สรุป เศรษฐกิจสมัย ร.5 ผ่าน 6 ธุรกิจในตลาดหุ้นไทย

สรุป เศรษฐกิจสมัย ร.5 ผ่าน 6 ธุรกิจในตลาดหุ้นไทย

สรุป เศรษฐกิจสมัย ร.5 ผ่าน 6 ธุรกิจในตลาดหุ้นไทย /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ปัจจุบันมี 6 ธุรกิจในตลาดหุ้นไทย ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ไล่ตั้งแต่ SCB, BJC, BGRIM, OHTL, SINGER ไปจนถึง OSP
ซึ่งการเกิดขึ้นของธุรกิจเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นไปตามวงล้อกาลเวลาของการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในสมัยนั้น
แล้ว 6 ธุรกิจนี้ เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจตอนนั้นอย่างไรบ้าง ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เศรษฐกิจสมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
หลังจากที่สยามหรือไทยในสมัยนั้น ลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริงกับประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2398
ที่บอกว่าเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่การค้าเสรีกับต่างประเทศ จากเดิมที่กระจุกตัวอยู่แค่พระคลังสินค้าเท่านั้น
พูดง่าย ๆ คือ คนทั่วไปสามารถค้าขายโดยตรงกับชาวต่างชาติได้ แทนที่จะขายผ่านพระคลังสินค้า โดยไม่สามารถค้าขายกับชาวต่างชาติได้โดยตรง
พอเป็นแบบนี้ การค้าเสรีจึงได้นำชาวต่างชาติให้เข้ามาติดต่อค้าขายในประเทศมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ นายทหารชาวเดนมาร์กสองคน ที่เดินทางเข้ามาในไทย
สองนายทหารนี้ ตัดสินใจปักหลักที่ไทย และสร้างธุรกิจโรงแรมที่ชื่อว่า “โอเรียนเต็ล” ในปี พ.ศ. 2419 ขึ้น
แม้หลังจากนั้น จะถูกเปลี่ยนเจ้าของไปมาหลายครั้ง
แต่ปัจจุบันก็อยู่ภายใต้บริษัท โอเอชทีแอล จำกัด
(มหาชน) หรือ OHTL ในตลาดหุ้นไทยตอนนี้
นอกจากสองนายทหารชาวเดนมาร์กแล้ว ชาวสวิสอย่างคุณอัลเบิร์ต ยุคเกอร์ ที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทยกับบริษัทฝรั่งเศส ก็ได้เห็นโอกาสในธุรกิจส่งออกข้าวและไม้สัก
ข้าวเป็นสินค้าที่ไทยปลูกเพื่อส่งออกมากขึ้น จากผลของสนธิสัญญาเบาว์ริง ทำให้คุณอัลเบิร์ตไปชักชวนเพื่อนที่ชื่อว่า คุณเฮนรี่ ซิกก์ ให้มาก่อตั้งห้างยุคเกอร์ แอนด์ ซิกก์ แอนด์ โก ด้วยกันในปี พ.ศ. 2425
และในปี พ.ศ. 2439 กิจการก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “เอ. เบอร์ลี่ แอนด์ โก” และได้เริ่มขยายธุรกิจ โดยมีการนำสินค้าจากต่างประเทศอื่น ๆ เข้ามาขาย เช่น ผงโกโก้ Dutch หรือกระดาษชำระ Scott
แต่ห้างนี้เอง ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ BJC หรือบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้เจ้าสัวเจริญ ที่เข้าไปเทกโอเวอร์บริษัทนี้
และในช่วงเวลาใกล้ ๆ จุดเริ่มต้นของ BJC ชาวเยอรมันอย่างคุณแบร์นฮาร์ด กริม และหุ้นส่วนชาวออสเตรียชื่อ คุณแอร์วิน มุลเลอร์ ก็ได้เปิดร้านยายุโรปแห่งแรกบนถนนเจริญกรุงในปี พ.ศ. 2421
ร้านขายยานี้ ปัจจุบันก็กลายมาเป็นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ที่ผันตัวมาทำธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นหลักแทน
แต่กว่าที่ BGRIM จะมาทำธุรกิจโรงไฟฟ้า รู้ไหมว่า บริษัทยังมีส่วนร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยโครงการสำคัญแถบจังหวัดปทุมธานี
นั่นคือ โครงการคลองรังสิต ที่เรียกได้ว่ายาวสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคนั้น โดยมีบริษัทนี้เป็นผู้รับผิดชอบในการขุดคลองครั้งนี้
เพื่อทำให้คลองรังสิต กลายเป็นโครงการชลประทานขนาดใหญ่ รองรับการปลูกข้าวเพื่อการส่งออกของประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากหลังสนธิสัญญาเบาว์ริงนั่นเอง
ขณะที่ BGRIM เริ่มต้นจากธุรกิจร้านขายยาฉบับตะวันตก ก็มีร้านขายยาจีนเกิดขึ้นมาในปี พ.ศ. 2434 โดยชายที่ชื่อว่า นายแป๊ะ โอสถานุเคราะห์
เขาคนนี้ ได้นำสูตรยาจีนโบราณที่มีชื่อว่า ยากฤษณากลั่น ซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาโรคปวดท้องต่าง ๆ มาวางจำหน่ายในยุคนั้น ซึ่ง OSP ยังมีการขายยานี้อยู่จนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของการขายยาจีนโบราณนี้เอง ได้กลายมาเป็นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ในปัจจุบัน ที่ขายสินค้าไปไกลนอกจากธุรกิจตั้งต้นของตัวเองเพิ่มเติม
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม ที่มีสินค้าชื่อดังอย่าง M-150 ธุรกิจของใช้ส่วนบุคคล ของใช้เพื่อสุขภาพ ไปจนถึงลูกอม
นอกจากธุรกิจร้านขายยา ส่งออกข้าว ไม้สัก หรือโรงแรมแล้ว ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ที่ชาวต่างชาติเห็นโอกาสการเติบโตในไทยสมัยรัชกาลที่ 5 อีกด้วย
หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจจักรเย็บผ้า ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการแต่งกายของคนไทยในสมัยนั้น ที่หันมาใส่เสื้อผ้ากันมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น ข้าราชการไทยก็ต้องสวมเสื้อที่เรียกกันว่า ราชปะแตน ซึ่งเป็นหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงของรัชกาลที่ 5 ที่ต้องการให้ประเทศไปสู่ความทันสมัยแบบตะวันตก
ซึ่งบริษัทที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ SINGER บริษัทที่คนไทยรู้จักกันในปัจจุบัน เพราะขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เราคุ้นหูกันอย่างดี
แต่จุดเริ่มต้นของ SINGER จริง ๆ แล้ว เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2432 จากการนำเข้าเครื่องจักรเย็บผ้าเข้ามาในไทย
โดยบริษัท ซิงเกอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้แต่งตั้งบริษัท เคียมฮั่วเฮง จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายจักรเย็บผ้า ซิงเกอร์ ในประเทศไทย
ก่อนที่ต่อมาจะเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซิงเกอร์ โซอิ้ง แมชีน จำกัด เพื่อจำหน่ายจักรเย็บผ้า และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจักรเย็บผ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ดังนั้นแล้ว ถ้าจะบอกว่า SINGER อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจไทยก็คงไม่เกินจริง เพราะเครื่องจักรเย็บผ้านี้เอง ที่คอยเปลี่ยนแปลงการแต่งกายในสังคมไปอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ มากมาย ก็จำเป็นที่จะต้องมีแหล่งเงินทุนสำคัญในการเริ่มธุรกิจเหล่านี้
ซึ่งคงเดากันได้ไม่ยากว่า แล้วอะไรคือธุรกิจที่จะมาปิดช่องว่างตรงนี้ เพราะคำตอบนั่นก็คือ ธนาคาร..
และคนที่มองเห็นโอกาสเริ่มต้นธุรกิจธนาคารในไทย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นชาวตะวันตก ที่คุ้นชินกับระบบธนาคารมาก่อนคนไทยอยู่แล้ว
โดยธนาคารต่างชาติที่เข้ามาเปิดสาขาธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในไทย คือ ธนาคาร HSBC ของอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2431
ต่อมาอีก 6 ปีให้หลัง ธนาคารชาร์เตอร์ด ซึ่งเป็นธนาคารอีกแห่งของอังกฤษ ก็เริ่มเข้ามาเปิดธนาคารพาณิชย์เป็นแห่งที่ 2 ของไทย
และตามมาด้วยธนาคารแห่งอินโดจีนของฝรั่งเศส เข้ามาเปิดธนาคารพาณิชย์ เป็นแห่งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2439
แต่ในยุคนั้น ธนาคารต่างชาติที่มาทำธุรกิจในไทย ไม่ได้สนใจรับฝากเงินให้คนไทยแม้แต่น้อย เพราะเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจต่างชาติในไทย เช่น การจัดหาแหล่งเงินกู้ยืม และการค้าเงินตราต่างประเทศ
ซึ่งจากช่องว่างตรงนี้เอง ก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งแบงก์สยามกัมมาจลในปี พ.ศ. 2449 หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ธนาคารไทยพาณิชย์ ในปัจจุบัน
ก่อตั้งโดยพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย และมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นชาวตะวันตก และชาวจีน เช่น
- ธนาคารแห่งชาติเยอรมนี ถือหุ้น 11%
- ธนาคารแห่งชาติเดนมาร์ก ถือหุ้น 8%
- กลุ่มคหบดีจีน ถือหุ้น 17%
ส่วนกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ผู้ก่อตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ และกรมพระคลังข้างที่ รวมถึงข้าราชการไทยคนอื่น ๆ ถือหุ้นรวมกันประมาณ 42%
การก่อตั้งธนาคารแห่งนี้ ก็ค่อย ๆ ทำให้คนไทยคุ้นชินกับระบบธนาคารมากขึ้น และทำให้ธนาคารต่างชาติก็เริ่มหันมาสนใจลูกค้าที่เป็นคนไทยมากขึ้นหลังจากนั้น
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเห็นภาพแล้วว่า 6 บริษัทอายุเกิน 100 ปีของไทยทั้งหมดนี้ เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างไร
ซึ่งการเกิดขึ้นมาของบริษัทเหล่านี้ เรียกได้ว่า ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยวางรากฐานให้เศรษฐกิจไทยเติบโต และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon