Uber ผู้ชนะแท้จริง ศึกแอปเรียกรถ ของทั่วโลก

Uber ผู้ชนะแท้จริง ศึกแอปเรียกรถ ของทั่วโลก

Uber ผู้ชนะแท้จริง ศึกแอปเรียกรถ ของทั่วโลก /โดย ลงทุนแมน
“ชนะศึกโดยไม่ต้องรบ” เป็นหนึ่งในคำกล่าวของซุนวู
นักปราชญ์ชาวจีน ที่สะท้อนการทำธุรกิจของ Uber ในทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี
แม้ Uber ดำเนินธุรกิจแอปเรียกรถส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกา
แต่จริง ๆ แล้ว Uber ยังทำธุรกิจทางอ้อมในจีนและอาเซียน โดยที่ตัวเองไม่จำเป็นต้องลงไปแข่งขันเอง
Uber ใช้วิธีชนะศึกโดยไม่ต้องรบอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
แม้ Uber จะเป็นธุรกิจเรียกรถสัญชาติอเมริกัน
แต่เรื่องแปลกคือ ไอเดียของธุรกิจนี้ กลับเกิดขึ้นในยุโรป
ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ท่ามกลางความหนาวเหน็บยามค่ำคืนในปี 2008
คุณ Travis Kalanick และคุณ Garrett Camp ไม่สามารถหาแท็กซี่เพื่อมารับเขาทั้งสองคนได้
จากความรู้สึกที่เจอประสบการณ์ตรง กลายมาเป็นไอเดียตั้งต้นของธุรกิจสตาร์ตอัปน้องใหม่ในปีถัดมา โดยเริ่มให้บริการในเมืองซานฟรานซิสโกเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติของธุรกิจสตาร์ตอัป ที่ต้องขยายการให้บริการไปเรื่อย ๆ ทำให้ Uber เริ่มขยับตัวเองไปทำธุรกิจนอกประเทศมากขึ้น
ไล่ตั้งแต่การเข้าไปให้บริการในภูมิภาคอาเซียน เมื่อปี 2013 ก่อนที่ปีถัดมา ได้เข้าไปให้บริการในจีนเป็นครั้งแรก
แต่การทำแบบนี้ ก็แปลว่า Uber ต้องเปิดศึกกับคู่แข่งท้องถิ่นยักษ์ใหญ่อย่าง Grab ในอาเซียน และ DiDi ในจีน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เริ่มกันที่ฝั่งประเทศจีน ตอนนั้น DiDi เป็นคู่แข่งที่ใหญ่ในจีน หลังจากควบรวมกับคู่แข่งรายหนึ่ง แถมยังมีเงินทุนหนุนหลังจาก Tencent อีกด้วย
ในช่วงแรก Uber ไม่อยากเปิดสงคราม จึงยื่นข้อเสนอถือหุ้นใน DiDi 40% แต่ดีลนี้ถูกปัดตก จนทำให้ Uber ต้องเปิดศึกกับ DiDi
ซึ่ง Uber ที่มาพร้อมกับแอปเรียกรถที่เสถียรกว่า ก็สามารถกุมชัยชนะในช่วงแรกได้อย่างรวดเร็ว แต่ DiDi ก็เลือกโต้กลับได้ฉลาดมาก
แทนที่จะสู้กับ Uber โดยตรง DiDi หันไปสู้ทางอ้อมด้วยการลงทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน Lyft คู่แข่งเบอร์สองของ Uber ในทวีปอเมริกา
ซึ่งทำให้ DiDi เข้าถึงตลาดทวีปอเมริกาได้ผ่าน Lyft
แถมยังเป็นการประกาศศึกว่า ต้องการท้าชิงพื้นที่การ
ให้บริการของ Uber มาอย่างยาวนาน
ดังนั้นแทนที่ Uber จะแข่งขันในจีนโดยตรงกับ DiDi แค่อย่างเดียว กลับต้องไปรับศึกของ DiDi ในบ้านของตัวเองอีกด้วย
แต่ Uber ก็ยังไม่ยอมแพ้ และ DiDi ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
ทั้งคู่เผาเงินเพื่อดึงดูดลูกค้าอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการแย่งส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีน
จนในที่สุด ศึกที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี ก็เริ่มจบลง
เมื่อ Uber ตัดสินใจเสนอการถือหุ้นใน DiDi ใหม่อีกครั้ง เพื่อจบการแข่งขันระหว่างกัน
ในปี 2016 หลังจากต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน
Uber ยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นจากเดิมที่เคยเสนอถือหุ้นใน DiDi มากถึง 40% มาเหลือแค่ 12.8%
โดยแลกกับการที่ Uber ถอนตัว และขายกิจการทั้งหมดในจีน ให้กับ DiDi ซึ่งดีลนี้ก็บรรลุไปด้วยดี
และภาพที่เกิดขึ้นระหว่าง DiDi กับ Uber ก็ถูกฉายซ้ำในศึกเรียกรถของภูมิภาคอาเซียนเช่นกัน เพราะ Uber เลือกถือหุ้นใน Grab กว่า 27.5% ในปี 2018
แม้ก่อนหน้านี้ Grab และ Uber เองจะต่อสู้กันมานานตั้งแต่ปี 2013 แต่สุดท้าย Uber ก็เลือกยุติการต่อสู้ในสนามที่ตัวเองไม่ถนัด ด้วยการถือหุ้นธุรกิจในภูมิภาคนั้นแทน
ซึ่งนอกจากการถือหุ้นใน Grab และ DiDi แล้ว
Uber ยังถือหุ้นใน Delivery Hero เจ้าของแพลตฟอร์ม
ชื่อดังอย่าง foodpanda
รวมไปถึงก่อนหน้านี้ที่เคยถือหุ้นใน Zomato แพลตฟอร์มดิลิเวอรีอาหารของอินเดีย แต่เพิ่งขายหุ้นทั้งหมดออกไปเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา
ถึงตรงนี้ ก็น่าสนใจว่าการทำธุรกิจแบบ Uber ในการไปถือหุ้นในบริษัทแอปเรียกรถของพื้นที่ต่าง ๆ แทน ดีกว่าการเข้าไปแข่งขันกับบริษัทพวกนั้นเสียเอง
ซึ่งบทเรียนจากการต่อสู้กับ DiDi และ Grab คงทำให้ Uber เห็นแล้วว่า การเอาชนะคู่แข่งในพื้นที่ต่าง ๆ ต้องใช้พลังงานและเงินทุนมหาศาลแค่ไหน
แต่ถ้าปล่อยให้ธุรกิจในพื้นที่นั้นครองตลาดไป แล้วเราไปถือหุ้นแทน หากธุรกิจพวกนั้นโตขึ้น สุดท้ายธุรกิจของเราก็จะได้ประโยชน์จากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นอยู่ดี
ซึ่งตอนนี้คนทั่วโลกมีอยู่ราว 8,000 ล้านคน
ถ้ารวมการถือหุ้นทางอ้อมใน Grab และ DiDi แล้ว
Uber กำลังมีรายได้จากการให้บริการได้มากถึง 3,000 ล้านคน
โดยจำนวนนี้มาจากจำนวนคนจีน คนอาเซียน คนยุโรป และคนอเมริกาเหนือรวมกัน ซึ่งแปลว่า Uber เกี่ยวข้องกับคนเกินกว่า 3 ใน 10 ของคนทั้งโลกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ Uber ดูเป็นผู้ชนะแท้จริงของศึกแอปเรียกรถทั่วโลกไปแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว ก็ยังมีผู้ชนะแท้จริงที่เหนือกว่า อยู่อีกตัวละครหนึ่ง..
นั่นคือ SoftBank Group บริษัทด้านโทรคมนาคมและการลงทุนยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ของคุณ Masayoshi Son
ที่มีการลงทุนทั้งใน Uber, DiDi, Grab, Ola
หรือแม้แต่ Lyft ที่เป็นคู่แข่งเบอร์สองของ Uber ก็ตาม..
References
-หนังสือ Tencent จักรวรรดิอิทธิพลใหม่ โดย Lulu Chen
-https://knowledge.insead.edu/entrepreneurship/real-story-behind-ubers-exit-southeast-asia
https://www.longtunman.com/22920
-https://www.uber.com/us/en/r/cities/
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon