สรุปบทสัมภาษณ์ล่าสุด ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก

สรุปบทสัมภาษณ์ล่าสุด ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก

“แว่นตา คือรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด สำหรับ Personal Superintelligence
เพราะเป็นอุปกรณ์เดียวที่สามารถมองเห็น สิ่งที่ผู้ใช้เห็น ได้ยิน สิ่งที่ผู้ใช้ได้ยิน”
นี่คือประโยคที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้สัมภาษณ์ในช่องของคุณ Rowan Cheung
โดยเขาได้ออกมาพูดถึง
- วิสัยทัศน์ต่อโลก โดยเฉพาะเรื่อง AI
- ผลิตภัณฑ์แว่นตาใหม่ของ Meta ที่เพิ่งเปิดตัวไป
- บทบาทของมนุษย์ ในยุคของ AI
ซึ่งลงทุนแมน สรุปประเด็นที่น่าสนใจได้ดังนี้
มาร์ก บอกว่า AI คือเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
และ Meta ต้องการทำให้แน่ใจว่า AI นั้น จะรับใช้ผู้คน ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ใน Data Center และทำหน้าที่อัตโนมัติเท่านั้น
ซึ่งทุกครั้งที่พูดถึงเป้าหมายใน AI ดูเหมือนว่ามันจะประสบความสำเร็จเร็วกว่าที่มาร์กคิดไว้ ทำให้เขาเชื่อมั่นต่อศักยภาพของ AI ที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น
โดยมาร์กมองว่า แว่นตา คือรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด สำหรับ "Personal Superintelligence" เพราะเป็นอุปกรณ์เดียว ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ผู้ใช้เห็น ได้ยินสิ่งที่ผู้ใช้ได้ยิน พูดคุยกับผู้ใช้ได้ตลอดวัน และสามารถสร้าง UI ในมุมมองของผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์
อย่างเมื่อวาน Meta ได้เปิดตัวแว่นตารุ่นใหม่ 3 รุ่นในงาน Meta Connect 2025
1. Ray-Ban Meta Gen 2
เป็นแว่นตาคลาสสิกสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน และเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ที่เติบโตเร็วที่สุดรุ่นหนึ่ง
รุ่นนี้มีการปรับปรุง เพิ่มแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้นเป็น 2 เท่า และอัปเกรดความละเอียดวิดีโอเป็น 3K
และฟีเจอร์ AI ใหม่ มีคุณสมบัติ ที่เรียกว่า "Conversation Focus" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มระดับเสียงของเพื่อนที่กำลังสนทนาด้วยได้ แม้จะอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง เช่น ร้านอาหาร
2. Oakley Meta Vanguard
แว่นตาที่ออกแบบมาเพื่อนักกีฬา หรือการใช้งานที่เน้นประสิทธิภาพ (Performance) โดยเป็นการร่วมมือครั้งที่สองกับ Oakley
คุณสมบัติเด่น มีกล้องที่อยู่ตรงกลางเพื่อการจัดตำแหน่งที่แม่นยำ มีมุมมองที่กว้างขึ้น ลำโพงที่ดังขึ้น และทนทานต่อน้ำ (Water Resistant)
สามารถเชื่อมต่อกับนาฬิกา Garmin เพื่อจับภาพวิดีโอทุก ๆ ไมล์ของการวิ่งมาราธอน และสร้างวิดีโอที่รวมสถิติจาก Garmin เข้าไปได้
3. Meta Ray-Ban Display
เป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ของงาน โดยเป็นแว่นตาแรกของ Meta ที่มาพร้อมกับ จอแสดงผลความละเอียดสูงในตัว
จุดเด่นคือการใช้งานคู่กับ สายรัดข้อมือที่ชื่อว่า Meta Neural Band ช่วยในการจับการเคลื่อนไหวของนิ้ว ข้อมือ สำหรับสั่งการแอกชันต่าง ๆ ในแว่น

ตัวอย่างความสามารถของแว่น
- มีกล้องด้านหน้าแว่นระดับ 12MP ซูมสูงสุด 3x สำหรับถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ และแชร์ลงโซเชียลมีเดียได้
- อ่านแช็ต ตอบแช็ตได้ผ่านแว่นตา โดยใช้การขยับนิ้วมือ เพื่อควบคุมปุ่มและเลือกข้อความต่าง ๆ โดยสายรัดข้อมือ และมีความเร็วในการพิมพ์สูงถึง 30 คำต่อนาที
- มี Meta AI ช่วยให้ข้อมูลจากสิ่งที่เห็น เช่น ถาม AI ผ่านแว่นตาได้ว่า มะเขือเทศที่เห็นอยู่เอาไปทำอะไรได้บ้าง หรือเรียกเพื่อถามตอบกับ AI เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ
- วิดีโอคอลผ่าน Instagram, WhatsApp, Messenger ได้ผ่านแว่น
- ดู Instagram Story, Reels ผ่านเลนส์แว่นตา สั่งแว่นถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ลง Story ก็ได้
- แนะนำสถานที่ เช่น ร้านอาหารใกล้ ๆ แล้วเปิด Maps นำทางไปยังที่นั้น
- แปลภาษาผ่านกล้องหน้าเลนส์ เช่น แปลเมนูภาษาสเปน เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนี้ทำได้ 4 ภาษา คือ อังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส, อิตาลี
สำหรับเทคโนโลยี Meta Neural Band
หลักการทำงานของมันคือ เป็นอินเทอร์เฟซประสาทที่ใช้การควบคุมผ่าน การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อขนาดเล็ก (Micro Muscle Movements) หรือสัญญาณที่สมองส่งไปยังกล้ามเนื้อ ก่อนที่มือจะขยับด้วยซ้ำ
จึงไม่ได้เป็นการรับการเคลื่อนไหวของมือจริง ๆ แต่รับสัญญาณที่กล้ามเนื้อกำลังทำงาน (Muscles Firing)
วิธีนี้จะช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัว และไม่เป็นการรบกวน เพราะผู้ใช้สามารถควบคุม UI หรือส่งข้อความได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมา
และผู้ใช้สามารถควบคุม UI ได้ในขณะที่มือวางอยู่ข้างลำตัว หรืออยู่ในกระเป๋าเสื้อ
อีกทั้ง Meta Neural Band จะถูกปรับให้เหมาะสำหรับผู้ใช้แต่ละคน (Personalized) มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เพราะระบบจะเรียนรู้ลักษณะการเคลื่อนไหวที่น้อยที่สุดของผู้ใช้
มาร์ก บอกว่า เขามีหลักการสำคัญด้วยกัน 3 ข้อ ในการสร้างแว่นตา AI
1. ต้องเป็นแว่นตาที่ดีก่อน (Great Glasses First)
แว่นตาต้องดูดี น้ำหนักเบา และใส่สบาย
หากอุปกรณ์เทคโนโลยีดูเทอะทะและมีฟังก์ชันเยอะ ผู้คนจะไม่ต้องการสวมใส่มันตลอดเวลา
2. เทคโนโลยีต้องหลีกทางให้ (Technology Needs to Get Out of the Way)
เทคโนโลยีต้องมาเมื่อผู้ใช้ต้องการ และจากไปเมื่อไม่ต้องการ เช่น ข้อความที่เข้ามาต้องปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว และหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ให้บดบังการมองเห็น
3. ให้ความสำคัญกับ Superintelligence อย่างจริงจัง
ออกแบบแว่นตาให้มีเซ็นเซอร์ที่จำเป็น และสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้อย่างง่ายดาย ทำให้แว่นตา "ฉลาดขึ้น" เพื่อนำเทคโนโลยี AI ล่าสุด มาสู่ผู้คนได้
นอกจากนี้ มาร์กมองว่า แว่นตาจะไม่มาแทนที่โทรศัพท์โดยสมบูรณ์ในเร็ว ๆ นี้ อาจจะไม่ใช่ภายใน 5 ปีข้างหน้า แต่โทรศัพท์จะอยู่ในกระเป๋าบ่อยขึ้น..
เนื่องจากแว่นตา สามารถจัดการกับการใช้งานหลายอย่างที่เคยต้องใช้โทรศัพท์ เช่น การดูเวลา การดูข้อความ การใช้ GPS นำทาง และการแปลภาษา
ทีนี่มาเรื่อง Meta Superintelligence Labs หน่วยงานที่มาร์ก ทุ่มเงินมหาศาล เพื่อสร้างมันขึ้นมา พร้อมกับดึงตัวหัวกะทิด้าน AI จากบริษัทต่าง ๆ เข้ามาร่วมทีม
มาร์กให้เหตุผลในการปรับโครงสร้าง และตัดสินใจสร้างหน่วยงานนี้ว่า เกิดจากความรู้สึกว่าโมเดล Llama 4 ไม่ได้อยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็น
หลักการสร้างทีมคือ ต้องมุ่งเน้นการสร้างทีมที่มี Talent หรือความสามารถสูงสุดในอุตสาหกรรม
ทีมวิจัยไม่จำเป็นต้องมีหลายร้อยคน แต่ต้องการทีมนักวิจัยเพียง 50 ถึง 100 คน ที่มีศักยภาพสูงสุด
พร้อมกับเน้นโครงสร้างองค์กรที่แบนราบ (Flat Organization) หลีกเลี่ยงระดับชั้นของการจัดการ
และบทบาทของ มาร์กที่เป็น CEO คือ การมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด โดยเขาได้ย้ายห้องปฏิบัติการวิจัย มาอยู่ใกล้ตัวเขา และหน้าที่ของเขาคือ
- การจัดหาบุคลากรที่ดีที่สุด
- จัดหาทรัพยากรด้านพลังการประมวลผลต่อผู้วิจัยสูงสุด (Highest Compute per Researcher)
- สร้างคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ระดับหลายกิกะวัตต์ เช่น Prometheus Cluster และคลัสเตอร์ 5 Gigawatts ในลุยเซียนา ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
สุดท้ายนี้ มาร์กถูกถามว่า ในยุคของ AI แล้วคุณสมบัติของมนุษย์ ที่ควรเก็บรักษาไว้ คืออะไร ?
เขาให้ความเห็นว่า มนุษย์ควรพยายามรักษาคุณสมบัติเหล่านี้ไว้ แม้จะบรรลุ Superintelligence แล้ว
- ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
เป็นสิ่งสำคัญมาก รวมถึงความรู้สึกว่าต้องการสร้างสรรค์อะไรในโลก และการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือที่มีอยู่ เพื่อใช้ในการสร้างสรรค์
- ความตั้งใจและแรงปรารถนา (Intent and Desire)
AI ในปัจจุบันสามารถแยกแยะความฉลาด ออกจากความตั้งใจได้ เพราะระบบ AI ไม่มีแรงกระตุ้นหรือความปรารถนา ที่จะสร้างสรรค์สิ่งใด ๆ มันรอคำสั่งจากมนุษย์
ดังนั้น บทบาทของมนุษย์คือ การมีเจตนาว่าเราต้องการทำอะไร เพื่อให้โลกดีขึ้น
- ความเมตตา
การใส่ใจผู้อื่น การดูแลผู้คน และการเผยแพร่ความเมตตา ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก
อย่างเขามีลูก เขาก็พยายามสอนลูกให้เป็นคนดี มีความเมตตา และใจดี..
—------------------------------
ชมวิดีโอสัมภาษณ์ฉบับเต็ม > Mark Zuckerberg on AI Glasses, Superintelligence, Neural Control, and More https://www.youtube.com/watch?v=WuTJkFvw70o
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon