- บทวิเคราะห์ Cafe Invest จาก บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX x ลงทุนแมน

โลกทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่เคย
สงครามระหว่างประเทศยังไม่ยุติ การเมืองของมหาอำนาจยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ขณะที่การแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนก็ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกวัน

ปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มตั้งคำถามว่า
“การลงทุนในประเทศเดียว ยังเพียงพอสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้หรือไม่ ?”

เพราะในวันที่บางประเทศชะลอตัว แต่อีกซีกโลกหนึ่งอาจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
จึงไม่น่าแปลกที่ “การลงทุนทั่วโลก” จะกลายเป็นแนวทางสำคัญของนักลงทุนยุคใหม่
ที่ต้องการทั้งการกระจายความเสี่ยง และโอกาสเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจโลก

และหนึ่งในวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการกระจายพอร์ตไปทั่วโลก คือการลงทุนผ่าน “กองทุนที่อิงกับดัชนี MSCI World Index” ซึ่งรวมหุ้นชั้นนำจากมากกว่า 20 ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกไว้ในพอร์ตเดียว

แล้ว MSCI World Index มีความน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

MSCI World Index คือดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของการลงทุนใน “หุ้นของประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก”
โดยรวบรวมบริษัทชั้นนำจากเศรษฐกิจที่มั่นคง โครงสร้างแข็งแกร่ง และระบบตลาดที่มีประสิทธิภาพ
ช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป

หุ้นส่วนใหญ่ในดัชนีมาจากประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก
อย่าง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี
ซึ่งล้วนเป็นศูนย์กลางด้านเงินทุน นวัตกรรม และเทคโนโลยีระดับโลก

ยกตัวอย่างเช่น

- Apple ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก เจ้าของ iPhone และระบบปฏิบัติการ iOS
- Meta เจ้าของ Facebook และ Instagram ที่เชื่อมผู้คนหลายพันล้านคนเข้าด้วยกัน
- Nestlé ยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภคจากสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของแบรนด์กาแฟ Nescafé ที่คุ้นเคย
- Unilever ผู้ผลิตสินค้ารายวัน ตั้งแต่สบู่ในห้องน้ำ ไปจนถึงไอศกรีมในตู้เย็น
- Toyota Motor แบรนด์รถยนต์จากญี่ปุ่นที่อยู่คู่คนไทยมานาน

อีกหนึ่งจุดเด่นของ MSCI World Index คือ “ความหลากหลายของธุรกิจ”
ที่ผสมผสานทั้งบริษัทในยุค Old Economy อย่าง Coca-Cola และ Johnson & Johnson
ไปจนถึงบริษัทในยุค New Economy อย่าง Tesla และ NVIDIA

ทำให้ดัชนีนี้ผสานทั้ง “ความมั่นคง” จากธุรกิจดั้งเดิม และ “โอกาสเติบโต” จากธุรกิจแห่งอนาคตได้อย่างลงตัว

อย่างไรก็ตาม กองทุนส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่อิงกับ MSCI World Index
มักลงทุนผ่าน ETF ที่อ้างอิงดัชนีนี้เกือบทั้งหมด
จึงมีลักษณะเป็น “กองทุน Passive” ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาดโดยตรง

แต่จะดีกว่าไหม ถ้ามีกองทุนที่ลงทุนใน MSCI World Index เป็น Core Portfolio เพื่อสร้างฐานการลงทุนระยะยาว
พร้อมเสริมด้วย Satellite Portfolio ที่เลือกลงทุนใน “หุ้นรายตัวที่โดดเด่น”
ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกทั้งแบบ Top-Down และ Bottom-Up เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี

หนึ่งในกองทุนที่น่าจับตามอง และเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) คือกองทุน “LHGENHANCED-A” Exclusive ที่ บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในเครือ SCBX Group จับมือกับ บลจ. LH Fund สร้างทางเลือกใหม่ให้นักลงทุนด้วยกลยุทธ์การลงทุนหุ้นโลกแบบ Core & Satellite Portfolio ไว้ในกองทุนเดียว

[ทีนี้เรามาดูในมุมของผู้เชี่ยวชาญกันบ้าง
เรามาดูกันว่า @InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX
มีมุมมองต่อกองทุน LHGENHANCED-A อย่างไร ?]

ทาง InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX มองว่า MSCI World Index เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจด้วยเหตุผลสำคัญ 5 ประการ ได้แก่

1. ลงทุนในประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลก

กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลก ทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้วยขนาด GDP มหาศาลและระบบเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพสูง

ประเทศเหล่านี้มีสัดส่วน การลงทุนในต่างประเทศ (FDI Outflow) มากกว่า 60% ของทั้งโลก
หมายถึงเงินทุนจากภาคธุรกิจที่ไหลออกไปลงทุนในประเทศอื่น เพื่อขยายฐานการผลิตและรายได้ทั่วโลก สะท้อนถึงศักยภาพและอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่าประเทศอื่น

2. เสถียรภาพและกำลังบริโภคแข็งแกร่ง

ประเทศพัฒนาแล้วมี GDP ต่อหัวสูงกว่าประเทศกำลังพัฒนาเฉลี่ยกว่า 4 เท่า
จึงมีฐานรายได้และกำลังซื้อที่มั่นคง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก IMF ยังคาดการณ์ว่าในช่วงปี 2024-2027 กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะเติบโตเฉลี่ย 1.5-1.7% ต่อปี
แม้อัตราไม่สูงมาก แต่เป็นการเติบโตบนฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วยังคงเป็น “หัวใจของเศรษฐกิจโลก” มาจนถึงปัจจุบัน

3. ผลตอบแทนใกล้เคียงหุ้นสหรัฐฯ แต่เสี่ยงต่ำกว่า

โดยข้อมูลย้อนหลัง 10 ปีพบว่า หุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.6% ต่อปี ใกล้เคียงกับหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ
แต่มีความผันผวนเฉลี่ยเพียง 15.1% และสภาพคล่องสูงกว่าราว 5 เท่า

นอกจากนี้ยังมี Max Drawdown หรือระดับการขาดทุนสูงสุดในช่วงที่ตลาดปรับฐาน อยู่ในระดับต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
จึงเหมาะสำหรับเป็น Core Asset ของพอร์ตลงทุนระยะยาว ที่ต้องการทั้งความมั่นคงและโอกาสสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ

4. วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง หนุนโอกาสในสินทรัพย์เสี่ยง

เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง
โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่คาดว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง รวม 50 จุดพื้นฐาน (bps) ภายในปี 2025
สู่ระดับประมาณ 3.50-3.75%

การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน กระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
และเพิ่มความน่าสนใจของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
โดยเฉพาะในกองทุน iShares MSCI World ETF
ซึ่งมีแนวโน้มได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น

5. อัตรากำไรและกำไรต่อหุ้น สะท้อนศักยภาพของหุ้นโลก

บริษัทในดัชนี MSCI World Index ยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมี อัตรากำไรเฉลี่ย (Profit Margin) ราว 11.6% ซึ่งอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอดีต

ขณะเดียวกัน กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ประมาณ 49.7 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี สะท้อนศักยภาพของบริษัทชั้นนำทั่วโลกในการสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ส่วนผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 ปี 2025 ก็ออกมาดีกว่าที่คาด
นำโดยกลุ่ม Communication Services, Consumer Discretionary, Financials และ Healthcare
ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีแม้ชะลอบ้าง แต่ด้วยน้ำหนักสูงสุดในดัชนี ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดโดยรวม

นอกจากนี้ จากสถิติย้อนหลัง 10 ปีพบว่า เดือนกันยายน-ตุลาคม มักเป็นช่วงที่ราคาหุ้นโลกปรับฐาน ก่อนฟื้นตัวในช่วงปลายปี
โดยเฉพาะ เดือนพฤศจิกายน ที่ตลาดมีโอกาสปิดบวกสูงถึง 90% ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นจังหวะดีในการ “สะสมหุ้นโลก”

แล้วจุดเด่นของกองทุน LHGENHANCED-A มีอะไรบ้าง ?

LHGENHANCED-A คือกองทุนที่ผสมผสานข้อดีของการลงทุนแบบ Passive และ Active เข้าไว้ด้วยกัน ผ่านกลยุทธ์ “Enhanced Strategy”
ที่ช่วยให้พอร์ตลงทุนมีทั้งความมั่นคงจากตลาดหุ้นโลก และโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือดัชนี

โดยกองทุนแบ่งพอร์ตลงทุนเป็น 2 ส่วนหลักคือ

- Core Portfolio (80%)
ลงทุนในดัชนี MSCI World Index เพื่อให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก
- Satellite Portfolio (20%)
เป็นพอร์ตเสริมที่บริหารเชิงรุก (Active) โดยทีมผู้จัดการกองทุนใช้ทั้งมุมมอง Top-Down วิเคราะห์เศรษฐกิจภาพรวม
และ Bottom-Up วิเคราะห์ศักยภาพรายบริษัท เพื่อคัดเลือกหุ้นที่โดดเด่นเหนือค่าเฉลี่ยตลาด

พอร์ตเสริมนี้เปรียบเสมือน “พื้นที่สร้าง Alpha” ของกองทุน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน และปรับสัดส่วนให้เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น

- หากเทรนด์ AI กำลังมาแรง กองทุนสามารถเพิ่มน้ำหนักหุ้นเทคโนโลยี
- หากโลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ก็สามารถเน้นลงทุนหุ้น Healthcare เพื่อจับโอกาสใหม่ ๆ ที่อาจยังไม่สะท้อนเต็มในดัชนี

กลยุทธ์นี้ยังเปิดทางสู่ธีมการลงทุนระยะยาวที่มีศักยภาพ เช่น AI Ecosystems, Quantum Technology, Space Economy/Defense และ Nuclear Energy

ตัวอย่างหุ้นที่อาจอยู่ในพอร์ตลักษณะนี้ ได้แก่ NVIDIA (AI Chips), Apple (Technology & Consumer Innovation), Xiaomi (Smart Devices & IoT Ecosystem), TSMC (Semiconductor & Foundry Leader) ซึ่งล้วนมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดในระยะยาว

ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลจาก Vanguard พบว่า การเพิ่มสัดส่วนพอร์ต Active ประมาณ 20% สามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนเฉลี่ยได้ราว 0.5-1.5% ต่อปี หากเลือกหุ้นได้ถูกทิศทาง

ส่วนใครที่อาจกังวลว่า กลยุทธ์แบบ Active จะทำให้ ค่าธรรมเนียมสูง ก็ไม่ต้องห่วง
เพราะ LHGENHANCED-A ยังคงรักษา ค่าใช้จ่ายรวม (TER) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่ากองทุน Active ทั่วไป เนื่องจากโครงสร้างหลักของกองทุนยังคงอิงการบริหารแบบ Passive นั่นเอง

สรุปง่าย ๆ ว่า LHGENHANCED-A คือคำตอบสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทั้งความมั่นคงจากตลาดหุ้นพัฒนาแล้วทั่วโลก และโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากหุ้นเด่นในธีมอนาคต
ครบจบในกองเดียว โดยไม่ต้องเลือกระหว่าง Active หรือ Passive อีกต่อไป นั่นเอง..

สำหรับผู้ที่สนใจกองทุน LHGENHANCED-A ซึ่งกำลังเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) เฉพาะที่ InnnovestX ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2568 พิเศษ ไม่มีค่าธรรมเนียม Front-end Fee สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.innovestx.co.th/promotions/detail/front-end-fee-LHGENHANCED-A

หรือดูวิธีจองซื้อกองทุน LH GLOBAL ENHANCED FUND (LHGENHANCED-A) ได้ในคอมเมนต์

และหากต้องการลงทุนในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และ ETF จากทั่วโลก หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ก็สามารถเปิดบัญชีและลงทุนได้ง่าย ๆ ผ่านแอป InnovestX ที่เดียวจบ ครบทุกการลงทุน https://innovestx.onelink.me/23if/ecs2hrah

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

References :
-https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/investsnack/product-basic-knowledge/mutual-fund/fund-review-lhgenhanced
-https://www.lhfund.co.th/

? วิธีจองซื้อกองทุน IPO: LH GLOBAL ENHANCED FUND (LHGENHANCED-A)
เปิดจองซื้อ 22 ต.ค. - 5 พ.ย. 68 เฉพาะที่แอป InnovestX เท่านั้น