อิจิโร ชายทรงอิทธิพล ที่เอาชนะ Uber ในศึกชิงเจ้าตลาดเรียกรถในญี่ปุ่น

อิจิโร ชายทรงอิทธิพล ที่เอาชนะ Uber ในศึกชิงเจ้าตลาดเรียกรถในญี่ปุ่น

5 ธ.ค. 2023
อิจิโร ชายทรงอิทธิพล ที่เอาชนะ Uber ในศึกชิงเจ้าตลาดเรียกรถในญี่ปุ่น /โดย ลงทุนแมน
หลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็น Uber แพลตฟอร์มเรียกรถชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา พยายามขยายฐานตลาดเข้าไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก
บางแห่งก็ประสบความสำเร็จ เช่น ยุโรป หรืออเมริกาใต้ แต่บางแห่งก็ล้มเหลว เพราะแข่งขันกับแพลตฟอร์มท้องถิ่นไม่ไหว เช่น จีน หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่ง “ญี่ปุ่น” ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ Uber ตีตลาดไม่สำเร็จ
เพราะต้องสู้กับชายผู้ทรงอิทธิพล ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าชายแห่งวงการแท็กซี่ญี่ปุ่น หรือ “คุณอิจิโร คาวานาเบะ” ที่เป็นทั้งประธานสหพันธ์แท็กซี่ และแต่งงานกับหลานสาวอดีตนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
จนสุดท้าย Uber เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในศึกแย่งชิงตลาดเรียกรถไป
ศึกตลาดเรียกรถในญี่ปุ่นเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
Uber เริ่มทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2014 โดยหวังใช้โมเดลธุรกิจแพลตฟอร์มตัวกลาง เข้ามา Disrupt อุตสาหกรรมแท็กซี่ ด้วยเครือข่ายรถยนต์ส่วนบุคคล และค่าบริการที่ถูกกว่าปกติ
ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าว นับเป็นภัยคุกคามครั้งสำคัญต่อธุรกิจแท็กซี่ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ก็ว่าได้
ส่งผลให้ บริษัทผู้ให้บริการแท็กซี่รายใหญ่สุดในญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า Nihon Kotsu ไม่อาจอยู่นิ่ง รอวันเสียผลประโยชน์ไปเฉย ๆ ได้
ทั้งนี้ ซีอีโอของบริษัท Nihon Kotsu คือคุณอิจิโร คาวานาเบะ ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 53 ปี
เขาเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่สืบทอดกิจการ Nihon Kotsu มาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ และมีอิทธิพลในอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นทั้งประธานสหพันธ์แท็กซี่ และแต่งงานกับหลานสาวอดีตนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
ถึงขนาดที่ว่า สื่อตั้งฉายาให้คุณอิจิโรเป็น “เจ้าชายแห่งวงการแท็กซี่” ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ซึ่งหลังจากเห็น Uber เริ่มเข้ามาท้าทายธุรกิจ เขาก็ได้รวมกลุ่มกับผู้ให้บริการรายอื่น เข้าไปเจรจาล็อบบีหน่วยงานภาครัฐ ให้กำกับ Uber อย่างจริงจัง แบบเดียวกับบริษัทแท็กซี่ในประเทศ
คุณอิจิโรพยายามชี้ให้เห็นจุดเด่นว่า แท็กซี่ญี่ปุ่น มีมาตรฐานบริการที่ดี เช่น คนขับมีความสุภาพและเชี่ยวชาญในอาชีพ รวมทั้งระบบรถยนต์เองก็มีความปลอดภัยสูง ต่างจากรถส่วนบุคคลที่เรียกจาก Uber
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ภาครัฐเองก็เห็นชอบไปด้วย
โดยได้ออกกฎให้รถยนต์บนแพลตฟอร์ม Uber ต้องได้รับใบอนุญาตรถสาธารณะเหมือนแท็กซี่ทั่วไป ไม่เช่นนั้นจะถือว่าทำผิดกฎหมาย
พอเป็นเช่นนั้น ธุรกิจของ Uber ในญี่ปุ่น จึงหยุดชะงักไปพอสมควร และผู้โดยสารเองก็ไม่กล้าใช้บริการ
ทำให้ Uber ตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ หันมามองหาพาร์ตเนอร์ที่เป็นบริษัทแท็กซี่ญี่ปุ่น เพื่อปิดจุดอ่อนเรื่องเครือข่ายรถยนต์ที่ถูกกฎหมายแทน
แต่คุณอิจิโรก็อ่านเกมเอาไว้ก่อนแล้ว
เพราะเขาเข้าไปแทรกแซง ไม่ให้บริษัทอื่น ๆ ร่วมมือกับ Uber ถึงขนาดที่กดดันผู้ให้บริการรายหนึ่ง ชื่อว่า Hinomaru ซึ่งเคยคุยกับ Uber ไว้เบื้องต้น ให้ยกเลิกดีลข้อตกลง ไม่เช่นนั้นจะถูกให้ออกจากสหพันธ์แท็กซี่
และในขณะเดียวกัน คุณอิจิโรก็ได้ชักชวนให้บริษัทแท็กซี่เหล่านั้น มาเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มเรียกรถของตนเองที่ชื่อว่า “Go”
ด้วยเหตุนี้ แพลตฟอร์ม Go จึงมีจุดเด่นเหนือ Uber ตรงที่สามารถเลือกรถแท็กซี่ท้องถิ่นจากแทบทุกค่าย
ซึ่งมีใบอนุญาตจากภาครัฐ และมาตรฐานบริการเป็นที่ไว้วางใจของผู้โดยสาร
นอกจากนั้น Go ยังปรับเพิ่มฟีเชอร์ให้ตรงตามความต้องการของชาวญี่ปุ่น เช่น การจดจำค่ายแท็กซี่ที่ชอบ
เพราะคนมักใช้บริการกับเจ้าเดิม หรือการสะสมไมล์ร่วมกับสายการบิน ANA และ JAL เป็นต้น
ทำให้ในปัจจุบัน แพลตฟอร์ม Go ของคุณอิจิโร มีรถแท็กซี่ในเครือข่ายกว่า 100,000 คัน และมีผู้ใช้งานราว 20 ล้านบัญชีทั่วประเทศ โดยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเรียกรถในญี่ปุ่นได้ถึง 70%
ส่วนทางด้าน Uber เหลือส่วนแบ่งอยู่แค่ราว 8-10% โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยว
ลองดูผลประกอบการของบริษัท Go Inc. กันบ้าง
ปี 2022 รายได้ 2,500 ล้านบาท
ปี 2023 มีการคาดการณ์รายได้ 4,200 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตขึ้นเกือบ 70%
ซึ่งมีการประเมินว่า การเรียกรถผ่านช่องทางออนไลน์ในญี่ปุ่น จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 30-40% ภายในปี 2029
ซึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุด คงน่าจะหนีไม่พ้น แอปเจ้าตลาดอย่าง Go
ส่งผลให้นักลงทุนหลายราย สนใจศักยภาพของ Go เป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ Goldman Sachs สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ซึ่งในอดีตก็เคยลงทุนในธุรกิจ Uber มาก่อน
โดยในการระดมทุนเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2023 ที่ผ่านมา Goldman Sachs เข้าลงทุนในบริษัท Go Inc. ด้วยเงินมูลค่า 2,500 ล้านบาท
และบริษัทได้ถูกประเมินมูลค่าเอาไว้ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 35,000 ล้านบาท นับเป็นหนึ่งในสตาร์ตอัปสัญชาติญี่ปุ่นไม่กี่ราย ที่กลายเป็นยูนิคอร์นได้สำเร็จ
เรื่องราวในครั้งนี้ คงเป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า
โมเดลสูตรสำเร็จที่เคยใช้ได้ผล อาจไม่สามารถนำมาก๊อบปี้ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ได้เสมอไป ถึงแม้จะเป็นบริษัทชื่อดังระดับโลกก็ตาม
เพราะแต่ละประเทศ มักมีปัจจัยเฉพาะตัว ที่สร้างความได้เปรียบให้แก่ผู้เล่นท้องถิ่น เช่น ความเข้าใจในตัวผู้บริโภค หรือความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐที่ดีกว่าบริษัทต่างชาติ
ซึ่งในกรณีของตลาดแพลตฟอร์มเรียกรถนั้น ก็มีบ่อยครั้งที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Uber ต้องยอมถอยออกมา ไม่ว่าจะเป็น การขายกิจการในจีนให้ Didi Chuxing หรือการขายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ Grab
ดังนั้นสำหรับตลาดประเทศญี่ปุ่น ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Uber จะมีแผนการโต้กลับอย่างไร หรือสุดท้ายอาจตัดใจขายกิจการออกไปอีก ก็เป็นได้
ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างหลัง คนที่มีโอกาสรับซื้อกิจการมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น แพลตฟอร์ม Go นั่นเอง..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.linkedin.com/pulse/what-you-need-know-japans-taxi-prince-slice-of-p-i-e/
-https://medium.com/@businessbreakthrough/how-uber-fights-the-battle-for-japans-taxi-market-25c5e3b83631
-https://www.cnbc.com/2023/05/24/goldman-sachs-backs-japans-go-inc-taxi-app-valuing-it-at-1-billion.html
-https://restofworld.org/2023/japan-uber-go-taxi-app/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.