เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น Pop Mart ราคาร่วง 20% จาก All Time High /โดย ลงทุนแมน
Pop Mart ร้านขายของเล่นสะสมจากประเทศจีน ที่ฮิตไปทั่วโลก แต่ในมุมของราคาหุ้นดูเหมือนจะเริ่มสะดุด

เพราะตอนนี้ ราคาหุ้นได้ดิ่งลงมาแล้วกว่า 20% จากจุดสูงสุด

เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น Pop Mart
กระแสความฮิต และราคาหุ้น ยังไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

หากลองไปดูกันที่ผลประกอบการ 3 ปีล่าสุดของ Pop Mart จะพบว่า
ปี 2022 รายได้ 2.06 หมื่นล้านบาท กำไร 2,120 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 2.81 หมื่นล้านบาท กำไร 4,820 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 5.81 หมื่นล้านบาท กำไร 13,900 ล้านบาท

ครึ่งแรกของปี 2025
รายได้ 6.18 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.4%
กำไร 2.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 397%

จะเห็นว่ารายได้และกำไร ยังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
พร้อม ๆ กับกระแสความฮิต ที่เราเคยเห็นคนไปต่อคิวรอซื้อกันแน่นร้านในช่วงที่ผ่านมา

ถ้าไม่ใช่ผลประกอบการ
แล้วอะไรที่ทำให้หุ้น Pop Mart ราคาตกลงกว่า 20% ในช่วงที่ผ่านมา ?

เรื่องแรกที่ต้องพูดถึง ก็คือสัญญาณของกระแสที่เริ่มตก

เพราะแม้ว่าคนจะยังแน่นร้าน แต่นอกจากนักสะสมตัวยงแล้ว กลุ่มที่ซื้อมาเก็งกำไรเพื่อขายต่อ ก็คืออีกมือหนึ่งที่ช่วยดันให้กระแส Art Toy เติบโตในช่วงที่ผ่านมา

แต่ล่าสุด ราคาขายต่อในบางคอลเลกชันยอดฮิต เช่น Mini Labubu บนแพลตฟอร์มซื้อขายมือสองในจีนอย่าง Qiandao และ Xianyu

พบว่าราคาพรีเมียมที่บวกต่อจากราคาหน้าร้าน เริ่มลดลงถึง 24% จากจุดสูงสุดในช่วงพรีเซล แม้จะผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

เรื่องต่อมาก็คือ การเทขายทำกำไรจากนักลงทุน หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา

เนื่องจากราคาหุ้น Pop Mart ในช่วงจุดสูงสุด (All Time High) มีการซื้อขายกันด้วย P/E สูงถึง 60 เท่า และดันให้มูลค่าบริษัทพุ่งไปสูงถึง 1.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในระยะเวลาแค่ 1 ปี

จึงไม่แปลกที่จะมีนักลงทุนบางส่วน ตัดขายหุ้นเพื่อทำกำไร และทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลง

สอดคล้องกับนักวิเคราะห์จากหลายสำนัก เช่น JPMorgan ที่ระบุว่าหุ้นมีมูลค่าสูงเกินไป และมีความเสี่ยงสูง

อีกประเด็นก็คือ การผุดขึ้นของคู่แข่งในตลาด ที่หันมาทำ Art Toy กันมากขึ้น เพราะด้วยโมเดลธุรกิจคือการไปดีลลิขสิทธิ์ เพื่อนำมาออกแบบและผลิตคอลเลกชันต่าง ๆ

ทำให้ เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา หรือที่เราเรียกกันว่า IP (Intellectual Property) สามารถขายสิทธิ์การผลิตการ์ตูน หรือคอลเลกชันต่าง ๆ ให้กับผู้ผลิตหลายเจ้า

หรือแม้แต่การดีลกับโรงงานเพื่อผลิตและจำหน่ายด้วยตัวเอง ไปพร้อม ๆ กับขาย IP ให้ผู้ผลิตรายอื่น ๆ

Art Toy จึงมีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไป หาได้ง่ายมากขึ้น ไม่ได้มีแค่ Pop Mart เท่านั้น

เรื่องสุดท้าย คือ ประเด็นที่รัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมธุรกิจกล่องสุ่ม (Blind Box) อย่างเข้มงวด

ซึ่งที่ผ่านมา People's Daily สื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ออกบทความเตือนถึงพิษภัยของการเสพติดการซื้อกล่องสุ่ม

และเรียกร้องให้มีการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น เพราะมองว่ารูปแบบธุรกิจนี้ อาจกระตุ้นให้เยาวชนเกิดภาวะเสพติดในการซื้อสินค้า

ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มเกิดความกังวล กับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต

แต่อย่างไรก็ตาม ยอดขายในต่างประเทศของ Pop Mart ที่มีสัดส่วนกว่า 38.9% ก็ยังมีส่วนสำคัญต่อการเติบโต ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบจากข้อจำกัดภายในประเทศได้

และโดยรวมแล้ว ถึงแม้ราคาหุ้น Pop Mart จะร่วงลงมากถึง 20% แต่การที่ราคาหุ้นลดลงครั้งนี้ ก็เป็นอีกจุดที่วัดมุมมองของนักลงทุน

คนที่มองว่า หุ้น Pop Mart แพงจริง หรือกระแส Art Toy เริ่มเสื่อมลง ก็อาจนั่งมองเฉย ๆ หรือถ้ามีหุ้นก็อาจทยอยขายหุ้นที่ถืออยู่

แต่คนที่มองว่า Pop Mart และ Art Toy ยังไปต่อได้ มีช่องว่างให้เติบโต ก็คงมองว่าราคาหุ้นที่ตกลงมา 20% อาจเป็นราคาที่ตลาดกำลังให้ส่วนลด และเปิดโอกาสให้เข้าซื้ออยู่ก็ได้..