RAAS PAL ผู้นำ Automation Solution อาเซียน ที่ขายหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ 1,500 ตัว ภายใน 3 ปี

RAAS PAL ผู้นำ Automation Solution อาเซียน ที่ขายหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ 1,500 ตัว ภายใน 3 ปี

28 พ.ย. 2023
RAAS PAL x ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ ? ไทยมีหุ่นยนต์ทำความสะอาดมากกว่า 150 ตัว ในแต่ละวัน
ซึ่งหุ่นยนต์แต่ละตัว สามารถทำความสะอาดเฉลี่ย 5,000 ตารางเมตรต่อวัน
ถ้าเอาจำนวนพื้นที่ที่หุ่นยนต์พวกนี้ทำความสะอาดต่อวันมาวางต่อกัน จะคิดเป็นพื้นที่รวมกันกว่าวันละ 750,000 ตารางเมตร หรือมากกว่าพื้นที่ทั้งหมดของศูนย์การค้าสยามพารากอน
ที่สำคัญ หุ่นยนต์เหล่านี้ทำความสะอาด และให้บริการแบบไม่มีวันเหนื่อย อยู่ตลอดเวลา
ประโยคที่ว่า “การใช้หุ่นยนต์ หรือ Automation Solution มายกระดับความสามารถขององค์กร” อาจไม่ใช่คำสวยหรูอีกต่อไป แต่เป็นเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงในโลกแห่งอนาคต
แล้วความน่าสนใจของเรื่องนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าพูดคำว่า หุ่นยนต์
ปกติแล้ว ถ้ามองมาที่บ้านเรา อาจจะคุ้นเคยกับหุ่นยนต์ทำความสะอาดขนาดเล็ก ๆ ที่ใช้ตามบ้าน และทำงานไม่ซับซ้อน
หรือในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็มีการนำหุ่นยนต์มาใช้กันนานแล้ว สังเกตได้จากมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นทุกปี เพราะว่าหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มีความแม่นยำ ประสิทธิภาพ และปลอดภัยสูงกว่ามนุษย์
ดังนั้น ถ้าจะให้นิยามง่าย ๆ หุ่นยนต์ ก็คือ เครื่องจักรกลอัตโนมัติ ที่ถูกออกแบบให้ทำงานแทนมนุษย์ โดยสามารถทำงานได้ทั้งรูปแบบเดิม ๆ หรือมีความซับซ้อนก็ได้
โดยหุ่นยนต์ประเภทนี้ ถูกเรียกว่า หุ่นยนต์บริการ
ด้วยลักษณะหุ่นยนต์ที่มีขนาดและความจุของแบตเตอรี่มากกว่า ระบบขับเคลื่อนและระบบความปลอดภัยมีความซับซ้อนแม่นยำสูงกว่า ทำให้สามารถทำงานต่าง ๆ ตามความต้องการของธุรกิจที่หลากหลาย
เช่น ทำความสะอาด ส่งของ ส่งอาหาร ตรวจการณ์ หรือแม้แต่ติดต่อสื่อสารให้ข้อมูล
ภาคธุรกิจต่าง ๆ จึงนำเอาหุ่นยนต์มาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ปลอดภัย ตรวจสอบได้ และที่สำคัญที่สุดคือคุ้มค่า
และถ้าถามว่า ใครคือผู้ผลิตและจำหน่ายหุ่นยนต์บริการ และผู้นำ Automation Solution ชั้นนำของไทย..
หนึ่งในคำตอบนั้นก็คือ บริษัท RAAS PAL เจ้าของ Service Robots ที่หลาย ๆ ธุรกิจให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น
- สนามบิน
- ร้านอาหาร
- โรงพยาบาล
- หน่วยงานราชการ
- อาคารสำนักงาน
จริง ๆ แล้ว บริษัท ราส พอล จำกัด หรือ RAAS PAL ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 โดยคุณสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ ผู้บริหารหญิงสายเทค ที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจ Service และเทคโนโลยี มานานกว่า 20 ปี
โดย RAAS PAL เริ่มต้นจากการทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายหุ่นยนต์ให้บริการต่าง ๆ เช่น
- หุ่นยนต์ทำความสะอาด
- หุ่นยนต์ตรวจการณ์
- หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร
- หุ่นยนต์ต้อนรับ
ต่อมาในปี 2565 หลังจากที่บริษัทส่งมอบหุ่นยนต์สำเร็จไปแล้วกว่า 1,500 ตัว
คุณสุกัญญา เล็งเห็นว่า ถ้าบริษัทจะเติบโตได้ดีในระยะยาว RAAS PAL จะต้องเป็นผู้พัฒนา Automation Solution ที่ครบวงจร มากกว่าการจัดจำหน่ายหุ่นยนต์เพียงลำพัง
ซึ่ง Automation Solution หมายถึง การใช้ซอฟต์แวร์ การบริหารจัดการทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หุ่นยนต์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตรวจสอบได้ ในต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุด
และทำให้หุ่นยนต์สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย ยาม แม่บ้าน และกล้องวงจรปิด
จึงเป็นที่มาของระบบ Facility Management ที่คนทำงานสามารถสั่งการหุ่นยนต์ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ และสามารถแยกหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างคนและหุ่นยนต์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาด จะทำความสะอาดพื้นที่กว้าง ๆ โล่ง ๆ ส่วนคนทำงานจะรับผิดชอบทำความสะอาดพื้นที่ที่หุ่นยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้
นอกจากนี้ คนทำงานยังสามารถเข้าถึง Dashboard และ Control Center เพื่อตรวจสอบว่า หุ่นยนต์แต่ละตัวทำความสะอาดไปแล้วกี่ตารางเมตร และยังเหลือพื้นที่ไหนบ้างที่ต้องทำความสะอาด เป็นต้น
พอเป็นแบบนี้ ระบบ Facility Management จึงเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น
- ลดต้นทุนการจัดการ เพราะหุ่นยนต์สามารถทำงานได้เต็มที่และตลอดเวลา ไม่ต้องการโอทีและเงินจูงใจ เพื่อกระตุ้นการทำงาน และในบางงาน หุ่นยนต์ 1 ตัว ทำงานได้เท่ากับคนหลายคน จึงนับว่าลดต้นทุนการจ้างงาน
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากยิ่งขึ้น จากระบบที่คอยบริหารจัดการหุ่นยนต์ให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ดี โดยแบ่งงานตามความสามารถของแต่ละฝ่าย อย่างเช่นการทำความสะอาดที่ยกตัวอย่างมาก่อนหน้านี้
- วางแผนการทำงานได้ดีขึ้น เพราะหุ่นยนต์สามารถจัดเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาปัญหา ง่ายต่อการแก้ไข และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ
จากเรื่องราวที่เล่ามาเลยไม่น่าแปลกใจที่เห็นการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
เพราะตั้งแต่บริษัทส่งหุ่นยนต์ทำความสะอาด 80 ตัว ไปทำงานความสะอาดที่สนามบิน 4 แห่ง ก็มีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศจากหลากหลายธุรกิจ เช่น โรงงาน ร้านอาหาร สำนักงาน ติดต่อเข้ามา
ทีนี้เราลองมาดูจุดเด่นของหุ่นยนต์แต่ละประเภทของ RAAS PAL กันบ้าง ว่าน่าสนใจอย่างไร ?
1. หุ่นยนต์ทำความสะอาด (Cleaning Robot)
หุ่นยนต์ที่ใช้ทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การดูดฝุ่น กวาด เช็ด ไปจนถึงการถูพื้น หรือการปั่นเงา
ช่วยทำความสะอาดได้ดี แม้จะใช้กับพื้นที่หลากหลายขนาด ไม่ว่าจะขนาดเล็กระดับ 100 ตารางเมตร หรือขนาดใหญ่ถึง 30,000 ตารางเมตรก็ตาม
โดยภายในหุ่นยนต์มีระบบสร้างแผนที่นำทาง และการหลบหลีกอุปสรรค จึงทำงานได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล
นอกจากนี้ เรายังสามารถตรวจสอบรายงานข้อมูลการทำงานของหุ่นยนต์ได้อีกด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าหุ่นยนต์ทำงานจริง ๆ แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าที่พิสูจน์ได้
พูดง่าย ๆ ว่าหุ่นยนต์ประเภทนี้ เหมาะกับธุรกิจหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน โรงพยาบาล โรงงาน คลังสินค้า ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ จนไปถึงสถานที่ที่มีขนาดเล็ก และสามารถใช้ได้หลากหลายพื้นผิวและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
2. หุ่นยนต์ส่งของ (Delivery Robot)
หุ่นยนต์ที่สามารถส่งของได้ครอบคลุมทุกประเภท เช่น การส่งอาหาร เอกสาร หรือสิ่งของทั่วไปก็ตาม โดยใช้งานได้หลากหลายสถานที่ และสามารถบรรทุกของได้ตั้งแต่ 30-300 กิโลกรัม
เรายังสามารถนำระบบของหุ่นยนต์เชื่อมต่อระบบภายนอก เพื่อเพิ่มความสามารถอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การขึ้นลงลิฟต์ การเรียกใช้ การสนทนา หรือการตั้งรหัสเปิดรับของที่มาส่งก็ตาม
ทั้งนี้ หุ่นยนต์มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ปลอดภัย และรายงานการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ เลยไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาที่คนใช้งานไม่รู้ตามมาทีหลัง
ด้วยลักษณะการใช้งาน หุ่นยนต์ส่งของ จึงเหมาะกับธุรกิจร้านอาหารทั่วไป ภายในโรงพยาบาล โรงงาน ตึกสำนักงานต่าง ๆ หรือแม้แต่ภายในโรงงานที่ต้องใช้รถเข็นโดยคน สามารถปรับเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ขนส่งได้หมดเช่นกัน
3. หุ่นยนต์ตรวจการณ์ (Security Robot)
เป็นหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ตรวจการณ์ เฝ้าระวัง ตรวจสอบ และรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ โดยสามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
ซึ่ง AI ของหุ่นยนต์จะเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
และหุ่นยนต์ยังมีระบบสื่อสาร 2 ทางแบบเรียลไทม์ ที่สามารถใช้ในสถานการณ์ที่อาจไม่ปลอดภัยสำหรับคนใช้งานอีกด้วย
นอกจากนี้ เราสามารถตรวจสอบข้อมูลการปฏิบัติการ โดยไม่ต้องจดบันทึก และสามารถใช้ข้อมูลประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อยกระดับความปลอดภัยได้
โดยหุ่นยนต์ประเภทนี้ จะสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งโรงงาน คลังสินค้า หมู่บ้าน อาคารสำนักงานต่าง ๆ และธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องการตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะมีผู้ผลิตและจำหน่ายหุ่นยนต์ให้บริการอยู่หลายเจ้า แต่คำถามคือ ทำไม RAAS PAL ถึงขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ ?
1. มีหุ่นยนต์บริการที่ครอบคลุมทุก ๆ ความต้องการของลูกค้า มากกว่า 9 อุตสาหกรรม
2. ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ ทำให้สามารถพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะ
3. ให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย ลูกค้าต้องบรรลุวัตถุประสงค์ เมื่อมาใช้บริการกับ RAAS PAL
ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้รับการต้อนรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และได้คะแนนความพึงพอใจอยู่ที่ 80-90% อยู่สม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ความสำเร็จของ RAAS PAL สะท้อนได้ผ่านรายได้ และกำไร ที่เติบโตอย่างน่าสนใจ
เพราะถ้าเราลองมาดูรายได้ของบริษัท ราส พอล จำกัด จะพบว่า
ปี 2563 รายได้ 10.8 ล้านบาท กำไร 3.4 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 59.8 ล้านบาท กำไร 8.6 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 215.0 ล้านบาท กำไร 32.6 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตของรายได้กว่า 20 เท่า และกำไรกว่า 10 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี
ปัจจัยหลักที่เติบโตเช่นนี้ได้ มาจากความต้องการหุ่นยนต์บริการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากวิกฤติโรคระบาด ประกอบกับ หลายบริษัทเริ่มหันมาลงทุนกับระบบ Automation Solution แทนการใช้ทรัพยากรมนุษย์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
มาถึงตรงนี้ เราคงพอเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตของ RAAS PAL กันบ้างแล้ว
แต่คำถามคือ ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะเติบโตอย่างไรบ้าง ?
คุณสุกัญญา ได้กล่าวปิดท้ายว่า..
“หลายปีที่ผ่านมา ประชากรในไทยมีอัตราการเกิดต่ำ และซ้ำร้ายมาเจอกับวิกฤติโรคระบาด จึงทำให้แรงงานในอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ เริ่มขาดแคลน และหนึ่งในนั้นคือ พนักงานให้บริการ
พอเป็นแบบนี้ RAAS PAL จึงตั้งเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการ Automation Solution แบบครบวงจร โดยเก็บข้อมูลปัจจุบันไปนำเสนอทางออกที่เหมาะสมกับแต่ละปัญหาของแต่ละองค์กรโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ในปี 2566 บริษัทได้ตั้งงบลงทุนวิจัยและพัฒนา เพื่อคิดค้นโซลูชันใหม่ ๆ พร้อมผลิตหุ่นยนต์รุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุก ๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็น หุ่นยนต์ทำอาหาร หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ในมุมมองของคุณสุกัญญา มองว่า หุ่นยนต์ไม่ได้จะมาทำหน้าที่แทนมนุษย์ในทุก ๆ เรื่อง
แต่จะมายกระดับขีดความสามารถของผู้คน ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พร้อมผลักดันให้ประเทศไทย ก้าวสู่สังคมดิจิทัลได้อย่างแท้จริง”
มาถึงตรงนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การใช้หุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม กำลังกลายมาเป็นเมกะเทรนด์ที่ภาครัฐบาล และบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ซึ่ง RAAS PAL ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายหุ่นยนต์ให้บริการ หรือ Robot as a Service ชั้นนำของประเทศไทย
แต่ยังเป็นผู้นำระบบ Automation Solution และ Facility Management ที่หลาย ๆ แบรนด์ดัง ไว้วางใจ อีกด้วย..
สำหรับใครที่สนใจบริการของ RAAS PAL สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.