
แกะสูตรลับ Xiaomi ปั้นอาณาจักร รถยนต์ไฟฟ้า ภายใน 2 ปี
แกะสูตรลับ Xiaomi ปั้นอาณาจักร รถยนต์ไฟฟ้า ภายใน 2 ปี /โดย ลงทุนแมน
ถ้าเราไปบอกคนอื่นว่า ธุรกิจเราเคยขายสินค้าหลักพันบาท
แต่อยากขายสินค้าหลักล้านบาท คนอื่นคงบอกว่า เราน่าจะฝันกลางวันอยู่แน่ ๆ
ถ้าเราไปบอกคนอื่นว่า ธุรกิจเราเคยขายสินค้าหลักพันบาท
แต่อยากขายสินค้าหลักล้านบาท คนอื่นคงบอกว่า เราน่าจะฝันกลางวันอยู่แน่ ๆ
แต่นี่คือเรื่องราวจริงของ Xiaomi บริษัทที่เคยขายสมาร์ตโฟนแค่หลักพันบาท แล้วผันตัวไปขายรถยนต์ที่มีราคาหลักล้านบาท ในเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น
เรียกได้ว่า นี่ไม่ธรรมดามาก ๆ เพราะชิ้นส่วนสมาร์ตโฟนมีแค่หลักพันชิ้น แต่ชิ้นส่วนรถยนต์มีหลักหมื่นชิ้น แปลว่า มีความซับซ้อนในการผลิตเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้เท่าไร
อะไรคือสูตรลับ ที่ทำให้ Xiaomi ทำเรื่องแบบนี้ได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Lei Jun อ่านว่า เหลยจวิน ผู้ก่อตั้ง Xiaomi เคยพูดไว้ว่า
บริษัทใช้เวลา 75 วัน เพื่อปรึกษากันภายในว่า ทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายดีไหม
บริษัทใช้เวลา 75 วัน เพื่อปรึกษากันภายในว่า ทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายดีไหม
ซึ่งในที่สุด Xiaomi ก็ตกลงที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขาย แม้ตัวเองไม่เคยรู้เรื่องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อนเลยด้วยซ้ำ
การตัดสินใจที่ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือนตอนต้นปี 2021
ไม่ได้เกิดเพราะว่าอยู่ดี ๆ บริษัทอยากทำรถยนต์ของตัวเอง
แต่เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ แบน Xiaomi ในสมัยแรก
ไม่ได้เกิดเพราะว่าอยู่ดี ๆ บริษัทอยากทำรถยนต์ของตัวเอง
แต่เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ แบน Xiaomi ในสมัยแรก
แม้ต่อมาจะยกเลิกแบนในภายหลัง แต่ Xiaomi ก็รู้ดีว่า
ถ้าจะเน้นขายสมาร์ตโฟนอย่างเดียวต่อไป คงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากขึ้นกว่านี้แน่นอน
ถ้าจะเน้นขายสมาร์ตโฟนอย่างเดียวต่อไป คงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากขึ้นกว่านี้แน่นอน
แต่ลองคิดภาพตามว่า เราเคยชินกับการผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ถ้าย้ายไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่เคยทำมาก่อน เราจะทำอย่างไรดี
เก็บคำตอบไว้ในใจ ถ้าหลายคนกำลังคิดตาม
ลองมาดูคำตอบของเหลยจวิน ผู้ก่อตั้ง Xiaomi ว่าเขาทำแบบที่เราคิดกันอยู่ไหม
ลองมาดูคำตอบของเหลยจวิน ผู้ก่อตั้ง Xiaomi ว่าเขาทำแบบที่เราคิดกันอยู่ไหม
เริ่มกันที่โจทย์แรก
Xiaomi จะผลิตรถยนต์ของตัวเองอย่างไรดี ?
Xiaomi จะผลิตรถยนต์ของตัวเองอย่างไรดี ?
แน่นอนว่า Xiaomi ไม่เคยผลิตรถยนต์มาก่อน จึงต้องไปหาพาร์ตเนอร์ที่ผลิตรถยนต์อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็ลงเอยกับ BAIC ผู้ผลิตรถยนต์ในปักกิ่งที่มีรัฐบาลหนุนหลัง
แต่ Xiaomi ก็ยังต้องหาพาร์ตเนอร์คนอื่นเพิ่มเติม เพราะหัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่แบตเตอรี่ ทำให้ต้องไปจับมือกับ CATL ที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 1 ของโลก
ตอนนี้ Xiaomi รู้แล้วว่า ต้องผลิตรถยนต์อย่างไรและที่ไหน
แต่การทำแบบนี้ ก็ไม่ได้การันตีว่าบริษัทจะพึ่งพาคนอื่นแบบนี้ไปได้ตลอด
แต่การทำแบบนี้ ก็ไม่ได้การันตีว่าบริษัทจะพึ่งพาคนอื่นแบบนี้ไปได้ตลอด
ซึ่งการที่จะพึ่งพาตัวเองได้ ก็ต้องสร้างระบบขึ้นมาในบริษัท เพื่อวางรากฐานการเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้มั่นคงมากขึ้น
Xiaomi จึงเริ่มดึงตัวคนในวงการอุตสาหกรรมนี้จากบริษัทอื่นในจีนเข้ามา ไล่ตั้งแต่ Geely, SAIC, Wuling ไปจนถึงบริษัทรถยนต์ต่างประเทศอย่าง BMW อีกด้วย
คนเก่ง ๆ จากบริษัทรถยนต์พวกนี้ ไม่ได้เข้ามาแค่ตัวเปล่าอย่างเดียว แต่ยังเอาบทเรียนความสำเร็จและความผิดพลาดของที่ทำงานเก่าของตัวเอง มาให้ Xiaomi ได้เรียนรู้
ซึ่งทำให้แทนที่ Xiaomi จะเสียเวลาลองผิดลองถูกกับรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง ก็สามารถพัฒนารถยนต์ที่กลบข้อเสียของบริษัทรถยนต์อื่นได้เลยทันที
นอกจากดึงตัวคนเก่งเข้ามาแล้ว ยังลงทุนกับบริษัทที่เกี่ยวกับซัปพลายเชนของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ไปจนถึงการสร้างโรงงานของตัวเองขึ้นมาเพิ่มเติมอีกด้วย
โดยเม็ดเงินลงทุนนี้มากถึงหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งเงินตรงนี้ก็มาจากรายได้จากการขายสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ Xiaomi ได้เข้ามาในทุกปีอยู่แล้ว
ทำให้ Xiaomi แทบได้เปรียบเหนือบริษัทรถยนต์อื่น ที่ต้องพึ่งพารายได้จากรถยนต์ แต่ตัวเองใช้รายได้ที่มั่นคงอยู่แล้ว มาลงทุนเพิ่มเติมได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลมากนัก
ตอนนี้ Xiaomi มีทั้งคนเก่ง และซัปพลายเชนรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปัญหาต่อมาคือ แล้วเราจะขายรถยนต์ในราคาเท่าไรดี
Xiaomi แก้โจทย์นี้ด้วยการก๊อบปี้ตำราธุรกิจสมาร์ตโฟนของตัวเอง ด้วยการเน้นขายในราคาที่จับต้องได้ แต่อยู่ในระดับเดียวกันกับแบรนด์ราคาแพง
ซึ่งเป็นท่าทำธุรกิจที่ถนัดของ Xiaomi มานานแล้ว จากการขายสมาร์ตโฟนที่มีฟีเชอร์ตรงตามความต้องการของลูกค้า แต่มีราคาที่เอื้อมถึงได้สำหรับคนทั่วไป
การทำรถยนต์ไฟฟ้าขายของ Xiaomi ก็แทบไม่ต่างกัน เพราะเลือกจะขายในราคาประมาณ 1 ล้านบาท แต่รูปทรงภายนอกคล้ายกับ Porsche และ Tesla
พอออกมาแบบนี้ ทำให้ในเวลาแค่ 27 นาทีหลังจากที่ Xiaomi เปิดให้จองรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง มียอดสั่งจองล่วงหน้ามากถึง 50,000 คันเลยทีเดียว
จนในเดือนมีนาคม ปีนี้ Xiaomi ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองทั้งหมดกว่า 200,000 คันไปแล้ว..
อย่างไรก็ตาม Xiaomi ก็ไม่ได้หยุดตัวเองแค่เท่านี้
เพราะจริง ๆ แล้ว ความฝันของบริษัทสูงสุดในตอนนี้
ก็คือ อยากทำสิ่งที่เรียกว่า “Human x Car x Home”
เพราะจริง ๆ แล้ว ความฝันของบริษัทสูงสุดในตอนนี้
ก็คือ อยากทำสิ่งที่เรียกว่า “Human x Car x Home”
พูดง่าย ๆ คือ การทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ตโฟน
หรือรถยนต์เชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ผ่านระบบปฏิบัติการของตัวเองที่ชื่อว่า HyperOS
หรือรถยนต์เชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ผ่านระบบปฏิบัติการของตัวเองที่ชื่อว่า HyperOS
ซึ่งปัจจุบัน ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ตโฟน และรถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi ใช้ระบบปฏิบัติการนี้เป็นเบื้องหลังอยู่แล้ว การเชื่อมต่อถึงกันก็คงทำได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก
ในวันแรกที่ Xiaomi ก่อตั้งขึ้นมา เหลยจวิน ได้รับแรงบันดาลใจจาก Apple เพราะชื่นชมในตัวของสตีฟ จอบส์
ที่เป็นเหมือนไอดอลของตัวเอง
ที่เป็นเหมือนไอดอลของตัวเอง
ในวันนี้ แม้ทุกอย่างจะดูเลียนแบบมาจาก Apple
แต่ดูเหมือนว่า Xiaomi กำลังไปไกลกว่าการขาย
สมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แค่อย่างเดียว
แต่ดูเหมือนว่า Xiaomi กำลังไปไกลกว่าการขาย
สมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แค่อย่างเดียว
เพราะการเดิมพันที่คุยกันในบริษัทแค่ 75 วัน และสร้างรถยนต์ไฟฟ้าได้สำเร็จในเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น
ในขณะที่ Apple ใช้เวลามานานกว่า 10 ปีกับการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ยอมยกธงขาว ในปีที่ Xiaomi เริ่มสร้างอาณาจักรรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง..