่องทางออนไลน์ มีทั้งเว็บไซต์ของบริษัทฯ และแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ (Marketplace)
ได้แก่ Shopee Lazada และ JD Central รวมทั้งแพลตฟอร์มการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Commerce) เช่น Line MyShop Line OpenChat และ Facebook
และยังมีแอปพลิเคชัน ‘ทองมาเงินไป’ ใช้อำนวยความสะดวกที่เกี่ยงข้องกับธุรกิจขายฝาก
และแอปพลิเคชัน ‘Aurora Gift’ ใช้ตรวจสอบคะแนนสะสมและแลกเปลี่ยนคะแนนสะสมของสมาชิก
ซึ่งทั้งสองแอปพลิเคชันนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า
ด้านการขาย มีการนำเสนอสินค้า Modern Gold และเครื่องประดับอื่น ๆ ที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับ
โดยมีจุดเด่นในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าสมาชิก (Active Customer) ที่มีจำนวนกว่า 6 แสนราย
เพื่อให้เข้าใจไลฟ์สไตล์ รสนิยม รวมถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก สำหรับการออกแบบและนำเสนอสินค้าใหม่ให้ลูกค้าจดจำและชื่นชอบ พร้อมกับนึกถึง AURA เมื่อต้องการให้ของขวัญให้คนพิเศษในโอกาสต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการหลังการขายแบบครบวงจร (One Stop Service)
ทั้งขาย รับซื้อคืน ขายฝาก และบริการหลังการขาย เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกสาขา
ทำให้ลูกค้ามีความสะดวกและมั่นใจในสินค้าและบริการ โดยสินค้าและบริการสำคัญที่มีมาตรฐานเดียวกัน
ในด้านผลประกอบการที่ผ่านมาของ AURA
ปี 2562 รายได้รวม 17,365.48 ล้านบาท กำไรสุทธิ 515.12 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้รวม 19,449.71 ล้านบาท กำไรสุทธิ 734.14 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้รวม 22,270.34 ล้านบาท กำไรสุทธิ 591.03 ล้านบาท
งวด 9 เดือน ปี 2565 รายได้รวม 21,400.43 ล้านบาท กำไรสุทธิ 495.53 ล้านบาท
โดยรายได้รวมของ AURA มาจากรายได้จากการขายคิดเป็นสัดส่วน 99.12% – 99.26% ของรายได้รวมของบริษัทฯ และรายได้จากการขายส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์ Modern Gold คิดเป็นสัดส่วน 92.48% – 94.03% ของรายได้รวมของบริษัทฯ
จะเห็นว่ารายได้ของ AURA มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และมีความสามารถในการทำกำไรได้ในทุกช่วงการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ
โดยราคาทองคำเป็นไปตามราคามาตรฐานตามประกาศจากสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย
ในอนาคต AURA ได้มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ที่สามารถครองใจลูกค้า
เพื่อเป็นผู้นำค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นแบบครบวงจร
และเป็นผู้นำในธุรกิจขายฝากทองคำและเครื่องประดับที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบ
ตามวิสัยทัศน์ “ผู้นำในการส่งมอบของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่า”
รวมถึงมีแผนขยายเครือข่ายหน้าร้าน เป็นจำนวน 409 สาขา ภายในปี 2567 และมีเป้าหมายการเพิ่มลูกหนี้ขายฝากคงเหลือเป็น 3,846 ล้านบาท ภายในปี 2567
โดย AURA ได้ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ในเร็ว ๆ นี้
จำนวนไม่เกิน 334 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็นไม่เกิน 25.04% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน
นักลงทุนที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดของ AURA เพิ่มเติมได้ที่
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=445276&lang=th
Reference
-ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ AURA ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.