รู้จักโมเดลธุรกิจ ตรวจสอบและออกใบรับรอง ทำกำไรได้หลายหมื่นล้าน

รู้จักโมเดลธุรกิจ ตรวจสอบและออกใบรับรอง ทำกำไรได้หลายหมื่นล้าน

รู้จักโมเดลธุรกิจ ตรวจสอบและออกใบรับรอง ทำกำไรได้หลายหมื่นล้าน /โดย ลงทุนแมน
แน่นอนว่า เมื่อเราใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์ดัง สิ่งที่ทำให้เราไว้ใจแบรนด์เหล่านั้นคือ “ความน่าเชื่อถือ” ที่มาคู่กับความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ เช่น
- ใช้รถยนต์ของ BMW เพราะมั่นใจในระบบการควบคุม และส่วนประกอบรถที่ได้มาตรฐาน
- ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Sony เพราะมั่นใจในคุณภาพของเสียงและภาพ
- ใส่นาฬิกา Rolex เพราะมั่นใจในความแม่นยำของกลไก คุณภาพวัสดุและการผลิต รวมถึงความหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์
- ใช้วัคซีนของ Pfizer เพราะมั่นใจว่า มีผลข้างเคียงน้อย และใช้ได้กับการรักษาโรคที่เป็นอยู่
ซึ่งการจะสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้นั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างรวมกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การทำให้สินค้าหรือบริการมี “มาตรฐาน” ที่สูงอยู่เสมอ
โดยสิ่งที่ยืนยันมาตรฐานสินค้า ก็คือ การตรวจสอบทั้งก่อน และหลังการผลิต รวมถึงความน่าเชื่อถือของการตรวจสอบ ว่าตรวจสอบอย่างไร และใครเป็นคนตรวจสอบ
จุดนี้เอง จึงเป็นที่มาของธุรกิจรับตรวจสอบและให้การรับรองมาตรฐานต่าง ๆ จนสามารถสร้างบริษัทที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทได้
ธุรกิจนี้มีโมเดลธุรกิจอย่างไร
และมีใครเป็นผู้นำบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ธุรกิจให้บริการทดสอบและรับประกันคุณภาพสินค้า หากอิงตามบริการของ 3 บริษัทขนาดใหญ่ในตลาด คือ SGS, Bureau Veritas และ Intertek หลัก ๆ จะมีอยู่ 4 บริการ คือ
1. การตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน เช่น การออกใบรับรองคุณภาพและมาตรฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานด้านคุณภาพอย่าง ISO หรือมาตรฐานเพื่อการส่งออกอื่น ๆ
2. การทดสอบผลิตภัณฑ์ เช่น ทดสอบความปลอดภัย หรือการทำงาน ว่าได้มาตรฐานตามที่กำหนดหรือไม่
3. การตรวจสอบโรงงานและกระบวนการผลิต เช่น ความปลอดภัยในการทำงาน หรือประสิทธิภาพของโรงงาน ว่าผลิตได้มาตรฐานตามที่กำหนดหรือไม่
4. การทดสอบและตรวจสอบความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อม เช่น ตรวจสอบคุณภาพน้ำรอบโรงงาน หรือทดสอบการย่อยสลาย หรือปล่อยสารเคมีของสินค้า ในธรรมชาติ
นอกเหนือจากนี้ บางบริษัทยังต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การให้คำปรึกษาด้านการจัดการ, การตรวจสอบและวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการอบรมและพัฒนาบุคลากร
โดยบริการเหล่านี้ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่ซัปพลายเชน และครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม
มีตั้งแต่ ยา, อาหาร, สินค้าอิเล็กทรอนิกส์, วัสดุก่อสร้าง, การขนส่ง-โลจิสติกส์ และอื่น ๆ
แล้วทำไม ผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์ ไม่ตรวจสอบสินค้าด้วยตัวเอง
และมีความจำเป็นอะไร ถึงต้องยอมจ่ายเงิน เพื่อมาใช้บริการของบริษัทเหล่านี้ ?
เรื่องแรกเลยคือ มาตรฐานบางอย่าง จำเป็นต้องได้รับการรับรอง จากผู้ที่สามารถออกใบรับรองได้เท่านั้น
อย่างเช่น มาตรฐานที่เรารู้จักกันดี ก็คือ ISO ที่เป็นมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และอุตสาหกรรม
โดยการจะได้รับมาตรฐานเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่า เจ้าของมาตรฐาน ต้องเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองให้ด้วยตัวเอง
เพราะปัญหาคือ มีการขอกันเป็นจำนวนมากทั่วโลก ทั้งโรงงานขนาดเล็กและขนาดใหญ่
ดังนั้น ISO จึงออกใบอนุญาตให้บริษัทตรวจสอบ เป็นตัวแทนในการตรวจสอบและออกใบรับรองตามเกณฑ์ที่องค์กรมาตรฐานนั้น ๆ กำหนดไว้
เรื่องที่สอง คือ การใช้บริการของบริษัทตรวจสอบ ช่วยให้เจ้าของกิจการประหยัดเวลาและทรัพยากรในการตรวจสอบ
โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งค่าจ้างบุคลากร ที่ต้องมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าเดินทาง ที่พัก และค่าอุปกรณ์ตรวจสอบต่าง ๆ ที่บางชิ้นอาจมีมูลค่าถึงหลักล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ทำให้หลายกิจการ เลือกที่จะจ้างทีมตรวจสอบจากภายนอก เข้ามารับผิดชอบงานส่วนนี้ ดีกว่าที่จะต้องลงทุนมหาศาลแล้วใช้งานได้ไม่คุ้มค่า
เรื่องสุดท้าย คือ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และความน่าเชื่อถือของผู้ตรวจสอบ
บริษัทตรวจสอบเหล่านี้ มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล
อีกทั้งมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการทดสอบที่พร้อมกว่า
นอกจากนี้ การใช้บริษัทตรวจสอบจากภายนอก ยังช่วยให้กระบวนการตรวจสอบเป็นกลาง ลดความเสี่ยงจากการทุจริตผลการตรวจสอบ
และมีความน่าเชื่อถือทั้งในมุมของเจ้าของ พาร์ตเนอร์ และลูกค้าของกิจการด้วย
มากไปกว่านั้น ในบางธุรกิจ ยังมีข้อกฎหมาย หรือข้อกำหนดจากบริษัทลูกค้าและพาร์ตเนอร์ ในการเลือกใช้บริษัทตรวจสอบที่ได้มาตรฐาน
หรือบางครั้ง อาจถึงขั้นระบุเฉพาะเจาะจงว่า คู่ค้าจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอะไร จากผู้ให้บริการเจ้าไหน อีกด้วย
แล้วธุรกิจนี้ มีผลกำไรดีแค่ไหน ?
หากไปดูผลประกอบการปีล่าสุด ของ 3 บริษัท ที่เป็นผู้ให้บริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานระดับโลก พบว่า
- SGS จากสวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าบริษัท 629,800 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 267,000 ล้านบาท
กำไร 22,000 ล้านบาท
- Bureau Veritas จากฝรั่งเศส มีมูลค่าบริษัท 460,000 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 229,700 ล้านบาท
กำไร 19,700 ล้านบาท
- Intertek Group จากสหราชอาณาจักร มีมูลค่าบริษัท 354,600 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 155,400 ล้านบาท
กำไร 13,900 ล้านบาท
ซึ่งทั้ง 3 บริษัท มีอัตรากำไรเท่า ๆ กัน คือ 8-9%
เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งของธุรกิจนี้คือ เป็นธุรกิจที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็น Recurring Income ของธุรกิจ เช่น
การรับรองมาตรฐาน และการตรวจสอบดูแลรักษาของโรงงาน ที่ต้องมีการตรวจเช็กเรื่อย ๆ ต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน
หากจะเปลี่ยนบริษัทที่ตรวจรับรอง ก็จะมี Switching Cost ที่สูง เพราะผู้ให้บริการใหม่ ต้องเริ่มประเมินและเก็บข้อมูลใหม่ทั้งหมด
ซึ่งบริการที่มี Recurring Income แบบนี้ ยังรวมไปถึงบริการอื่น ๆ ที่ต้องใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การทดสอบผลิตภัณฑ์, การทดสอบความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์
แม้แต่การฝึกอบรมพนักงาน และให้คำปรึกษา ก็เป็นแหล่งรายได้ที่เกิดขึ้นซ้ำ เนื่องจากลูกค้าต้องการการพัฒนาความรู้และทักษะของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่กิจการต้องการ หรือได้รับการรับรอง
ก็คือ ธุรกิจตรวจสอบและให้การรับรองแบบนี้ มีแนวโน้มจะเติบโตไปกับการผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ
เพราะตราบใดที่ผู้บริโภค ยังเรียกร้องหาสินค้าที่ดี หรือกิจการ ที่ต้องการสิ่งยืนยันถึงมาตรฐานสินค้าของตัวเอง
ธุรกิจตรวจสอบและให้การรับรอง ที่ช่วยลดความกังวลให้กับผู้บริโภค และอุดรูรั่วให้กับเจ้าของกิจการแบบนี้
ก็น่าจะเป็นธุรกิจที่ตลาดยังคงต้องการไปอีกนาน..
╔═══════════╗
ต่อยอดความมั่งคั่ง พร้อมการเดินทางเหนือระดับ
รับฟรี ของขวัญสุดพิเศษ มูลค่าสูงสุดกว่า 80,000 บาท เพียงมียอดลงทุน และ/หรือ ฝากเงินตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ภายในวันที่ 17 มิ.ย. - 31 ส.ค. 67
??รายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติม https://www.ttbbank.com/link/fb/mftdbooster
ลงทุนง่าย ๆ ผ่านแอป ttb touch คลิก https://www.ttbbank.com//ttb/touch/mf
? สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือ โทร.1428 กด #4 ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร)
╚═══════════╝
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon