
คู่แข่ง “ที่น่ากลัวสุด” คือ ธุรกิจของตัวเอง
คู่แข่ง “ที่น่ากลัวสุด” คือ ธุรกิจของตัวเอง /โดย ลงทุนแมน
คู่แข่งจะเกิดขึ้นเสมอ เวลาเราทำธุรกิจอะไรก็ตาม โดยเฉพาะธุรกิจที่ทำกำไรได้ดี
คู่แข่งจะเกิดขึ้นเสมอ เวลาเราทำธุรกิจอะไรก็ตาม โดยเฉพาะธุรกิจที่ทำกำไรได้ดี
แต่คงไม่มีคู่แข่งคนไหน น่ากลัวไปกว่าธุรกิจของตัวเองอีกแล้ว
ฟังแค่นี้ ก็คงรู้สึกแปลก ๆ จะเป็นไปได้อย่างไร
ที่ธุรกิจของตัวเอง จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสุดของธุรกิจเรา
ที่ธุรกิจของตัวเอง จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสุดของธุรกิจเรา
แต่ต้องบอกว่า เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในโลกธุรกิจ ที่เราต้องทำธุรกิจแข่งกับตัวเราเอง
ทำไม ธุรกิจของตัวเอง ถึงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสุด ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ถ้าเราต้องทิ้งธุรกิจหลักที่เคยทำเงินมายาวนาน
แล้วหันไปเดิมพันกับการสร้างธุรกิจใหม่ ที่มีความเป็นไปได้ว่า อาจมีอนาคตมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีว่า เราจะทำสำเร็จ
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ถ้าเราต้องทิ้งธุรกิจหลักที่เคยทำเงินมายาวนาน
แล้วหันไปเดิมพันกับการสร้างธุรกิจใหม่ ที่มีความเป็นไปได้ว่า อาจมีอนาคตมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีว่า เราจะทำสำเร็จ
เราจะกล้าตัดสินใจแบบนี้ไหม
หลายคนคงตอบว่า “ไม่” เพราะมันดูเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากเกินไป และคิดว่าธุรกิจเราดีอยู่แล้ว ทำไมต้องหันไปทำธุรกิจใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ด้วย
ในโลกธุรกิจ เราเรียกสิ่งนี้ว่า The Innovator’s Dilemma
ซึ่งเป็นแนวคิดของคุณ Clayton Christensen
ซึ่งเป็นแนวคิดของคุณ Clayton Christensen
ที่บอกว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้สร้างนวัตกรรมหรือธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว ก็เริ่มลังเลที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือธุรกิจอะไรขึ้นมาใหม่
จนสุดท้าย ความลังเลนี้ ทำให้ธุรกิจนั้นติดกับดักนวัตกรรมเดิม ๆ จนสักวันจะโดนคู่แข่งเจ้าอื่นที่ทำได้ดีกว่า แย่งลูกค้าไปหมดแทน
หากพูดถึงธุรกิจที่เจอปัญหานี้ได้ชัดเจนสุด
คงหนีไม่พ้นธุรกิจสตรีมมิงชื่อดังอย่าง Netflix
คงหนีไม่พ้นธุรกิจสตรีมมิงชื่อดังอย่าง Netflix
ทุกวันนี้ หลายคนคงจำภาพ Netflix ได้อย่างดี
เราเปิดแอปขึ้นมา กดเลือกบัญชี แล้วเข้าไปเลือกดูภาพยนตร์ ซีรีส์ หรืออะไรก็ได้ เพียงแค่เชื่อมอินเทอร์เน็ต
เราเปิดแอปขึ้นมา กดเลือกบัญชี แล้วเข้าไปเลือกดูภาพยนตร์ ซีรีส์ หรืออะไรก็ได้ เพียงแค่เชื่อมอินเทอร์เน็ต
แต่ตอนเริ่มธุรกิจแรก ๆ Netflix ยังให้บริการเช่าดีวีดีภาพยนตร์ทางไปรษณีย์ โดยลูกค้าสามารถจ่ายรายเดือนล่วงหน้า เพื่อรับดีวีดีถึงหน้าบ้านได้เลย
พอเวลาผ่านไป อินเทอร์เน็ตเริ่มแรงพอที่จะสตรีมมิงได้
Netflix ก็รู้ดีว่า นี่เป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเริ่มธุรกิจใหม่อย่างสตรีมมิงภาพยนตร์ในปัจจุบัน
Netflix ก็รู้ดีว่า นี่เป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเริ่มธุรกิจใหม่อย่างสตรีมมิงภาพยนตร์ในปัจจุบัน
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าเลือกเบนเข็มไปหาธุรกิจใหม่เลย
แล้วธุรกิจเก่าที่มีลูกค้ากว่า 6 ล้านราย ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของบริษัทในเวลานั้น จะทำอย่างไรต่อไป
แล้วธุรกิจเก่าที่มีลูกค้ากว่า 6 ล้านราย ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของบริษัทในเวลานั้น จะทำอย่างไรต่อไป
ตอนนั้นเอง ก็ไม่ต่างอะไรจากการที่ Netflix ต้องแข่งกับ
ตัวเอง เพราะโมเดลธุรกิจใหม่ อาจไปแย่งลูกค้าเก่าที่เคยชินกับบริการส่งดีวีดีทางไปรษณีย์
ตัวเอง เพราะโมเดลธุรกิจใหม่ อาจไปแย่งลูกค้าเก่าที่เคยชินกับบริการส่งดีวีดีทางไปรษณีย์
แต่ถ้า Netflix ไม่ทำธุรกิจสตรีมมิงภาพยนตร์
สุดท้ายคนอื่นที่เห็นโอกาสและกล้าลุย ก็จะกระโจนเข้ามาทำธุรกิจและหันมาแข่งกับ Netflix เสียเอง
สุดท้ายคนอื่นที่เห็นโอกาสและกล้าลุย ก็จะกระโจนเข้ามาทำธุรกิจและหันมาแข่งกับ Netflix เสียเอง
ดังนั้น เพื่อตัดโอกาสไม่ให้คู่แข่งเข้ามาทำลายตัวเอง
Netflix ก็เลือกที่จะแข่งกับธุรกิจเดิมของตัวเอง ด้วยการออกบริการสตรีมมิงมาในปี 2007
Netflix ก็เลือกที่จะแข่งกับธุรกิจเดิมของตัวเอง ด้วยการออกบริการสตรีมมิงมาในปี 2007
ซึ่งเรียกได้ว่า ธุรกิจสตรีมมิงออกมาแบบถูกที่ ถูกเวลามาก
เพราะตอนนั้นโลกกำลังเข้าสู่ยุคสมาร์ตโฟน ที่กำลังกลายมาเป็นอุปกรณ์ซึ่งทำได้แทบทุกอย่างในเครื่องเดียว
เพราะตอนนั้นโลกกำลังเข้าสู่ยุคสมาร์ตโฟน ที่กำลังกลายมาเป็นอุปกรณ์ซึ่งทำได้แทบทุกอย่างในเครื่องเดียว
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่า Netflix จะแข่งกับตัวเองได้ราบรื่นไปเสียหมด เพราะในปี 2011 Netflix พยายามตั้งราคาแพ็กเกจแยกระหว่างบริการดีวีดีและสตรีมมิง
นั่นคือ ลูกค้าจะจ่ายถูกลง เมื่อเลือกใช้แค่บริการเดียว
แต่จะจ่ายแพงขึ้น เมื่อเลือกใช้ทั้งสองบริการ
แต่จะจ่ายแพงขึ้น เมื่อเลือกใช้ทั้งสองบริการ
ที่ทำแบบนี้ ก็เพราะว่า Netflix อยากยุติธุรกิจให้บริการดีวีดีผ่านไปรษณีย์ และหันไปโฟกัสกับธุรกิจสตรีมมิงแค่อย่างเดียวแทน
แต่ผลปรากฏว่า ลูกค้าไม่พอใจ เมื่อต้องจ่ายแพงขึ้นหากต้องการสองบริการนี้พร้อมกัน
จนทำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ หายไป 800,000 บัญชี ภายในเวลาแค่ 4 เดือน และส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Netflix ลดลงไปถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
จนสุดท้ายผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Reed Hastings ก็ต้องออกมาขอโทษพร้อมยกเลิกแพ็กเกจที่ประกาศออกมา
แต่ในที่สุด Netflix ก็สามารถยุติการให้บริการดีวีดีผ่านไปรษณีย์ได้สำเร็จ เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา
หันไปอีกฟากหนึ่งของโลกที่ประเทศจีน
ก็มีบริษัทเทคโนโลยีจีนเจ้าหนึ่ง ที่ต้องแข่งขันกับตัวเองในช่วงหนึ่งเช่นกัน นั่นคือ Tencent
ก็มีบริษัทเทคโนโลยีจีนเจ้าหนึ่ง ที่ต้องแข่งขันกับตัวเองในช่วงหนึ่งเช่นกัน นั่นคือ Tencent
Tencent เริ่มต้นธุรกิจด้วยโปรแกรมแช็ตบนคอมพิวเตอร์ยอดนิยมอย่าง QQ ซึ่งสามารถเอาชนะ MSN จาก Microsoft ที่พยายามมาแย่งตลาดจีนได้สำเร็จ
ในปี 2010 โปรแกรมแช็ตอย่าง QQ มีผู้ใช้งานมากถึง
650 ล้านบัญชีอยู่แล้ว
650 ล้านบัญชีอยู่แล้ว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป การมาของสมาร์ตโฟน ก็กลายเป็นความท้าทายของ Tencent ที่ทำให้คนจีนอาจไม่นิยมใช้โปรแกรมแช็ตบนคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
Tencent ที่นำโดยคุณ Allen Zhang ก็ได้ไฟเขียวจากบริษัท ให้พัฒนาโปรแกรมแช็ต ที่สามารถใช้งานบนสมาร์ตโฟน แม้ว่ามันจะแข่งกับ QQ ที่ใช้งานบนคอมพิวเตอร์โดยตรง
แต่ผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Pony Ma เชื่อว่า ถ้าเราไม่แข่งขันหรือฆ่าธุรกิจตัวเอง ก็ต้องรอให้คนอื่นมาฆ่าเราในภายหลังอยู่ดี สู้ให้เราท้าทายกับธุรกิจเดิมของตัวเองดีกว่า
จนในที่สุด โปรแกรมแช็ตบนโทรศัพท์มือถือก็กลายร่างออกมาสำเร็จ
โดยมีชื่อว่า WeChat ในปี 2011 ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาฟีเชอร์ต่าง ๆ จนเอาชนะคู่แข่งอื่น และดึงดูดผู้ใช้งานได้สำเร็จ
โดยมีชื่อว่า WeChat ในปี 2011 ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนาฟีเชอร์ต่าง ๆ จนเอาชนะคู่แข่งอื่น และดึงดูดผู้ใช้งานได้สำเร็จ
ซึ่งตอนนี้ WeChat มีจำนวนผู้ใช้งาน 1,380 ล้านบัญชี มากกว่า QQ ที่ 562 ล้านบัญชี กว่าเท่าตัว
สรุปแล้ว จากเรื่องราวของสองธุรกิจนี้ เราคงเห็นว่า คู่แข่งที่น่ากลัวสุด ไม่ใช่คู่แข่งอื่น แต่คือธุรกิจของตัวเอง ที่ดำเนินการหรือทำกำไร มาอย่างยาวนาน
แม้มันอาจเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้ต่อเนื่อง แต่เมื่อเวลา
ผ่านไป เทคโนโลยีเปลี่ยน พฤติกรรมของคนเปลี่ยน โลกไม่เหมือนเดิม เมื่อนั้นธุรกิจเดิมของเรา ก็อาจถูกท้าทายได้
ผ่านไป เทคโนโลยีเปลี่ยน พฤติกรรมของคนเปลี่ยน โลกไม่เหมือนเดิม เมื่อนั้นธุรกิจเดิมของเรา ก็อาจถูกท้าทายได้
เหมือนอย่าง Netflix และ Tencent ที่เลือกท้าทายตัวเอง ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของตัวเอง ก่อนที่จะปล่อยให้คนอื่นมาท้าทายธุรกิจของพวกเขา
ซึ่งจริง ๆ เราก็ไม่มีทางรู้แน่นอนว่า คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงจะมาในรูปแบบไหนและเมื่อไร
แต่ถ้าเราไม่ระวัง และยึดติดกับความสำเร็จเดิมมากไป จนไม่กล้าท้าทายธุรกิจของตัวเอง
เมื่อทุกอย่างสายไปแล้ว และเรามองไปรอบ ๆ ตัวอีกที ก็อาจพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางคู่แข่งที่น่ากลัว ซึ่งจ้องเขมือบเรา โดยเราไม่ทันได้ตั้งตัว..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://qz.com/1245107/as-netflix-turns-20-lets-revisit-its-biggest-blunder
-https://www.hbs.edu/faculty/Pages/item.aspx?num=46
-https://www.businessmodelsinc.com/en/inspiration/blogs/netflix-how-a-dvd-rental-company-changed-the-way-we-spend-our-free-time
-https://www.statista.com/statistics/272014/global-social-networks-ranked-by-number-of-users/
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://qz.com/1245107/as-netflix-turns-20-lets-revisit-its-biggest-blunder
-https://www.hbs.edu/faculty/Pages/item.aspx?num=46
-https://www.businessmodelsinc.com/en/inspiration/blogs/netflix-how-a-dvd-rental-company-changed-the-way-we-spend-our-free-time
-https://www.statista.com/statistics/272014/global-social-networks-ranked-by-number-of-users/