แกะสูตรลับ “โตโยต้า” เบอร์หนึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ Hybrid เมืองไทย

แกะสูตรลับ “โตโยต้า” เบอร์หนึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ Hybrid เมืองไทย

แกะสูตรลับ “โตโยต้า” เบอร์หนึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ Hybrid เมืองไทย / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x โตโยต้า
หากเอ่ยถึง “Hybrid” ในอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทย ชื่อแรกที่ผู้บริโภคคนไทยจะนึกถึงคือ “โตโยต้า”
หลายคนอาจไม่รู้ว่า เป็นเวลานานกว่า 16 ปี ที่ “โตโยต้า” บุกเบิกอุตสาหกรรมรถยนต์ “Hybrid” หรือ “HEV” ในประเทศไทยอย่างจริงจัง พร้อมสื่อสารผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ จนทำให้คนไทยรู้ว่าเทคโนโลยี Hybrid สามารถช่วยประหยัดน้ำมันและรักษ์โลกได้
“โตโยต้า” จึงมีสถานะเป็น Generic Name ที่มาพร้อมยอดขายสะสมอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ HEV มาอย่างยาวนาน
ความสำเร็จของ “โตโยต้า” ได้สร้าง “แรงดึงดูด” ให้เกิดผู้ผลิตรายใหม่ ๆ เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาด บวกกับช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ราคาน้ำมันผันผวนสูง ผู้บริโภคจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจรถ HEV จนทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ HEV เติบโตต่อเนื่องในทุก ๆ ปี
แม้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ทำไมโตโยต้าถึงยังมีสถานะ “NO.1 TRUSTED HEV*” มียอดขายรถยนต์ HEV เป็น อันดับหนึ่งที่ชนะใจผู้บริโภคคนไทยมาอย่างยาวนาน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
“Japan Quality” เป็นหนึ่งในสิ่งที่คนไทยได้สัมผัส ผ่านการใช้งานรถ “โตโยต้า” ทุกรุ่น ที่จะมีอายุการใช้งานคงทนจนกลายเป็น DNA ของแบรนด์ที่สร้างข้อได้เปรียบในใจลูกค้าเมื่อต้องตัดสินใจเลือกซื้อรถ 1 คัน
ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของแบรนด์ที่ทำให้ “โตโยต้า” ประสบความสำเร็จ และเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทยมาอย่างยาวนาน
DNA นี้ยังถูกถ่ายทอดมายังรถยนต์ HEV
เพราะไม่ว่า “โตโยต้า” จะออกรถรุ่นใหม่กี่รุ่น ล้วนสร้างยอดขายเกินคาด อย่างล่าสุด New Yaris ATIV HEV ที่เปิดตัวในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากจะประสบความสำเร็จด้านยอดขายแล้วนั้น
การมาของ New Yaris ATIV HEV ยังทำให้ โตโยต้า มีรถยนต์ HEV ครบทุก Segment ไม่ว่าจะเป็น Yaris ATIV, Yaris Cross, Corolla Altis, Corolla Cross, Camry, Innova Zenix, Alphard และ Vellfire
จะเห็นว่านอกจาก “โตโยต้า” เอาจริงเอาจังในอุตสาหกรรมรถ HEV มายาวนานแล้วนั้น ยังพัฒนารถรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เพื่อให้เทคโนโลยี “Hybrid” เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ดังนั้นคุณภาพและความหลากหลาย จึงเป็น “จุดขาย” ที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
เพียงแต่ “โตโยต้า” ไม่ได้หยุดคิดแค่นี้ และยังคงมองว่าต้องทำให้รถ HEV ทุกรุ่นของตัวเองสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและตอกย้ำผ่านเทคโนโลยี “Hybrid” และ “Ecosystem” ที่สร้างขึ้นมา
เพื่อรักษาการเป็น “NO.1 TRUSTED HEV*” ในใจลูกค้าอย่างยั่งยืน ต่อให้ในอนาคตจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นโตโยต้า เลือกใช้ 3 กลยุทธ์ที่เป็นเสมือน “เสาหลัก” สร้างความมั่นใจเมื่อลูกค้าเลือกซื้อรถ HEV
1. Smarter Performance, Lower Cost สมรรถนะเหนือชั้น ประหยัดเกินคาด
ตลอดช่วงเวลากว่า 16 ปี ในการทำตลาดรถ HEV โตโยต้ารู้ดีว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการคือรถ HEV ที่ช่วยประหยัดน้ำมันและขับขี่สนุก
อย่างรุ่นล่าสุด Yaris ATIV HEV Premium ที่จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อยากได้รถที่มีดิไซน์สปอร์ต ทันสมัย ในราคาที่คุ้มค่า
และที่สำคัญคือมาพร้อม เทคโนโลยี Hybrid ในอัตราการใช้น้ำมันสูงสุด 29.4 กม./ลิตร** ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ที่น่าสนใจคือ แม้ Yaris ATIV รุ่นนี้จะเป็น รถยนต์รุ่นเริ่มต้นของใครหลาย ๆ คน แต่ทางโตโยต้าก็ยัง เลือกให้ Yaris ATIV ใช้เทคโนโลยี Hybrid System ที่ใช้ในเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VEX ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นระบบ Hybrid อัจฉริยะ
เพราะไม่ว่าเราจะเดินทางในเมืองที่รถติด หรือไปต่างจังหวัดระยะไกล ๆ มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกันอย่างฉลาดและลงตัว เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันให้มากที่สุด
2. Convenience สะดวก อุ่นใจ ด้วยศูนย์บริการครอบคลุมกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ
รู้หรือไม่ หนึ่งเหตุผลที่คนไทยเลือกซื้อรถ “โตโยต้า” คือ การมีศูนย์บริการครบวงจรกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ ทั้งการขายและบริการหลังการขายที่มีช่างซ่อมผู้ชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้ากว่า 7,000 คน และมีอะไหล่ที่พร้อมบริการอย่างครบครัน
เป็นวิธีที่ทำให้ลูกค้าทั้งสะดวกและอุ่นใจ หากต้องการซื้อรถสักคัน ทำให้มั่นใจได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาใด รถของเราจะมีศูนย์บริการมาตรฐานสูงใกล้บ้าน
3. 10-Year Battery Confidence มั่นใจตลอดการขับไม่จำกัดระยะทาง
สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้ “โตโยต้า” เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลก นั่นคือรถทุกรุ่นจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
และในตลาดรถ HEV โตโยต้าจึงเลือกนำเสนอ “จุดแข็ง” เรื่องการรับประกันแบตเตอรี่ “Hybrid” สูงสุด 10 ปี*** โดยไม่จำกัดระยะทาง เมื่อเช็กระยะตามกำหนด และใช้โปรแกรม Toyota Connected Frequent Service Rewards Plus (TCFR Plus+)
พอได้ยินข้อเสนอนี้ ย่อมสร้างความมั่นใจในการจะใช้รถ HEV ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ขับไปทำงานทุกวัน หรือเดินทางไกล เพราะไม่ว่าจะใช้งานขับไปหลายกิโลเมตร ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดด้านระยะทาง
อีกทั้งเมื่อนำรถไปขายต่อ จากเดิมที่ราคารถมือสอง โตโยต้า มีราคาที่ดี ขายคล่องอยู่แล้วนั้น ในส่วนของรถ HEV ที่มีประกันแบตเตอรี่เหลืออยู่ก็จะช่วยรักษามูลค่าในตลาดมือสองได้
สมมติหากเราใช้รถนานเกิน 10 ปี แบตเตอรี่เริ่มเสื่อม แต่สมรรถนะของรถส่วนอื่น ๆ ยังทำงานได้ปกติ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่นั้นสามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย
ด้วยยอดขายอันดับ 1 นั้น ทำให้โตโยต้ามี Economies of Scale ด้วยจำนวนการผลิตเยอะ ต้นทุนต่อหน่วยถูกลง ผลประโยชน์มาอยู่ที่ลูกค้าโดยตรงเพราะหากต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ลูกค้าก็จะได้ราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าในอดีต หรือแม้แต่ส่งเคลมก็จะได้แบตเตอรี่ในเวลารวดเร็ว
ซึ่งปัจจุบัน โดยอ้างอิงข้อมูลรถยนต์รุ่น New Yaris ATIV HEV แบตเตอรี่ Hybrid มีทั้งหมด 2 โมดูล ถ้าหากเกินระยะรับประกันสูงสุด 10 ปี และตรวจพบปัญหา ทางลูกค้าสามารถเปลี่ยนเฉพาะโมดูลที่เสียได้ โดยราคาเริ่มต้นเพียงโมดูลละ 44,405 บาทเท่านั้น (ไม่รวมค่าบริการติดตั้ง)
เป็นอีกหนึ่ง “จุดแข็ง” ของโตโยต้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ HEV ในประเทศไทย
จะเห็นว่าการเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ HEV มาอย่างยาวนาน “โตโยต้า” เลือกจะนำความต้องการของลูกค้าแต่ละอย่าง เช่น คุณภาพรถและแบตเตอรี่, เทคโนโลยี, บริการหลังการขาย, รถ HEV ที่มีหลายรุ่นให้เลือก มาประกอบเข้าด้วยกัน
สะท้อนให้เห็นได้จากโฆษณาล่าสุดที่ชื่อ “TOYOTA NO.1 TRUSTED HEV*”
https://www.youtube.com/watch?v=Jg5yclx5QOE ที่มาพร้อมเหตุผลว่า ทำไมลูกค้าคนไทยหากต้องการซื้อรถ HEV สักคัน “โตโยต้า” จะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆในใจอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะสิ่งที่ โตโยต้า Add-On เข้าไปในอุตสาหกรรมรถยนต์ HEV เป็นความมั่นใจที่ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้นนั่นเอง..
References :
- ข้อมูล บริษัท โตโยต้า ประเทศไทย จำกัด
- *โตโยต้ามียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในหมวดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เครื่องยนต์เบนซิน-ไฟฟ้า ระหว่าง 1 ม.ค. 68 – 31 ส.ค. 68 สูงสุดจากทุกยี่ห้อที่มีการจดทะเบียน อ้างอิงข้อมูลจากกรมการขนส่ง ณ เดือนสิงหาคม 2568
- **Yaris Ativ รุ่น HEV Premium เปรียบเทียบใน Toyota HEV ทุกรุ่น โดยทดสอบการวิ่ง 1 ลิตร อ้างอิง Eco Sticker มาตรฐาน UN-R101 ในห้องปฏิบัติการ มีผู้ขับขี่ 1 คน ใช้มาตรฐานการขับแบบ NEDC ความเร็วเฉลี่ย 33.6 กม./ชม. อุณหภูมิ 20-30 ˚C และความชื้นจำเพาะ 5.5-12.2 กรัม/กก. ปิดระบบปรับอากาศ รับรองผลโดยหน่วยงานรัฐประเทศเบลเยียม
- ***ขยายรับประกันคุณภาพจาก 8 ปี เป็น 10 ปี เฉพาะรถไฮบริดที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนตามรุ่นรถที่กำหนด โดยต้องลงทะเบียน TCFR Plus+ ผ่านแอป T-Connect และเข้าเช็กระยะต่อเนื่อง 9 ครั้งภายใน 8 ปี (ระดับไดมอนด์) และสิทธิติดกับตัวรถ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://aftersales.toyota.co.th/tcfrplus/

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon