GULF ถือหุ้น KBANK 5% จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ?

GULF ถือหุ้น KBANK 5% จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ?

GULF ถือหุ้น KBANK 5% จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ? /โดย ลงทุนแมน
ข่าวดังสุดในวงการตลาดทุนเมื่อวาน GULF เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น KBANK เป็น 5.2% เป็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนว่า GULF เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน KBANK อย่างมีนัยสำคัญ
ถ้าในอดีต GULF ซื้อ INTUCH เพื่อครอบครอง AIS ได้
ใคร ๆ ก็คงจะคิดได้ว่าคราวนี้ GULF มีศักยภาพในการครอบครอง KBANK ได้เช่นกัน
AIS เป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่สุดด้านการสื่อสารของไทย
KBANK เป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่สุดด้านการเงินของไทย
ย้อนกลับไป คงไม่มีใครคิดได้ว่า
เรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้
แล้วเรื่องนี้จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ?
หลายคนยังไม่รู้ว่า INTUCH มีสินทรัพย์ซ่อนอยู่คือ บริษัทดาวเทียม THAICOM
และหลายคนยังไม่รู้ว่า KBANK มีขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่อีก 1 บริษัทใหญ่คือ “เมืองไทยประกันชีวิต” (MTL)
ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยเช่นกัน
GULF AIS THAICOM KBANK MTL
สุดยอดธุรกิจ ไฟฟ้า สื่อสาร ดาวเทียม ธนาคาร ประกันชีวิต ของประเทศไทย
อะไรจะเกิดต่อไปกับการซื้อกิจการไปเรื่อย ๆ ของ GULF ได้บ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
ข่าวล่าสุด GULF รายงานว่าได้เข้าถือหุ้น KBANK เป็นสัดส่วน 5.23%
มูลค่าหุ้นที่ GULF ถือ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท
ในตอนนี้ KBANK มีมูลค่าบริษัททั้งหมดประมาณ 380,000 ล้านบาท
คำถามต่อไปที่หลายคนคงอยากรู้
GULF ต้องถือหุ้นเท่าไร ถึงมีอำนาจควบคุมบริษัท ?
ถ้าอยากหาคำตอบก็ต้องดูระบบกลไกของบริษัท ว่าผู้ถือหุ้นส่งผ่านอำนาจในการควบคุมบริษัทได้อย่างไร
คำตอบก็คือผ่าน กรรมการบริษัท
โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะโหวตอนุมัติกรรมการ
หมายความว่าถ้า GULF ซื้อหุ้นได้มากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่เข้าประชุมผู้ถือหุ้น ก็มีโอกาสสูงที่จะมีอำนาจควบคุมกรรมการบริษัท และให้กรรมการบริษัทนั้นควบคุมฝ่ายบริหารของบริษัทอีกทอดหนึ่ง
แล้วผู้เข้าประชุมผู้ถือหุ้น KBANK ครั้งล่าสุดมีเท่าไร ?
การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น KBANK ที่จัดวันที่ 9 เม.ย. 68
มีเสียงลงคะแนนประมาณ 1,333 ล้านเสียง
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น KBANK ที่จัดวันที่ 7 พ.ค. 68
มีเสียงลงคะแนนประมาณ 1,423 ล้านเสียง
1 เสียง มาจาก 1 หุ้น
ซึ่งหากคิดเป็นครึ่งหนึ่งของ 1,423 ล้านหุ้น ก็ประมาณ 711.5 ล้านหุ้น
KBANK มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,369 ล้านหุ้น
หมายความ GULF ต้องการหุ้นประมาณ 711.5 ล้านหุ้น จาก 2,369 ล้านหุ้น หรือประมาณ 30% ของ KBANK ก็อาจมีโอกาสได้ควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในการแต่งตั้งกรรมการได้
ตอนนี้ GULF มีหุ้นแล้ว 5.23% ก็แปลว่า GULF ยังต้องซื้ออีก 24.77%
และระหว่างนั้น ถ้า GULF ถือข้าม 25% ก็ต้องทำ Tender Offer รับซื้อหุ้นทั้งหมด
คำถามคือ GULF ต้องใช้เงินเท่าไรในการไปถึงจุดนั้น
ถ้าคิดจากราคาหุ้น KBANK ปัจจุบัน ก็ต้องใช้เงินอีก 176,703 ล้านบาท
ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนเงินที่มาก และไม่รวมเงินที่ต้องเตรียมมา Tender Offer รับซื้อหุ้นที่เหลืออีก
แต่นี่เป็นกรณีที่เสียงจำนวนที่เหลือไม่เห็นด้วยกับ GULF เลย
ซึ่ง GULF จะใช้เงินน้อยลง หากทำให้เสียงของผู้ถือหุ้นอื่น ๆ ในที่ประชุมเห็นด้วยกับการเสนอกรรมการของ GULF ได้
แล้วเส้นทางของ GULF ที่เคยทำกับ INTUCH เป็นอย่างไร ?
- มิถุนายน 2563 GULF เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใน INTUCH สัดส่วน 4.59%
- สิงหาคม 2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 7.99%
- ตุลาคม 2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10.00%
- มกราคม 2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15.00%
- เมษายน 2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 18.93%
และในที่สุด GULF ได้อนุมัติ ให้ทำ Tender Offer หรือการประกาศรับซื้อหุ้นที่เหลือของบริษัท INTUCH จากผู้ถือหุ้นคนอื่นทั้งหมด หลังจากการ Tender Offer ปัจจุบัน GULF ได้ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ INTUCH โดยถืออยู่ในสัดส่วน 42.25%
จะเห็นได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่ถึง 1 ปี ในการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH ซึ่ง INTUCH ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AIS อีกทอดหนึ่ง
ก็น่าติดตามกันต่อไปว่า ในการเข้าซื้อหุ้น KBANK ของ GULF ในครั้งนี้ จะเดินตามรอยกรณีของ INTUCH หรือไม่
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงสงสัย GULF มีเงินมากพอที่จะซื้อหรือไม่ ?
เรามาดูงบการเงินของ GULF ในตอนนี้กัน
ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 (ก่อนควบรวมกิจการกับ INTUCH)
สินทรัพย์ 522,478 ล้านบาท
เงินสด 53,406 ล้านบาท
หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 338,644 ล้านบาท
GULF มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 1.96 เท่า
จะเห็นได้ว่า GULF ถึงแม้มีหนี้ในระดับแสนล้านบาท แต่ยังมีเงินสดพอที่จะซื้อ KBANK ให้ถึงระดับเหนือกว่า 10%
แต่หาก GULF อยากซื้อมากกว่านั้น ก็มีทางเลือกคือ
1.การกู้เงินเพิ่ม หรือ
2.รอนำกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ GULF และปันผลจาก AIS THAICOM หรือแม้แต่ KBANK เอง เพื่อวนกลับมาซื้อหุ้น KBANK ต่อ
ซึ่งกระแสเงินสดที่ GULF จะได้ในแต่ละปี คาดว่าจะเป็นหลายหมื่นล้านบาท หมายความว่า อาจจะใช้เวลาไม่กี่ปีในการเข้าซื้อ KBANK ได้ถึงระดับที่ตั้งใจไว้
ทั้งนี้ต้องหมายเหตุว่า GULF อาจจะไม่ได้ซื้อหุ้น KBANK เพิ่มไปเรื่อย ๆ ก็เป็นได้ หรืออาจจะขายหุ้น KBANK ลดสัดส่วนหลังจากนี้ก็เป็นได้ ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในกรณีที่ GULF ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ KBANK จริง
GULF จะมีอำนาจทางอ้อมไปเป็นเจ้าของบริษัท ที่หลายคนนึกไม่ถึง ซึ่งก็คือ “เมืองไทยประกันชีวิต” สีชมพู ที่หลายคนคุ้นตา
โดย KBANK ถือหุ้น บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด 51% ซึ่งบริษัทนี้ถือหุ้น 75% ในบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อีกทอดหนึ่ง..
ในปี 2567 บริษัทประกันชีวิตนี้ มีสินทรัพย์มากถึง 643,071 ล้านบาท
มีรายได้ 91,848 ล้านบาท และกำไร 5,606 ล้านบาท
ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ถึงแม้ KBANK จะถูกก่อตั้งโดยตระกูลล่ำซำ แต่ปัจจุบันตระกูลล่ำซำ ลดบทบาทในธนาคารลงมามากแล้ว
แต่สำหรับเมืองไทยประกันชีวิตนั้น ถูกก่อตั้งโดยตระกูลล่ำซำเช่นกัน และยังมีผู้บริหารเป็นตระกูลล่ำซำอยู่หลายท่าน
ซึ่งการเข้ามาถือหุ้น KBANK ของ GULF
คนในตระกูลล่ำซำในเวลานี้ ก็คงคิดและพูดคุยเรื่องนี้กันว่า จะเกิดอะไรต่อไป ได้บ้าง ?..
หมายเหตุ : บทความนี้มีเจตนาให้ความรู้ด้านการลงทุน และไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นทั้งหมดที่กล่าวถึง การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon