จับประเด็นสำคัญ "TRUMPONOMY" จุดเปลี่ยนเกม การเมือง-การเงินโลก

จับประเด็นสำคัญ "TRUMPONOMY" จุดเปลี่ยนเกม การเมือง-การเงินโลก

K-WEALTH X ลงทุนแมน
หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ สิ้นสุดลง ด้วยชัยชนะของดอนัลด์ ทรัมป์
คำถามคือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะไปในทิศทางไหน และเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ในยุค "TRUMPONOMY"
มาสำรวจ 2 มุมมอง ทั้งในมุมของนักวิเคราะห์อย่าง คุณสรพล วีระเมธีกุล Assistant Managing Director Kasikorn Securities PCL
และมุมของนักลงทุนอย่างคุณธณัฐ เตชะเลิศ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน)
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
คุณสรพล วีระเมธีกุล ฉายภาพถึงนโยบายสำคัญของดอนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
- ประเด็นนโยบายเกี่ยวกับการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
เชื่อว่าเป็นนโยบายแรก ๆ ที่ดอนัลด์ ทรัมป์จะทำ เพราะเป็นนโยบายที่สามารถทำได้ง่าย
นโยบายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P) แต่ก็ไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่จะได้ประโยชน์
เพราะบางบริษัทแม้จะมีกำไรมากขึ้นจากภาษีที่ลดลง แต่รายได้ก็อาจลดลงได้เช่นกัน
ถ้าบริษัทนั้นมีรายได้จากการขายหรือโฆษณาสินค้าของจีนในสหรัฐฯ อาจจะโดนผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีสินค้าจีน
ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก นโยบายนี้จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถเก็บภาษีได้ลดลง ทำให้ต้องหารายได้จากทางอื่น หรือต้องลดรายจ่ายต่าง ๆ ลง เพื่อรักษาระดับหนี้สินต่อ GDP
ตัวอย่างหนึ่งในวิธีลดรายจ่ายที่สหรัฐฯ สามารถทำได้คือ การลดการสนับสนุนทางทหารในยูเครน
ซึ่งถ้าทำจริง อาจทำให้เศรษฐกิจยุโรปได้รับผลกระทบตามไปด้วย
- ประเด็นนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ
นโยบายของดอนัลด์ ทรัมป์ ที่จะสกัดกั้น ไม่ให้แรงงานจากต่างประเทศเข้าไปทำงานในสหรัฐฯ หากทำได้จริง ผลกระทบที่ตามมาคือจะทำให้จำนวนแรงงานในสหรัฐฯ ลดลง ทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นตามมา
การลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็อาจไม่เป็นอย่างที่หลายฝ่ายเคยคาดไว้
อาจจะลดลงจาก 6 ครั้งเหลือเพียง 4 ครั้ง ในช่วง 24 เดือนข้างหน้า ซึ่งไม่เอื้อต่อตลาดหุ้นเท่าไร
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง นโยบายนี้อาจมีผลต่อภาคการบริโภค เพราะเมื่อผู้อพยพลดลง ก็อาจทำให้การบริโภคลดลง ดังนั้นเงินเฟ้อก็อาจไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
- ประเด็นนโยบายกำแพงภาษีสินค้าจากจีน
เชื่อว่าไม่มีทางที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีสูงถึง 60% กับทุกสินค้าจากจีน เพราะจีนเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของโลก ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นที่มากนัก
นโยบายนี้จะส่งผลให้จีนหันมาโฟกัสการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic) มากขึ้น เพื่อชดเชยกับการส่งออกที่ลดลง และเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถโตได้ 5% ตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ จีนก็ยังมีกระสุนเหลืออีกเยอะที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดดอกเบี้ย ทำให้หุ้นที่พึ่งพาการบริโภคภายในประเทศได้ประโยชน์
หากนักลงทุนกังวลผลกระทบต่อนโยบายของทรัมป์ที่มีต่อจีน คุณสรพลชวนมองมุม Contrarian Play (กลยุทธ์การลงทุนในทิศทางตรงกันข้ามกับกระแสของตลาด) และแนะนำการลงทุนหุ้นจีน A-Share มากกว่า H-Share รวมถึงชวนโฟกัสธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากภาค Domestic เพราะเชื่อว่าจีนมีมาตรการรับมือ
คำแนะนำทิ้งท้ายสำหรับนักลงทุนคือ หุ้นจีนควรเลือกตามนโยบายภาครัฐ ส่วนหุ้นสหรัฐอเมริกาควรเลือกตามความเก่งของธุรกิจ
ทีนี้ลองมาจับประเด็นสำคัญของนักลงทุน คุณธณัฐ เตชะเลิศ ผ่านมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจ ดังนี้
- อีก 10 ปีข้างหน้า สหรัฐอเมริกาและจีน ยังเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกในแบบของตัวเอง
ดังนั้น โลกจะแบ่งเป็น 2 สาย และมีโอกาสที่อีกสายจะแยกไปอีกรูปแบบหนึ่งเลย เช่น รถยนต์ EV ที่วันนี้จีน เป็นผู้นำของสายนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
- ช่วงเวลาต่อจากนี้ อาจจะเกิดความผันผวนขึ้นได้ ดังนั้น การถือเงินสดหรือพันธบัตรระยะสั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่ และควรทำการบ้านเตรียมไว้ด้วย เพื่อรอโอกาสในการเข้าซื้อที่เหมาะสม
- กลยุทธ์ในการเลือกลงทุน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคน
เช่น ถ้าไม่ค่อยมีเวลา หรือต้องทำงานประจำ การลงทุนก็อาจจะต้องมองระยะยาว และเน้นลงทุนแบบกระจายในหุ้นหลายตัว เช่น พอร์ตกระจายหุ้น 10 ตัว หรือกระจายลงทุนใน S&P 500
เพราะการลงทุนแค่ตัวเดียว มีโอกาสเสียหายหนักได้ ถ้าไม่มีเวลาติดตามมากพอ
- การลงทุนไม่ต้องเล่นท่ายาก แค่ต้องรู้จักตัวเอง และกระจายการลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเป็นผู้ชนะ
- มองว่า หลายบริษัทสหรัฐฯ คือ ผู้ที่ชนะไปทั่วโลก ถ้าเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าและให้บริการที่คนทั้งโลกจำเป็นต้องใช้
สังเกตจากตนเอง ถ้ายังใช้สินค้าหรือบริการนั้นตลอดเวลา มองไม่เห็นภาพว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น หรือจ่ายเงินน้อยลงให้กับสินค้าหรือบริการนั้น ๆ บริษัทนั้นคือผู้ชนะที่เราควรเข้าลงทุน
- การลงทุนในบริษัทที่คนทั้งโลกใช้ เป็นตัวอย่างการลงทุนที่เล่นท่าง่าย
และมีโอกาสทำให้เงินของเราชนะเงินเฟ้อ เพราะต่อให้เงินเฟ้อ สินค้านั้นก็ยังขึ้นราคาได้ หรือมีรายได้และกำไร ที่ยังเติบโตชนะเงินเฟ้อได้
- การวางเงินให้อยู่ในจุดที่ปลอดภัยและเอาชนะเงินเฟ้อ คือ แก่นของการลงทุน และเป็นเคล็ดลับสำคัญในการลงทุน
ทั้งหมดนี้คือประเด็นที่น่าสนใจผ่าน 2 มุมมองจากนักวิเคราะห์ และนักลงทุน
เชื่อว่าน่าจะช่วยให้นักลงทุนไทยเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า เศรษฐกิจโลกในยุค "TRUMPONOMY" จะเป็นอย่างไรต่อไป..
สามารถรับชมรายการ TALK ลงทุนแมน The Global Game Changer: "TRUMPONOMY" จุดเปลี่ยนเกม การเมือง-การเงินโลก ได้ที่ลิงก์ https://www.youtube.com/watch?v=xELXKDTe2qw

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon