TikTok จำกัดออปชันขนส่ง กระทบอะไรบ้าง ?

TikTok จำกัดออปชันขนส่ง กระทบอะไรบ้าง ?

TikTok จำกัดออปชันขนส่ง กระทบอะไรบ้าง ?
ช่วงไม่นานมานี้ ผู้ใช้งาน TikTok Shop ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย น่าจะเริ่มเห็นว่าเราไม่สามารถเลือกออปชันการขนส่งได้
เรื่องนี้ทำให้คุณดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้เปิดเผยถึงผลกระทบว่า ไปรษณีย์ไทย ให้บริการจัดส่งสินค้าบน TikTok ตั้งแต่กลางปี 2567 แต่กลับมีส่วนแบ่งการตลาด 1-2% เท่านั้น เพราะ TikTok ใช้บริการขนส่งกับพาร์ตเนอร์รายเดียวเป็นหลัก
แม้ในแอปฯ TikTok Seller จะมีบริการขนส่งหลายรายให้ร้านค้าเลือกใช้ แต่หากร้านค้าเลือกระบบอัตโนมัติก็จะพบว่ามักจะได้บริการขนส่งจากผู้ส่งรายเดียว
แล้วเรื่องนี้ มีแนวโน้มส่งผลกระทบอะไรต่ออุตสาหกรรมบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าถามว่าคนไทยเล่น TikTok เยอะขนาดไหน ?
คำตอบตอนนี้ก็คือ 57.5 ล้านบัญชี
จากจำนวนทั้งหมดนี้ ก็จะแบ่งเป็นร้านค้ารายเล็ก-รายใหญ่ ราว 2.4 ล้านราย
ที่น่าสนใจกว่านั้น TikTok เองก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ยอดธุรกรรมการซื้อสินค้าในแพลตฟอร์มตัวเองในประเทศไทย เติบโตก้าวกระโดดในทุกปี
มุมหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า TikTok ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงสร้างผู้ประกอบการไทยหน้าใหม่ขึ้นมากมาย
แต่ในอีกมุม TikTok Shop ก็สร้างกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคในการซื้อ-ขาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และเก็บค่าคอมมิชชันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือระบบขนส่งที่ให้ร้านค้าใช้บริการเพียงเจ้าเดียว
จริงอยู่ที่วิธีแก้เกมของพ่อค้าแม่ค้า คือ “Diversify” หรือกระจายความเสี่ยง ขายสินค้าในหลายแพลตฟอร์ม
แต่หากถามใจคนเปิดร้านค้าที่อยู่ใน TikTok คงเป็นเรื่องยากที่จะตัดใจจากแพลตฟอร์มที่สร้างยอดขายให้แก่ตัวเอง
ร้านค้าต่าง ๆ จึงต้องจำยอมอยู่ในกฎระเบียบใหม่ ๆ ที่ TikTok Shop สร้างขึ้นมา
ซึ่งก็รวมถึงการผูกขาดระบบขนส่ง แม้มองดูผิวเผินเรื่องนี้ก็ไม่ได้แตกต่างอะไร เพราะบริษัทขนส่งพัสดุก็เหมือน ๆ กันหมด แต่จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้ส่งผลกระทบวงกว้างและลึกให้แก่ทุกฝ่ายในอุตสาหกรรม E-Commerce เมืองไทย
ถ้าผู้ขายไม่สามารถเลือกขนส่งเองได้ ก็อาจเสียโอกาสในการขาย เพราะลูกค้าบางรายมีพฤติกรรมเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าที่มีขนส่งพัสดุที่ตัวเองไว้ใจ และใช้อยู่เป็นประจำ
อีกทั้งการที่ TikTok เลือกผูกขาดขนส่งพัสดุเพียงเจ้าเดียว ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันด้านราคาและบริการขนส่งพัสดุ
ร้านค้าเสียโอกาสในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ขณะที่ร้านค้าไหนที่มีโกดังเก็บสินค้าหลายแห่ง และต้องการเลือกขนส่งที่สะดวกใกล้กับคลังสินค้าของตัวเอง ก็ไม่สามารถทำได้
ส่วนในมุมของลูกค้าที่ซื้อสินค้าใน TikTok
การได้รับบริการขนส่งจากผู้ให้บริการเพียงเจ้าเดียว จะไม่เกิดการแข่งขันทั้งเรื่องของราคาและคุณภาพ
สิ่งที่ตามมาคือ บริษัทขนส่งพัสดุที่เป็นพาร์ตเนอร์หลักของแต่ละแพลตฟอร์ม ก็จะมีอำนาจต่อรองเบ็ดเสร็จ ทั้งการตั้งราคา, สร้างเงื่อนไขต่าง ๆ, ลดคุณภาพบริการ เป็นต้น
จนล่าสุด สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ไม่อาจนิ่งเฉย โดยล่าสุดกำลังจัดทำร่างประกาศฉบับใหม่เกี่ยวกับการดูแลกำกับธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือ กฎหมาย DPS
โดยหนึ่งในกฎใหม่ที่จะนำมาใช้บังคับคือ แพลตฟอร์ม E-Commerce ต้องมีตัวเลือกการขนส่งพัสดุอย่างน้อย 3-5 ราย ให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถใช้งานได้จริงในการจัดส่งสินค้า

ที่น่าสนใจคือ TikTok จดทะเบียนการธุรกิจในประเทศไทยเป็น Social Commerce ทำให้ข้อบังคับใหม่ทาง ETDA จะนำ TikTok เข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ TikTok อยู่ภายใต้กฎกติกาเดียวกับแพตฟอร์ม E-Commerce รายอื่น ๆ
เราก็ต้องติดตามกันต่อว่าเมื่อหน่วยงานรัฐเข้ามาสร้างกฎระเบียบให้ครอบคลุมมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon