
SCB WEALTH มุ่งสู่การลงทุนระดับโลกพร้อมก้าวสู่เบอร์ 1 ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งไทย
SCB WEALTH x ลงทุนแมน
SCB WEALTH มุ่งสู่การลงทุนระดับโลกพร้อมก้าวสู่เบอร์ 1 ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งไทย
SCB WEALTH มุ่งสู่การลงทุนระดับโลกพร้อมก้าวสู่เบอร์ 1 ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งไทย
ปัจจุบัน BlackRock มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ประมาณ 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 392 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2567)
ตัวเลขนี้ เยอะขนาดไหน..
หากเปรียบเทียบกับ GDP ของประเทศไทยในปี 2024 ซึ่งอยู่ที่ 18.58 ล้านล้านบาท จะพบว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ BlackRock ใหญ่กว่า GDP ของประเทศไทยราว ๆ 21 เท่า
หากเปรียบเทียบกับ GDP ของประเทศไทยในปี 2024 ซึ่งอยู่ที่ 18.58 ล้านล้านบาท จะพบว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ BlackRock ใหญ่กว่า GDP ของประเทศไทยราว ๆ 21 เท่า
BlackRock ถือเป็นบริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเชี่ยวชาญในหลากหลายสินทรัพย์ ทั้งหุ้น, ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือกต่าง ๆ และได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงิน นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยทั่วโลก กว่า 100 ประเทศทั่วโลก
BlackRock จึงมีอิทธิพลอย่างมากในตลาดการเงินระดับโลก และมีส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้าในวงกว้าง
ดังนั้น การเป็นพาร์ตเนอร์กับ BlackRock จึงคล้ายใบเบิกทาง ที่ช่วยขยายความแข็งแกร่งในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง จากการเข้าถึงองค์ความรู้, เครือข่าย, ข้อมูลเชิงลึก และผู้เชี่ยวชาญของ BlackRock
ซึ่งพาร์ตเนอร์ล่าสุดของ BlackRock ในประเทศไทยคือ “SCB WEALTH” หนึ่งหน่วยธุรกิจที่สำคัญของธนาคารไทยพาณิชย์
ซึ่งพาร์ตเนอร์ล่าสุดของ BlackRock ในประเทศไทยคือ “SCB WEALTH” หนึ่งหน่วยธุรกิจที่สำคัญของธนาคารไทยพาณิชย์
วันนี้ ลงทุนแมน จะสรุปประเด็นสำคัญจากมุมมองของ คุณกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ และคุณแอนดรู แลนด์แมน, Deputy Head of Asia Pacific and Head of Asia Pacific Wealth at BlackRock เกี่ยวกับความร่วมมือในครั้งนี้
อะไรคือเหตุผลที่ SCB WEALTH เลือกจับมือกับ BlackRock และความร่วมมือนี้จะสร้างประโยชน์อะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่น เราลองมาดูภาพรวมของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย กันก่อน
คุณกฤษณ์ จันทโนทก กล่าวว่า ปัจจุบัน มูลค่าธุรกิจ Wealth ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของลูกค้าไทย ทั้งในและนอกประเทศ คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 15.6 ล้านล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของตลาดนี้ได้อย่างชัดเจน
ด้วยตลาดที่เติบโตต่อเนื่องและพฤติกรรมนักลงทุนที่ซับซ้อนขึ้น การบริหารความมั่งคั่งจึงไม่ใช่แค่การจัดพอร์ต แต่ต้องมีโซลูชันที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของลูกค้า
แต่การเป็นผู้นำในตลาด Wealth Management ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย แต่ต้องมีพาร์ตเนอร์ที่ช่วยเสริมความเชี่ยวชาญ ยกระดับกลยุทธ์ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า
หลังจากกระบวนการคัดเลือกอย่างเข้มข้น เราพบว่า BlackRock คือพาร์ตเนอร์ที่ตอบโจทย์ที่สุด
ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่ข้อตกลงระยะสั้น แต่เกิดจากการศึกษาและตรวจสอบ (Due Diligence) อย่างละเอียดนานกว่า 1 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าทุกด้านสอดคล้องกับเป้าหมายของเรา ก่อนตัดสินใจร่วมมือกัน
แล้วในมุมมองของ BlackRock ทำไมจึงเลือก SCB WEALTH เป็นพาร์ตเนอร์ ?

คุณแอนดรู แลนด์แมน อธิบายว่า "Trust" คือหัวใจของการเลือกพาร์ตเนอร์ของ BlackRock
แม้ว่า BlackRock จะเป็นหนึ่งในผู้นำที่พลิกโฉมตลาดการลงทุนในเอเชียมาแล้ว แต่ศักยภาพของภูมิภาคนี้ยังเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะจากโครงสร้างประชากรวัยทำงาน (Working Population) และเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการเติบโตระยะยาว
ประเทศไทยจึงเป็นหนึ่งในตลาดที่ BlackRock จับตามาโดยตลอด แม้ว่าประเทศไทยจะเต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจ แต่ต้องอาศัยพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่ง
ไม่เพียงเป็นผู้นำในตลาด แต่ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และสามารถส่งมอบโซลูชันที่เหมาะสมในทุกช่วงชีวิต
สุดท้าย “SCB WEALTH” คือคำตอบ
SCB WEALTH เป็นผู้นำในตลาดการเงินไทย ที่ยึดแนวทาง Customer Centric ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป็นหัวใจของธุรกิจสอดคล้องกับหลักการของ BlackRock อย่างสมบูรณ์
เพราะการบริหารความมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุน แต่คือการบริหารความเสี่ยงและวางแผนทางการเงินแบบครบวงจร ให้เหมาะสมกับทุกช่วงชีวิตของลูกค้า
แม้ว่า BlackRock จะเป็นผู้นำระดับโลก แต่ในบริบทของตลาดไทย เรายังต้องเรียนรู้จาก SCB WEALTH อีกมาก เพราะ SCB WEALTH เข้าใจพฤติกรรมของนักลงทุนไทย และสามารถเข้าถึงตลาดได้ลึกซึ้งกว่าทุกคน
แล้วอะไรคือวัตถุประสงค์หลักของความร่วมมือครั้งนี้ ?
คุณกฤษณ์ จันทโนทก กล่าวว่า SCB WEALTH ต้องการยกระดับการบริหารความมั่งคั่งให้เป็นระบบ รวดเร็ว ได้มาตรฐานระดับสากล และตอบโจทย์การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว
ขณะที่ BlackRock มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับองค์กรระดับโลก ตั้งแต่ กองทุนความมั่นคงแห่งรัฐ (Sovereign Wealth Fund : SWF ) ธนาคารพาณิชย์ในยุโรป ไปจนถึงการให้คำแนะนำด้านการลงทุนแก่รัฐบาลหลายประเทศ ทำให้เข้าใจพฤติกรรมการลงทุนที่หลากหลาย
ดังนั้น เป้าหมายหลักของความร่วมมือนี้จึงเป็นการ "ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าอย่างแท้จริง"
เพราะในอุตสาหกรรมนี้ หลายองค์กรอาจวัดความสำเร็จจากสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) หรือผลกำไรเพียงอย่างเดียว
เพราะในอุตสาหกรรมนี้ หลายองค์กรอาจวัดความสำเร็จจากสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) หรือผลกำไรเพียงอย่างเดียว
แต่สำหรับ SCB WEALTH ความสำเร็จที่แท้จริงคือ ลูกค้าต้องประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เราจึงยึดแนวคิด "Your Success, Our Success" หรือ ความสำเร็จของคุณคือความสำเร็จของเรา
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้วว่าทำไม SCB WEALTH และ BlackRock จึงเลือกจับมือกัน แต่ในทางปฏิบัติ ทั้งสองฝ่ายมีจุดแข็งอะไรที่สามารถต่อยอดเข้าหากันได้ ?
สำหรับจุดแข็งของ SCB WEALTH ก็คือ
- เครือข่ายที่แข็งแกร่งและฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม
SCB เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีสาขาประมาณ 681 แห่งทั่วประเทศ และฐานลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งสามารถต่อยอดสู่บริการด้าน Wealth Management แบบครบวงจร ได้อย่างมีศักยภาพ
SCB เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีสาขาประมาณ 681 แห่งทั่วประเทศ และฐานลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งสามารถต่อยอดสู่บริการด้าน Wealth Management แบบครบวงจร ได้อย่างมีศักยภาพ
- ผู้นำในตลาด Wealth Management ไทย
ด้วยบริการที่ครบวงจรและแนวทางที่เน้นการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม High Net Worth ที่ต้องการโซลูชันการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เน้นการลงทุนระยะยาวและการสืบทอดความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น
ด้วยบริการที่ครบวงจรและแนวทางที่เน้นการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม High Net Worth ที่ต้องการโซลูชันการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เน้นการลงทุนระยะยาวและการสืบทอดความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น
- ผู้นำด้าน Digital Wealth ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI
BlackRock จะร่วมให้คำปรึกษาและแชร์ประสบการณ์ มาเสริมประสิทธิภาพ SCB ในการให้คำแนะนำการลงทุน ที่แม่นยำ และรวดเร็วตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
BlackRock จะร่วมให้คำปรึกษาและแชร์ประสบการณ์ มาเสริมประสิทธิภาพ SCB ในการให้คำแนะนำการลงทุน ที่แม่นยำ และรวดเร็วตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ขณะที่จุดแข็งของ BlackRock ก็คือ
- ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บริหารสินทรัพย์มากกว่า 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ ธันวาคม 2567) ครอบคลุมการลงทุนหลากหลายประเภท ตั้งแต่ หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment)
บริหารสินทรัพย์มากกว่า 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ ธันวาคม 2567) ครอบคลุมการลงทุนหลากหลายประเภท ตั้งแต่ หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment)
- ผลิตภัณฑ์การลงทุนครบวงจรและได้รับการยอมรับระดับโลก
เจ้าของ iShares ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังพร้อมให้บริการกองทุนรวมและคำแนะนำด้านการลงทุนแก่สถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุม 170 แห่งใน 40 ประเทศ
เจ้าของ iShares ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังพร้อมให้บริการกองทุนรวมและคำแนะนำด้านการลงทุนแก่สถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุม 170 แห่งใน 40 ประเทศ
- แนวทาง Whole-Portfolio Investing ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาว
เน้นการกระจายพอร์ตให้เหมาะสมกับแต่ละภาวะตลาด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของความมั่งคั่ง
เน้นการกระจายพอร์ตให้เหมาะสมกับแต่ละภาวะตลาด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของความมั่งคั่ง
เรียกได้ว่า ความร่วมมือระหว่าง SCB WEALTH และ BlackRock เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงองค์ความรู้จากท้องถิ่นสู่ระดับโลก (Local to Global) และจากระดับโลกสู่ท้องถิ่น (Global to Local) อย่างแท้จริง

แต่คำถามสำคัญคือ SCB WEALTH จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจ Wealth ได้หรือไม่ ?
คุณกฤษณ์ จันทโนทก กล่าวว่า BlackRock “ไม่ใช่แค่พันธมิตรทางธุรกิจ แต่เป็นพาร์ตเนอร์เชิงกลยุทธ์ที่ช่วยยกระดับ SCB WEALTH ในหลายด้าน”
SCB WEALTH มุ่งยกระดับธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง โดยตั้งเป้าส่งเสริมให้คนไทยมีวินัยในการออมและลงทุนในรูปแบบที่เหมาะสม
ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกช่วงชีวิต (Stage of Life) พร้อมโซลูชันระดับโลกและข้อมูลการลงทุนในเชิงลึก จะส่งผลให้ SCB WEALTH ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจลงทุนได้แม่นยำยิ่งขึ้น
เรามุ่งสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินต่อเนื่องทุกปี และส่งต่อความมั่งคั่งให้ครอบครัวอย่างยั่งยืน
SCB WEALTH และ BlackRock จะร่วมมือกันอย่างลึกซึ้งในทุกมิติ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด โดยยึดแนวคิด Customer Centric และพัฒนาโซลูชันการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูง
ผ่านแนวทางหลักดังต่อไปนี้
- ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการลงทุนและการบริหารพอร์ตตามมาตรฐานสากล พร้อมพัฒนา Asset Allocation Model ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
- พัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้าง Product on Shelf ที่ผ่านการคัดสรรตามมาตรฐานระดับโลก เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- จัดทำบทวิเคราะห์ร่วมกัน (Co-Research) และยกระดับมาตรฐานการวิเคราะห์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำสำหรับการตัดสินใจลงทุน
- อบรมและพัฒนาทีมที่ปรึกษาการลงทุน (RM Training Program) เพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญและยกระดับการให้บริการลูกค้าสู่มาตรฐานสากล
- ดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Co-Branding เพื่อขยายการเข้าถึงนักลงทุนทั่วประเทศ พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ SCB WEALTH ให้ทัดเทียมผู้ให้บริการระดับโลก
- ร่วมให้คำปรึกษาและแชร์ประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาเสริมประสิทธิภาพการให้บริการและรองรับฐานลูกค้ากว่า 17 ล้านคน
ทีนี้ถ้าถามว่าเราจะก้าวมาเป็นเบอร์ 1 ได้ไหม ในปี 2569?
เพื่อให้ความสำเร็จและการเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งชัดเจนเป็นรูปธรรม SCB WEALTH กำหนดเกณฑ์วัดผลสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
1. การเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการในส่วนของการลงทุน AUA (Asset Under Advisory : AUA)
- ตั้งเป้าการเติบโตในระดับเลขสองหลัก (Double Digit Growth)
- ตั้งเป้าการเติบโตในระดับเลขสองหลัก (Double Digit Growth)
2. ความพึงพอใจของลูกค้า NPS (Net Promoter Score)
- เป้าหมาย Top Tier ในปี 2569
- เป้าหมาย Top Tier ในปี 2569
3. การเติบโตของพอร์ตโฟลิโออย่างยั่งยืน (Sustainable Portfolio Growth)
- สร้างผลตอบแทนสะสมที่เหนือกว่าตลาด เพื่อเสริมความมั่นคงและยั่งยืนให้กับลูกค้าในระยะยาว
สุดท้ายแล้ว SCB WEALTH ไม่ได้มุ่งแค่การเติบโต แต่ต้องการพลิกโฉมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย
- สร้างผลตอบแทนสะสมที่เหนือกว่าตลาด เพื่อเสริมความมั่นคงและยั่งยืนให้กับลูกค้าในระยะยาว
สุดท้ายแล้ว SCB WEALTH ไม่ได้มุ่งแค่การเติบโต แต่ต้องการพลิกโฉมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย
สิ่งที่ชัดเจนคือ ความร่วมมือกับ BlackRock ไม่ใช่แค่การเสริมศักยภาพ แต่คือการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ให้ลูกค้าเข้าถึงสินทรัพย์ระดับโลกด้วยความมั่นใจ
SCB WEALTH มุ่งสร้างแนวทางการลงทุนที่โปร่งใส แข็งแกร่ง และยั่งยืน เพื่อให้ทุกการตัดสินใจของลูกค้า นำไปสู่อิสรภาพทางการเงินและอนาคตที่มั่นคงอย่างแท้จริง…
References
-ข่าวประชาสัมพันธ์ SCB WEALTH จับมือกับ BlackRock
-https://www.reuters.com/business/finance/blackrock-assets-hit-record-116-trillion-fourth-quarter-2024-2025-01-15/
-https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?filename=QGDP_report&nid=16143&utm
-ข่าวประชาสัมพันธ์ SCB WEALTH จับมือกับ BlackRock
-https://www.reuters.com/business/finance/blackrock-assets-hit-record-116-trillion-fourth-quarter-2024-2025-01-15/
-https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?filename=QGDP_report&nid=16143&utm
คำเตือน
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรมทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรมทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต