
EVEANDBOY ตอกย้ำผู้นำ Beauty Store ของไทย ยอดขาย 7,000 ล้านบาท โตทะลุ 40% จากปีก่อน
EVEANDBOY x ลงทุนแมน
จากข้อมูลของ Statista คาดว่า ในปี 2568 มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ความงามและดูแลส่วนบุคคล (Beauty & Personal Care) ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 255,600 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.6% อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2573
ประเทศไทยไม่เพียงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ยังเริ่มได้รับการจับตามองในฐานะประเทศที่มีศักยภาพจะก้าวขึ้นมาเป็น Beauty Hub แห่งภูมิภาคอาเซียน
ด้วยองค์ประกอบสนับสนุนที่หลากหลาย ทั้งภาพลักษณ์ด้านสุขภาพและความงาม วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีความหลากหลาย
รวมถึงความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ที่ตอบสนองตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
รวมถึงความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ที่ตอบสนองตลาดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ดังนั้น หากพูดถึงธุรกิจที่เป็นศูนย์รวมความงามของไทย หนึ่งในแบรนด์ที่โดดเด่น คงหนีไม่พ้น “EVEANDBOY”
ที่ไม่เพียงเป็นผู้นำในกลุ่ม Beauty Store ของไทย ด้วยยอดขายในปี 2567 ที่ทะลุ 7,000 ล้านบาท เติบโต จากปีก่อนหน้าถึง 40%
ที่ไม่เพียงเป็นผู้นำในกลุ่ม Beauty Store ของไทย ด้วยยอดขายในปี 2567 ที่ทะลุ 7,000 ล้านบาท เติบโต จากปีก่อนหน้าถึง 40%
แต่ยังเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งและบริหารโดยคนไทยทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยที่ สามารถแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เส้นทางสู่ความสำเร็จของ EVEANDBOY น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมน มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษกับคุณบอย-หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟ แอนด์ บอย จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังการพลิกธุรกิจจากร้านโชห่วย สู่แบรนด์ Beauty Store ชั้นนำของไทย
ลงทุนแมน มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษกับคุณบอย-หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟ แอนด์ บอย จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังการพลิกธุรกิจจากร้านโชห่วย สู่แบรนด์ Beauty Store ชั้นนำของไทย
บริษัท อีฟ แอนด์ บอย จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 ในขณะที่คุณหิรัญอายุเพียง 22 ปี
จุดเริ่มต้นมาจากการต่อยอดร้านโชห่วยของครอบครัวในจังหวัดมหาสารคาม
จุดเริ่มต้นมาจากการต่อยอดร้านโชห่วยของครอบครัวในจังหวัดมหาสารคาม
จากประสบการณ์ในแวดวงค้าปลีก คุณหิรัญมองเห็น Pain Point สำคัญของร้านโชห่วยดั้งเดิม ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เปรียบคือสินค้าที่มีราคาถูก แต่มีขนาดใหญ่พิเศษและกำไรต่อหน่วยที่ต่ำ การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง รวมถึงข้อจำกัดด้านการบริหารจัดการสินค้าที่มีขนาดใหญ่
ปัจจัยเหล่านี้ ไม่เพียงทำให้การเติบโตในระยะยาวเป็นเรื่องยาก การจะสร้างความแตกต่างในตลาด ยิ่งยากเป็นทวีคูณ
จากปัญหานี้ คุณหิรัญ เริ่มมองหาโอกาสใหม่ในกลุ่มสินค้าที่มีคุณสมบัติตรงข้าม และพบว่า “สินค้าความงาม” คือคำตอบ
เพราะสินค้ากลุ่มนี้ไม่เพียงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจหลายประการ ได้แก่
- ขนาดเล็ก ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อย
- อายุการเก็บรักษานาน (Shelf Life)
- มีอัตรากำไรต่อหน่วยสูงกว่าสินค้าทั่วไป
- อายุการเก็บรักษานาน (Shelf Life)
- มีอัตรากำไรต่อหน่วยสูงกว่าสินค้าทั่วไป
แนวคิดจึงเริ่มชัดเจนขึ้นว่า “หากร้านโชห่วยทำแล้วได้กำไรน้อย ทำไมไม่เลือกขายสินค้าที่ให้ Margin ดีกว่า ?” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ Beauty Store สัญชาติไทย ภายใต้ชื่อ “EVEANDBOY”
สาขาแรกของ “EVEANDBOY” เริ่มจากตึกแถวเล็ก ๆ ข้างซูเปอร์มาร์เก็ตของครอบครัว
โดยในช่วงแรกยังมีการนำสินค้าบางส่วนจากร้านเดิมมาร่วมจำหน่ายด้วย
โดยในช่วงแรกยังมีการนำสินค้าบางส่วนจากร้านเดิมมาร่วมจำหน่ายด้วย
แม้จะเป็นร้านขนาดเล็ก แต่กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยการตลาดแบบท้องถิ่นที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น การแจกใบปลิว หรือการทำรถแห่รอบเมือง เพื่อทำการสื่อสารกับลูกค้า กว่าจะได้เปิดสาขาที่ 2 ในจังหวัดขอนแก่นต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์มากถึง 4 ปี
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ EVEANDBOY เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือการเปิดสาขาใจกลางเมืองที่สยามสแควร์ ในปี 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่โซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Facebook หรือ Instagram เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค
คอนเทนต์รีวิวเครื่องสำอางเป็นที่นิยม ปลุกกระแสให้คนรุ่นใหม่หันมาลงทุนเพื่อให้ตัวเองดูดี
การเลือกทำเลที่มีศักยภาพสูง บวกกับกระแสความงามที่กำลังเติบโตบนโลกออนไลน์ กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ EVEANDBOY ถูกพูดถึงอย่างรวดเร็วแบบปากต่อปาก
ปัจจุบัน EVEANDBOY ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด Beauty Store ของไทย สะท้อนผ่านจำนวนสาขาที่ขยายตัวต่อเนื่อง และยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
หากเราลองมาดูยอดขายย้อนหลัง 3 ปีของ บริษัท อีฟ แอนด์ บอย จำกัด จะพบว่า
ปี 2565 ยอดขาย 3,898 ล้านบาท
ปี 2566 ยอดขาย 5,055 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อนหน้า
ปี 2567 ยอดขาย 7,033 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อนหน้า และสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้เดิมที่ 30%
ปี 2566 ยอดขาย 5,055 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อนหน้า
ปี 2567 ยอดขาย 7,033 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อนหน้า และสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้เดิมที่ 30%
แม้ธุรกิจค้าปลีกส่วนใหญ่มักมีกำไรสุทธิต่ำ แต่กรณีของ EVEANDBOY กลับน่าสนใจเป็นพิเศษ
ในปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 5,055 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 758 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานของธุรกิจค้าปลีกทั่วไป
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจเริ่มตั้งคำถามว่า อะไรคือ “ปัจจัยความสำเร็จ” ที่ทำให้ EVEANDBOY เติบโต อย่างโดดเด่น ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดความงามที่ดุเดือด ทั้งจากผู้เล่นไทยและต่างชาติ
คุณหิรัญ มองว่า “กุญแจแห่งความสำเร็จของ EVEANDBOY” สามารถสรุปได้ 5 ข้อสำคัญ ได้แก่
1. ความหลากหลายของกลุ่มสินค้า ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งในด้านราคาที่มีตั้งแต่หลักสิบบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาทและกลุ่มประเภทสินค้าความงามที่ครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทั้งนี้ แบรนด์สินค้าที่ถูกคัดเลือกเข้ามาจำหน่ายใน EVEANDBOY ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าและความถูกต้องของสินค้าอย่างละเอียด
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกแบรนด์ที่จำหน่ายใน EVEANDBOY ลูกค้าสามารถเลือกซื้อด้วยประสบการณ์ที่ดีที่สุดกว่าที่อื่น ๆ
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกแบรนด์ที่จำหน่ายใน EVEANDBOY ลูกค้าสามารถเลือกซื้อด้วยประสบการณ์ที่ดีที่สุดกว่าที่อื่น ๆ
2. สินค้าราคาที่ดีที่สุดตลอดทั้งปี
ทีม EVEANDBOY วางแผนและทำงานร่วมกับคู่ค้า เพื่อจัดโปรโมชันและนำเสนอสินค้าให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดกับลูกค้า ตลอดทั้งปี 365 วัน EVEANDBOY จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าเมื่อนึกถึงสินค้าเครื่องสำอางที่คุ้มค่า
3. แบรนด์สินค้าที่หาที่ไหนไม่ได้และสินค้ากระแสสุดฮิต
การมี “แบรนด์ลับเฉพาะ” ที่จำหน่ายที่ EVEANDBOY เท่านั้น คือหัวใจสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ใช้ในการดึงดูดลูกค้า เช่น แบรนด์ Celebrity ชื่อดัง อย่าง Kylie Cosmetics ที่สร้างความฮือฮาในประเทศไทยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนปัจจุบันยังมีจำหน่ายแค่ที่ EVEANDBOY เท่านั้น
และแบรนด์น้องใหม่อย่าง lilybyred แบรนด์เครื่องสำอางสุดเก๋ราคาน่ารักจากประเทศเกาหลีใต้ที่กำลังมาแรงก็มีจำหน่ายเฉพาะที่ EVEANDBOY
นอกจากนั้น การออกแบบสินค้าพิเศษ (Collaboration) ร่วมกับ Celebrity หรือ แบรนด์ โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้ได้สินค้าโดนใจและหาซื้อได้ที่ EVEANDBOY เท่านั้น
อีกเรื่องที่ต้องพูดถึง คือสินค้ากระแสหรือสินค้ามาแรง ซึ่งส่วนมากเป็นสินค้าที่อยู่ในโลกออนไลน์ EVEANDBOY จะนำมาวางจำหน่ายได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสหรือลองเล่นสินค้าจริงก่อนใคร
4. การบริการจากแบรนด์มืออาชีพที่มีความรู้เฉพาะทาง เช่น
- บริการ ตกแต่งคิ้ว จากแบรนด์ Benefit
- บริการสอนและให้ความรู้เรื่องการแต่งหน้าจากช่างมืออาชีพจาก MAC, Bobbi Brown และ YSL
- บริการตรวจสภาพผิวหน้าด้วยเทคนิคพิเศษ จาก Kiehl's , Eucerin
- บริการตรวจสภาพเส้นผมและการดูแลจาก Kerastase
- บริการแนะนำและให้ความรู้เรื่องน้ำหอม ไปจนถึง Luxury Fashion Brand จากพนักงานที่ผ่านการอบรมโดยตรงจากแบรนด์
- บริการสอนและให้ความรู้เรื่องการแต่งหน้าจากช่างมืออาชีพจาก MAC, Bobbi Brown และ YSL
- บริการตรวจสภาพผิวหน้าด้วยเทคนิคพิเศษ จาก Kiehl's , Eucerin
- บริการตรวจสภาพเส้นผมและการดูแลจาก Kerastase
- บริการแนะนำและให้ความรู้เรื่องน้ำหอม ไปจนถึง Luxury Fashion Brand จากพนักงานที่ผ่านการอบรมโดยตรงจากแบรนด์
Services ที่มีทั้งหมดเกิดจากการออกแบบร่วมกันระหว่าง EVEANDBOY และ Brand เพราะฉะนั้นลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การบริการที่เข้าถึงง่ายและเหมาะสมกับลูกค้ากว่าที่อื่น ๆ แน่นอน
5. สินค้าที่มาจากแบรนด์คู่ค้าอย่างเป็นทางการ
สินค้าที่จำหน่ายใน EVEANDBOY ทุกรายการเป็นสินค้าที่มาจาก Official Brand โดยตรงทั้งหมด เพราะฉะนั้นลูกค้ามั่นใจได้แน่นอนว่าสินค้าเป็นของแท้ 100%
รวมถึงบริการหลังการขายที่มีให้กับลูกค้า เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การช็อปปิงให้กับลูกค้าแบบไร้ความกังวล
คุณหิรัญเชื่อว่า “ความสวย” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับของแพง แต่ขึ้นอยู่กับการเลือกสิ่งที่ “เหมาะกับตัวเอง”
พนักงานของ EVEANDBOY จึงไม่ได้รับการฝึกเพียงแค่ “ขายเก่ง” แต่ต้องเข้าใจคุณสมบัติของสินค้าอย่างลึกซึ้ง สามารถอธิบายข้อดี วิธีใช้ และผลลัพธ์ที่ลูกค้าจะได้รับได้อย่างชัดเจน
และเมื่อทุกองค์ประกอบถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ก็หล่อหลอมเป็น Customer Journey ที่ไม่ใช่เพียงแค่ “การซื้อของ” แต่คือประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “อยากกลับมาอีกครั้ง”
แล้วนอกจากเรื่องกลยุทธ์การบริหารธุรกิจแล้ว EVEANDBOY มีแนวคิด หรือ Mindset อะไรที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ บ้าง ?
คุณหิรัญ เชื่อว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญเบื้องหลังการเติบโตของ EVEANDBOY คือ “การไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเทรนด์”
เพราะในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การจับกระแสให้ทัน และเข้าใจความต้องการของลูกค้าแบบเรียลไทม์ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับ การรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ลองนึกภาพตามว่า หาก Kylie Jenner ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กลายเป็นกระแสในเดือนนี้
EVEANDBOY จะต้องสามารถนำเข้าสินค้าและวางขายได้ภายใน 1 เดือน
เพื่อให้ลูกค้าไทยได้ “ลองก่อนใคร” และไม่รู้สึกว่าตัวเองตกเทรนด์
EVEANDBOY จะต้องสามารถนำเข้าสินค้าและวางขายได้ภายใน 1 เดือน
เพื่อให้ลูกค้าไทยได้ “ลองก่อนใคร” และไม่รู้สึกว่าตัวเองตกเทรนด์
อย่างไรก็ตาม แม้ความเร็วจะเป็นหัวใจสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ “การเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ” แม้ในวันที่เขาอาจยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ และวิธีเดียวที่จะเข้าใจสิ่งนั้นได้จริง คือการพาเขาเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ในร้าน
และการนำเสนอคอนเทนต์ของ EVEANDBOY ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Facebook, Instagram เป็นต้น
เพราะแม้ E-Commerce จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับสินค้ากลุ่ม Beauty ประสบการณ์จริงยังคงเป็นสิ่งที่ออนไลน์ทดแทนไม่ได้
EVEANDBOY จึงให้ความสำคัญกับการสร้าง “พื้นที่ที่ลูกค้ารู้สึกเป็นเจ้าของ” และออกแบบประสบการณ์ให้การมาเยือนร้าน ไม่ใช่แค่การซื้อของ แต่คือการมีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างเต็มที่
และด้วยแนวคิดนี้เอง EVEANDBOY จึงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2568 ที่มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 25 สาขาในจังหวัดใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยเข้าไปทำตลาดมาก่อน
ทีนี้เราลองมาดูแผนการเติบโตในอนาคตของ EVEANDBOY กันบ้าง
- ตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 140 แห่งภายในปี 2571
เพื่อเข้าถึงลูกค้าในหัวเมืองสำคัญ และกระจายสู่พื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการค้า ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ในระดับประเทศ
เพื่อเข้าถึงลูกค้าในหัวเมืองสำคัญ และกระจายสู่พื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการค้า ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ในระดับประเทศ
- กำลังจะเปิดตัว Loyalty Program รูปแบบใหม่ในชื่อ “Ebbie Card”
นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจยิ่งขึ้น และแทนคำขอบคุณโดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความผูกพันระยะยาว และยึดตำแหน่งแบรนด์ Top of Mind ในใจลูกค้า
นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจยิ่งขึ้น และแทนคำขอบคุณโดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความผูกพันระยะยาว และยึดตำแหน่งแบรนด์ Top of Mind ในใจลูกค้า
- คัดเลือกแบรนด์ใหม่ที่แตกต่างและตอบโจทย์เทรนด์
โดยเน้นแบรนด์ความงามจากแบรนด์ทั่วโลกรวมทั้งแบรนด์ไทยไปจนถึงแบรนด์ที่เป็นเจ้าของโดยเซเลบริตีชื่อดังระดับโลกและกลุ่มผลิตภัณฑ์ Luxury Fashion ที่มีชื่อเสียงในด้านเครื่องสำอางและน้ำหอม ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
โดยเน้นแบรนด์ความงามจากแบรนด์ทั่วโลกรวมทั้งแบรนด์ไทยไปจนถึงแบรนด์ที่เป็นเจ้าของโดยเซเลบริตีชื่อดังระดับโลกและกลุ่มผลิตภัณฑ์ Luxury Fashion ที่มีชื่อเสียงในด้านเครื่องสำอางและน้ำหอม ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
- สร้างประสบการณ์ผ่านกิจกรรม Exclusive อย่างต่อเนื่อง
ทั้งกิจกรรมเปิดตัวสินค้า เวิร์กช็อป หรือมินิอิเวนต์ในร้าน เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษและเฉพาะตัวของ EVEANDBOY และทำให้แบรนด์มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
ทั้งกิจกรรมเปิดตัวสินค้า เวิร์กช็อป หรือมินิอิเวนต์ในร้าน เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษและเฉพาะตัวของ EVEANDBOY และทำให้แบรนด์มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
ความสำเร็จของ EVEANDBOY ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านการคว้ารางวัลระดับเอเชียต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน จากเวที Retail Asia Awards ได้แก่
- ปี 2024 รางวัล Cosmetics Retailer of the Year
- ปี 2025 รางวัล Health & Beauty Retailer of the Year
- ปี 2025 รางวัล Health & Beauty Retailer of the Year
เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด จะเห็นได้ว่า EVEANDBOY ไม่ใช่แค่ร้านขายเครื่องสำอางธรรมดา แต่เป็นองค์กรที่สร้างความพร้อมของบุคลากรในเรื่องการปรับตัว ไม่ว่าจะเป็น ความรวดเร็วและความเข้าใจในธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและคู่ค้า ถือเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจของธุรกิจไทยยุคใหม่
จาก Pain Point เล็ก ๆ ของร้านโชห่วยในต่างจังหวัด คุณหิรัญ สามารถต่อยอดแนวคิดจนกลายเป็นธุรกิจที่มีรายได้แตะ 7,000 ล้านบาท และก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด Beauty Store ของประเทศไทย
เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดความงามในประเทศไทยปี 2568 ซึ่งอยู่ที่ราว 255,600 ล้านบาท
รายได้ของ EVEANDBOY ยังคิดเป็นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่ายังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมาก
รายได้ของ EVEANDBOY ยังคิดเป็นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่ายังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมาก
ที่น่าจับตาคือ ปัจจุบันลูกค้าหลักกว่า 90% ยังคงเป็นคนไทย หากสามารถขยายฐานไปสู่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติได้สำเร็จ ก็มีโอกาสเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
และที่สำคัญที่สุด ธุรกิจนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกไกล
ตราบที่ “ความสวยความงาม” ยังเป็นหนึ่งในความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน
ตราบที่ “ความสวยความงาม” ยังเป็นหนึ่งในความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน