ทำไมอาเซียน เป็นหนึ่งใน ขุมทรัพย์ไฟฟ้าโลก ที่ Big Tech สนใจ
ทำไมอาเซียน เป็นหนึ่งใน ขุมทรัพย์ไฟฟ้าโลก ที่ Big Tech สนใจ /โดย ลงทุนแมน
ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
นี่คือ 4 ประเทศในอาเซียน ที่บรรดาบริษัทระดับโลก หรือบิ๊กเทค (Big Tech) กำลังมองว่าเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ไฟฟ้าของโลก
ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
นี่คือ 4 ประเทศในอาเซียน ที่บรรดาบริษัทระดับโลก หรือบิ๊กเทค (Big Tech) กำลังมองว่าเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ไฟฟ้าของโลก
ซึ่งสามารถเอาไปป้อนให้กับ Data Center ที่เป็นเหมือนโรงงานของบิ๊กเทค ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริการไปทั่วโลกได้
ไม่ว่าจะเป็น Alphabet เจ้าของ Google
Amazon เจ้าของระบบ AWS
และ Microsoft ที่ต่างตบเท้าเข้ามาลงทุนในดินแดนอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
Amazon เจ้าของระบบ AWS
และ Microsoft ที่ต่างตบเท้าเข้ามาลงทุนในดินแดนอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
ทำไมบิ๊กเทค กำลังมองอาเซียนเป็นขุมทรัพย์ไฟฟ้า ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
สมัยก่อน การที่ธุรกิจระดับโลกจะไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ ก็ต้องมองว่า ประเทศนั้นค่าแรงเป็นอย่างไร แรงงานมีทักษะขนาดไหน คนมีกำลังซื้อเยอะแค่ไหน ซึ่งเป็นคำถามที่มองเรื่องคนเป็นหลัก
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
สมัยก่อน การที่ธุรกิจระดับโลกจะไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ ก็ต้องมองว่า ประเทศนั้นค่าแรงเป็นอย่างไร แรงงานมีทักษะขนาดไหน คนมีกำลังซื้อเยอะแค่ไหน ซึ่งเป็นคำถามที่มองเรื่องคนเป็นหลัก
แต่สมัยนี้ เมื่อโลกเปลี่ยนไป การทำธุรกิจก็เปลี่ยนไปด้วย จากที่ขายสินค้าจับต้องได้ ก็กลายมาเป็นสินค้าที่จับต้องไม่ได้ แต่เรามองเห็นและสัมผัสได้ราวกับว่ามันมีตัวตน
เช่น การไถโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, IG, TikTok, YouTube และสารพัดแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เราใช้งานอยู่ทุกวันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
ซึ่งเบื้องหลังสิ่งที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่เว้นแม้แต่การอ่านบทความของลงทุนแมนตอนนี้
รู้ไหมว่า ทั้งหมดนี้มาจากโรงงานของบิ๊กเทคที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง กระจายไปอยู่ทุกมุมทั่วโลก ที่มีชื่อว่า Data Center
ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ มันคือตู้ที่มีระบบสายไฟ ที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลแต่ละเครื่องเข้าหากัน
โดย Data Center มีหน้าที่เก็บข้อมูล ประมวลผล และจัดการข้อมูล เพื่อใช้เป็นฐานในการให้บริการต่าง ๆ เช่น คลาวด์ หรือแอปพลิเคชัน
โดย Data Center มีหน้าที่เก็บข้อมูล ประมวลผล และจัดการข้อมูล เพื่อใช้เป็นฐานในการให้บริการต่าง ๆ เช่น คลาวด์ หรือแอปพลิเคชัน
หรือถ้าเปรียบเทียบ Data Center เป็นโรงงาน
สายไฟจะเปรียบเสมือน สายพานในโรงงานอุตสาหกรรม ที่คอยลำเลียงข้อมูลระหว่างคนงาน อย่างหน่วยประมวลผลข้อมูล กับผู้ใช้งานแต่ละคน
สายไฟจะเปรียบเสมือน สายพานในโรงงานอุตสาหกรรม ที่คอยลำเลียงข้อมูลระหว่างคนงาน อย่างหน่วยประมวลผลข้อมูล กับผู้ใช้งานแต่ละคน
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเซิร์ช Google 1 ครั้ง ข้อมูลก็จะถูกส่งไปที่หน่วยประมวลผลของ Data Center จากนั้นก็ส่งคำตอบกลับมาที่เราอีกครั้ง
คราวนี้ ถ้าทำให้การค้นหาบน Google ทำได้เร็วมากขึ้น
คนงาน (หน่วยประมวลผล) ก็ต้องเก่งขึ้น รับและเข้าใจข้อมูลได้ไวขึ้น ทำให้ Data Center มีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
คนงาน (หน่วยประมวลผล) ก็ต้องเก่งขึ้น รับและเข้าใจข้อมูลได้ไวขึ้น ทำให้ Data Center มีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
และปัญหาตรงนี้ก็ได้เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่ตามมานั่นคือ Data Center ต้องการพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เพราะเหมือนกับว่าโรงงานแห่งนี้ได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นหลายเท่าตัว
แน่นอนว่า บรรดาบริษัทระดับโลก ก็ลงทุนที่จะสร้าง Data Center ของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับการใช้งานของคนทั่วโลก ไล่ตั้งแต่สหรัฐฯ ยุโรป ไปจนถึงเอเชีย
ซึ่งก็ตามมาด้วยการมองหาแหล่งพลังงานที่จะมาขับเคลื่อนโรงงานดิจิทัลแห่งนี้
โดยเฉพาะในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ AI ที่กินพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
โดยเฉพาะในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ AI ที่กินพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
และสุดท้ายก็มาถึงอาเซียน ที่บิ๊กเทคมองว่า นี่เป็นหนึ่งในขุมทรัพย์พลังงานไฟฟ้าที่สำคัญของโลก
โดยเหตุผลสำคัญเลย ก็เพราะว่า “มีไฟฟ้าสำรองที่เหลือเกินความต้องการสูง”
เมื่อ Data Center กินไฟอย่างมหาศาลจนเรียกว่า เขมือบไฟฟ้าไปเลยก็ว่าได้
ดังนั้น ถ้าประเทศที่จะมีโรงงานจอมเขมือบไฟฟ้าแห่งนี้ไปตั้งอยู่ ไม่มีไฟฟ้าในประเทศเพียงพออยู่ก่อนแล้ว ก็อาจสร้างปัญหาให้กับบิ๊กเทคเสียเอง
ดังนั้น ถ้าประเทศที่จะมีโรงงานจอมเขมือบไฟฟ้าแห่งนี้ไปตั้งอยู่ ไม่มีไฟฟ้าในประเทศเพียงพออยู่ก่อนแล้ว ก็อาจสร้างปัญหาให้กับบิ๊กเทคเสียเอง
จากรายงานของ Maybank ของมาเลเซีย บอกว่า ประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่ ยังมีระดับไฟฟ้าสำรองเหลือใช้เกินความต้องการ 30-80% ซึ่งสูงกว่าประเทศใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐฯ และจีนด้วย
โดยตัวเลขตรงนี้ เป็นการเทียบให้เห็นว่า กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของประเทศนั้น มากกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงสูงสุดเยอะแค่ไหน
และถ้าให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ก็ไม่ต้องไปไหนไกล
เพราะถ้าเรามองมาที่ประเทศไทย ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตไฟฟ้าในระบบทั้งหมดประมาณ 50,000 เมกะวัตต์ แต่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 37,000 เมกะวัตต์
คิดเร็ว ๆ คือ ประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองเหลือใช้กลม ๆ ประมาณ 35% ไม่ต่างจากประเทศอื่นในอาเซียนมากนัก
ซึ่งการมีไฟฟ้าสำรองที่เหลือนี้เอง ทำให้บิ๊กเทคตัดสินใจไม่ยาก ที่จะมาลงทุน Data Center ที่ประเทศในอาเซียนนั่นเอง
แต่การมีไฟฟ้าสำรองที่เหลือเพียงอย่างเดียว ก็ไม่เพียงพอ
เพราะบิ๊กเทคยังมองว่า อาเซียนเป็นขุมทรัพย์ไฟฟ้าที่มีความมั่นคงสูงด้วย
เพราะบิ๊กเทคยังมองว่า อาเซียนเป็นขุมทรัพย์ไฟฟ้าที่มีความมั่นคงสูงด้วย
ตั้งแต่ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ที่ไม่ค่อยมีภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงบ่อยถึงขั้นรุนแรง เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว แต่ก็อาจมีพายุฝนเข้ามาบ้างในบางช่วงฤดูกาล
เรื่องนี้ก็เป็นข้อดีตรงที่ประเทศในอาเซียนมีความอุดมสมบูรณ์เรื่องน้ำ ที่จำเป็นกับ Data Center ในระบบระบายความร้อนตอนทำงาน
และการมีภัยพิบัติร้ายแรงไม่บ่อย ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาลลงไปอีกด้วย
รวมทั้งภูมิภาคอาเซียนยังถูกมองว่า เป็นหลุมหลบภัยจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี ทำให้บิ๊กเทคเปลี่ยนใจมาลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
และนอกจากเหตุผลเหล่านี้แล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญ
ไม่แพ้กัน นั่นคือ ต้นทุนการสร้าง Data Center ที่ต่ำกว่าประเทศสหรัฐฯ และยุโรป
ไม่แพ้กัน นั่นคือ ต้นทุนการสร้าง Data Center ที่ต่ำกว่าประเทศสหรัฐฯ และยุโรป
ซึ่งที่ผ่านมา สิงคโปร์ ก็เป็นศูนย์กลางบริษัทระดับโลกในภูมิภาค ที่มีการตั้ง Data Center มากมาย เพราะมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน จนเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจาก Data Center มากที่สุดในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ของสิงคโปร์ ทำให้การขยาย Data Center ถูกจำกัดตามไปด้วย บริษัทระดับโลกจึงต้องมองหาพื้นที่ใหม่ ๆ ที่ยังไม่พัฒนาและมีราคาถูก
ตัวอย่างเช่น ในรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อก่อนเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญอย่างปาล์มน้ำมัน ตอนนี้กลับกลายเป็นพื้นที่ทำเลทอง ที่บิ๊กเทคต่างเข้าไปจับจองเพื่อสร้าง Data Center
เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่ไกลจากสำนักงานที่สิงคโปร์ แถมมาเลเซียเอง ก็ยังมีระบบสายเคเบิลใต้น้ำ ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลส่งผ่านไปที่เกาะสิงคโปร์ได้ไม่ยากนัก
ในขณะที่อินโดนีเซียเอง ก็พยายามตั้งเป้าหมายขยายพื้นที่ธุรกิจ Data Center กระจายไปตามเกาะต่าง ๆ ทั่วประเทศที่ยังมีศักยภาพอีกมากมาย เช่น เกาะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว เกาะชวา
ส่วนไทย พื้นที่ศักยภาพสำคัญก็คงหนีไม่พ้นพื้นที่ EEC ในภาคตะวันออกของไทย ที่มีทั้งนิคมอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าของตัวเอง ที่พร้อมสำหรับการลงทุนอยู่แล้ว
ซึ่งนอกจากต้นทุนที่ดินราคาถูกแล้ว ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่คิดเป็น 30-50% ของต้นทุนการดำเนินงานของ Data Center ก็ยังเป็นข้อได้เปรียบของประเทศในอาเซียนอีกด้วย
ถ้าเทียบกับประเทศอื่นที่มี Data Center จำนวนมากแล้ว เช่น สหรัฐฯ ที่มีค่าไฟฟ้าสำหรับธุรกิจ ประมาณ 5 บาทต่อหน่วย ส่วนสหราชอาณาจักร มีค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 11 บาทต่อหน่วย
ประเทศในอาเซียน มีอัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วยสำหรับธุรกิจที่ต่ำกว่านั้น โดยเฉพาะมาเลเซีย ที่มีอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับธุรกิจ ราว 3-4 บาทต่อหน่วยเท่านั้น
พอเป็นแบบนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบิ๊กเทคถึงอยากมาตั้ง Data Center ในประเทศแถบนี้ เพราะจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกลง
แต่ก็ต้องบอกว่า อาเซียนเองก็ยังพึ่งพาพลังงานไม่สะอาดสูง โดยส่วนใหญ่ยังใช้ก๊าซธรรมชาติและถ่านหินราว 60-90% ของพลังงานที่ใช้ผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
ในอนาคต บิ๊กเทคกำลังมองเรื่องพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งถ้าประเทศในอาเซียนส่งเสริมเรื่องนี้ให้สำเร็จไม่ได้
ก็อาจทำให้บิ๊กเทคตัดสินใจลงทุนน้อยลงได้
ก็อาจทำให้บิ๊กเทคตัดสินใจลงทุนน้อยลงได้
นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ ก็เป็นสิ่งที่บิ๊กเทคให้ความสำคัญ เพราะถ้าไฟฟ้าในประเทศนั้นติด ๆ ดับ ๆ หรือมีปัญหาไฟฟ้าไม่พอ เช่นในเวียดนาม สุดท้ายก็กลายเป็นจุดอ่อน ที่ชะลอให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศนั้น
ถึงตรงนี้ ก็คงเข้าใจแล้วว่า ทำไมบิ๊กเทค กำลังมองว่าอาเซียนเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์พลังงานไฟฟ้าที่สำคัญของโลก
ก็แปลกดีว่า เมื่อก่อนถ้าบริษัทต่างชาติจะเข้าไปลงทุนในประเทศไหน คงถามว่า ประเทศนี้มีคนและทรัพยากรในประเทศ พร้อมแค่ไหน
แต่มาวันนี้ คำถามอาจเปลี่ยนเป็น ประเทศคุณมีไฟฟ้ามากแค่ไหน ให้เราได้ใช้งาน..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-ASEAN Data Centre Ride The Multi-Year Data Centre Wave 2024 by Maybank
-https://thaipublica.org/2024/10/cgsi-report-data-centre-in-asean/
-https://www.egat.co.th/home/statistics
-https://www.visualcapitalist.com/cp/top-data-center-markets/
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-ASEAN Data Centre Ride The Multi-Year Data Centre Wave 2024 by Maybank
-https://thaipublica.org/2024/10/cgsi-report-data-centre-in-asean/
-https://www.egat.co.th/home/statistics
-https://www.visualcapitalist.com/cp/top-data-center-markets/