
หุ้นเทคโนโลยีเวฟใหม่ จะไม่ใช่ “หุ้น 7 นางฟ้า” ?
สรุปเนื้อหาจากรายการ Talk ลงทุนแมน “เช็กลิสต์หุ้นเทคตัวเต็ง เวฟใหม่ ของเทรนด์เทคโนโลยีโลก” โดยคุณยศพนธ์ สุธารัตนชัยพร, CFA และนักลงทุนเน้นคุณค่า
และคุณชนาเมธ เฟื่องวรรธนะ, นักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ และโอกาสในการลงทุน..
และคุณชนาเมธ เฟื่องวรรธนะ, นักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ และโอกาสในการลงทุน..
ต้องบอกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หุ้นที่นำตลาดคือ Mag 7 หรือ 7 นางฟ้า
การเติบโตของกลุ่มนี้มาจากบทบาทของการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับ AI เช่น ผู้ผลิต GPU อย่าง NVIDIA และผู้ให้บริการ Data Center หรือ Cloud อย่าง Microsoft, Amazon, Google
การเติบโตของกลุ่มนี้มาจากบทบาทของการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับ AI เช่น ผู้ผลิต GPU อย่าง NVIDIA และผู้ให้บริการ Data Center หรือ Cloud อย่าง Microsoft, Amazon, Google
เวฟนี้เปรียบเสมือนยุคอินเทอร์เน็ตที่ Cisco เป็นผู้นำตลาด เพราะทุกคนต้องมีโมเดม
นักลงทุนได้ให้ความคาดหวังกับกลุ่มนี้ไปมากแล้ว ซึ่งสะท้อนในราคาหุ้น แม้ว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และมีงบประมาณลงทุนที่หนักกว่าปีก่อน อีกทั้งคาดว่าปีหน้าจะลงทุนมากกว่าเดิม
แต่หลังจากที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เพียงพอแล้ว กลุ่มที่จะนำตลาดต่อไปคือกลุ่มที่นำ AI ไปใช้
ซึ่งซอฟต์แวร์ทุกตัวในโลกจะต้องมี AI อยู่เบื้องหลัง
และกลุ่มที่มีเงินพร้อมจะจ่ายมากที่สุดสำหรับ AI คือ Enterprise Software หรือกลุ่มธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นองค์กร (B2B)
ซึ่งซอฟต์แวร์ทุกตัวในโลกจะต้องมี AI อยู่เบื้องหลัง
และกลุ่มที่มีเงินพร้อมจะจ่ายมากที่สุดสำหรับ AI คือ Enterprise Software หรือกลุ่มธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นองค์กร (B2B)
ตลาดนี้มีความสำคัญมาก เพราะซอฟต์แวร์ที่ใช้ในวงการธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม Fortune 500 (500 บริษัทที่ใหญ่สุดในโลก ตามการจัดอันดับของรายได้)
ถึงแม้จะเป็นบริษัทเพียงหยิบมือ แต่เม็ดเงินลงทุนนั้นเยอะที่สุดในโลก อาจถึง 80-90% ของรายได้รวมของเหล่า Enterprise Software
ถึงแม้จะเป็นบริษัทเพียงหยิบมือ แต่เม็ดเงินลงทุนนั้นเยอะที่สุดในโลก อาจถึง 80-90% ของรายได้รวมของเหล่า Enterprise Software
บริษัทซอฟต์แวร์ที่จับตลาดกลุ่มนี้ และทำผลิตภัณฑ์ให้บริษัทใน Fortune 500 ซื้อได้ จะสามารถกวาดเงินไปได้มหาศาล
ทำไมกลุ่ม Enterprise Software ถึงกำลังเป็นเวฟถัดไปของคลื่นยุค AI ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
หนึ่งในสัญญาณเชิงบวกที่บอกว่ากลุ่ม Enterprise Software มีโอกาสเติบโตได้อีก คือแนวโน้มการเติบโตทางรายได้ของ Anthropic
Anthropic ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโมเดล AI ชื่อ Claude ถือเป็นเจ้าตลาดของ Enterprise AI ในปัจจุบัน
รายงานคาดการณ์ล่าสุดระบุว่า รายได้ของ Anthropic ที่เคยอยู่ที่ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเพิ่มเป็น 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้
และอาจเพิ่มเป็น 25,000-26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า ซึ่งโตอย่างก้าวกระโดด
รายงานคาดการณ์ล่าสุดระบุว่า รายได้ของ Anthropic ที่เคยอยู่ที่ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเพิ่มเป็น 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้
และอาจเพิ่มเป็น 25,000-26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า ซึ่งโตอย่างก้าวกระโดด
โดยรายได้ 80-90% ของ Anthropic มาจากค่า API ซึ่งลูกค้าหลักที่ใช้ API คือ Enterprise
ตัวเลขนี้ชี้ว่า Enterprise Software กำลังเริ่มใช้ AI อย่างกว้างขวางขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะ Enterprise Software อย่างเช่น Salesforce ไม่ได้มี AI เป็นของตัวเอง แต่เพิ่มความสามารถของ AI ด้วยการต่อท่อ API มาจากผู้พัฒนาโมเดล เช่น Anthropic
เพราะ Enterprise Software อย่างเช่น Salesforce ไม่ได้มี AI เป็นของตัวเอง แต่เพิ่มความสามารถของ AI ด้วยการต่อท่อ API มาจากผู้พัฒนาโมเดล เช่น Anthropic
แต่ถึง Enterprise Software จะไม่มีโมเดล AI เป็นของตัวเอง แต่สิ่งที่บริษัทเหล่านี้ได้เปรียบคือ “ข้อมูลเฉพาะทาง (Data Specificity)” ที่ตัวเองมีอยู่
โมเดล AI ในปัจจุบัน เริ่มฉลาดขึ้นได้ยาก เพราะข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการเทรน ถูกใช้ไปเกือบหมดโลกแล้ว
ดังนั้น AI ที่จะฉลาดขึ้นได้ในอนาคต ต้องใช้ข้อมูลที่ยังไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งคือ ข้อมูลส่วนตัว (Proprietary Data) ที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง
ดังนั้น AI ที่จะฉลาดขึ้นได้ในอนาคต ต้องใช้ข้อมูลที่ยังไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งคือ ข้อมูลส่วนตัว (Proprietary Data) ที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง
ข้อมูลเหล่านี้ เช่น ความเชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity ที่ Palo Alto หรือ CrowdStrike มี
หรือข้อมูลกระบวนการทางธุรกิจที่ Salesforce มี
หรือข้อมูลกระบวนการทางธุรกิจที่ Salesforce มี
บริษัท Enterprise Software จะนำ API จากผู้พัฒนาโมเดล มาเทรนบนข้อมูลเฉพาะทางของตนเอง ทำให้โมเดล AI ที่ขายให้ลูกค้ามีความฉลาดและเป็น ทรัพย์สินทางปัญญา (IP) พิเศษ ในวงการนั้น ๆ
ยิ่งในยุคของ Agentic AI ที่กำลังมาถึง
Cybersecurity ยิ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจที่พึ่งพาระบบดิจิทัล เพราะไม่ต่างอะไรกับการล็อกประตูบ้านของเราในชีวิตจริง เพื่อความปลอดภัย
Cybersecurity ยิ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจที่พึ่งพาระบบดิจิทัล เพราะไม่ต่างอะไรกับการล็อกประตูบ้านของเราในชีวิตจริง เพื่อความปลอดภัย
แต่ความเสียหายทางธุรกิจ เช่น การหยุดชะงักของระบบ การละเมิด PDPA นั้นใหญ่หลวงกว่าความเสียหายส่วนบุคคลมาก
การมาของ AI ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงทวีคูณ เพราะแฮกเกอร์ใช้ AI ในการโจมตี ดังนั้นการตั้งรับก็ต้องใช้ AI เช่นกัน ทำให้บริษัท Cybersecurity จึงเร่งเสริมความสามารถของ AI ในผลิตภัณฑ์ของตน
โดยในอนาคตจะมี AI Agent ทำงานแทนเรา เช่น ช็อปปิง, จองตั๋วที่พัก-เครื่องบิน ฯลฯ
ความเสี่ยงคือ หาก AI Agent โดนแฮก อาจเกิดการกระทำที่เราไม่รู้เรื่อง เช่น จองตั๋วให้เราโดยที่เราไม่ได้สั่ง หรือการถูกหักเงินจากบัตรเครดิต ตลอดเวลา
ความเสี่ยงคือ หาก AI Agent โดนแฮก อาจเกิดการกระทำที่เราไม่รู้เรื่อง เช่น จองตั๋วให้เราโดยที่เราไม่ได้สั่ง หรือการถูกหักเงินจากบัตรเครดิต ตลอดเวลา
ในยุคของ Agentic AI นี้ ความสำคัญของ Cybersecurity จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้มีแนวโน้มเป็นแบบ Winner Takes All หรือ Winner Takes Most ที่ผู้ชนะกินรวบ
เพราะลูกค้าองค์กร จะไม่ยอมประนีประนอมเรื่องคุณภาพของ Cybersecurity เพื่อประหยัดเงิน
เพราะลูกค้าองค์กร จะไม่ยอมประนีประนอมเรื่องคุณภาพของ Cybersecurity เพื่อประหยัดเงิน
ผู้ตัดสินใจซื้อซอฟต์แวร์ จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรมเท่านั้น เพื่อความสบายใจและความมั่นคงในตำแหน่งหน้าที่ของตน
ตัวอย่างผู้เล่นชั้นนำของอุตสาหกรรม
- กลุ่ม Endpoint เช่น CrowdStrike, SentinelOne, Microsoft
- กลุ่ม Network เช่น Palo Alto Networks, Zscaler
- กลุ่ม Endpoint เช่น CrowdStrike, SentinelOne, Microsoft
- กลุ่ม Network เช่น Palo Alto Networks, Zscaler
ซึ่งอีกจุดเด่นของธุรกิจ Enterprise Software คือการใช้โมเดล Software as a Service (SaaS)
ที่ผ่านมา โมเดล SaaS ปฏิวัติวงการ โดยเปลี่ยนจากการซื้อ License ก้อนใหญ่ (ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดลิขสิทธิ์หรือซื้อของเถื่อน) มาเป็นรูปแบบ ค่าเช่าหรือค่าบริการรายเดือน
ข้อดีของ SaaS คือ
- ช่วยขยายตลาด (TAM)
ทำให้คนกลุ่มที่เคยไม่มีเงินซื้อ License ก้อนใหญ่ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- ช่วยขยายตลาด (TAM)
ทำให้คนกลุ่มที่เคยไม่มีเงินซื้อ License ก้อนใหญ่ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- รายได้ที่คาดการณ์ได้ (Predictable Revenue)
รายรับมีลักษณะเป็น Slope สวยงาม ไม่ผันผวนรุนแรง ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการ ทั้งเรื่องการลงทุน, จ้างคน, กู้เงิน ได้ง่ายขึ้นมาก
รายรับมีลักษณะเป็น Slope สวยงาม ไม่ผันผวนรุนแรง ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการ ทั้งเรื่องการลงทุน, จ้างคน, กู้เงิน ได้ง่ายขึ้นมาก
- บริการดูแลตลอดอายุการใช้งาน
เจ้าของซอฟต์แวร์ ดูแลแก้ไขปัญหาให้ตลอด พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ให้อยู่เรื่อย ๆ ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี
เจ้าของซอฟต์แวร์ ดูแลแก้ไขปัญหาให้ตลอด พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ให้อยู่เรื่อย ๆ ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็มีทั้งโอกาสและความท้าทายเช่นกัน
การนำ AI มาใช้งานจริงและโดยเฉพาะ Agentic AI ยังเพิ่งเริ่มต้น ซึ่งหมายถึงโอกาสการเติบโตยังมีอีกยาวไกล
แต่ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ก็อาจทำให้ผู้นำตลาดเดิมตกขบวนได้ หากไม่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และลงทุนในด้าน R&D ได้ทัน
และในอีกมุม กลุ่มซอฟต์แวร์ อาจเกิดการควบรวมกิจการ ทำให้บริษัทผู้นำยิ่งใหญ่ขึ้น และอาจกลืนกินผู้เล่นรายย่อยไป
ในฐานะนักลงทุน ต้องติดตามเทคโนโลยี, Customer Trend และนวัตกรรมของผู้เล่นหลักอย่างใกล้ชิด โดยอาศัยการพูดคุยกับผู้ใช้งานจริง (User) และใช้แหล่งข้อมูลเฉพาะทาง เช่น Reddit, YouTube เพื่อประกอบการวิเคราะห์การลงทุน
สำหรับตัวอย่างบริษัท Enterprise Software และ Cybersecurity ชั้นนำ ที่น่าสนใจ ไว้เป็นเช็กลิสต์ให้นักลงทุนไปทำการบ้านต่อ ก็เช่น
- Microsoft บริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI, มีผลิตภัณฑ์ Cloud อย่าง Azure และ Security เช่น Defender, Sentinel
- Salesforce เจ้าตลาดซอฟต์แวร์บริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)
- Oracle ผู้นำด้านฐานข้อมูลองค์กรและระบบ ERP
- Adobe เจ้าตลาดซอฟต์แวร์จัดทำ Content ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ และมี Business Software เบื้องหลัง
- Salesforce เจ้าตลาดซอฟต์แวร์บริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)
- Oracle ผู้นำด้านฐานข้อมูลองค์กรและระบบ ERP
- Adobe เจ้าตลาดซอฟต์แวร์จัดทำ Content ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ และมี Business Software เบื้องหลัง
- ServiceNow ผู้ให้บริการระบบ Workflow Automation ระดับองค์กร ที่ช่วยจัดการงาน, บุคลากร หรือปัญหาต่าง ๆ ภายในองค์กร
- Intuit ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ทางการเงินและภาษี สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
- AppLovin แพลตฟอร์มโฆษณาและการทำเงินจากแอปมือถือ ที่ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้
- Intuit ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ทางการเงินและภาษี สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
- AppLovin แพลตฟอร์มโฆษณาและการทำเงินจากแอปมือถือ ที่ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้
- CrowdStrike ผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบ Cloud ที่เน้นการป้องกันภัยคุกคามแบบ Real Time
- Palo Alto Networks ผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ครบวงจร
- Cadence ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และโซลูชันสำหรับออกแบบชิปเซมิคอนดักเตอร์
- Palo Alto Networks ผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ครบวงจร
- Cadence ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และโซลูชันสำหรับออกแบบชิปเซมิคอนดักเตอร์
สรุปแล้ว การลงทุนที่เกาะไปกับเทรนด์ AI ไม่ได้มีเพียงแค่การลงทุนในบริษัทที่ทำ GPU หรือ Cloud เท่านั้น
แต่โลกเรากำลังเข้าสู่ระยะที่สอง คือการนำ AI ไปใช้จริง
แต่โลกเรากำลังเข้าสู่ระยะที่สอง คือการนำ AI ไปใช้จริง
โดยมี Enterprise Software และ Cybersecurity เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการนำ AI ไปสร้างการเติบโตและมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้มากที่สุด..
—---------------------------

MEGA10CYBER ร่วมเป็นเจ้าของกับ 10 บริษัทเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software)
- กองทุนเปิด MEGA 10 CYBERSECURITY AND ENTERPRISE SOFTWARE ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10CYBER-A) และ กองทุนเปิด MEGA 10 CYBERSECURITY AND ENTERPRISE SOFTWARE เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10CYBERRMF) จะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งการพัฒนาและการให้บริการที่ถูกจัดกลุ่มอยู่ในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology ในกลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ประเภทซอฟต์แวร์และบริการ (Software & Services) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) หรือ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq Stock Market: NASDAQ)
กองทุนจะเลือกลงทุนในตราสารทุนของบริษัทข้างต้นในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย (Sub-Industry) ดังนี้
- บริการอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐาน (Internet Services & Infrastructure)
- ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน (Application Software)
- ซอฟต์แวร์ระบบ (Systems Software)

MEGA10CYBER ร่วมเป็นเจ้าของกับ 10 บริษัทเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software)
- กองทุนเปิด MEGA 10 CYBERSECURITY AND ENTERPRISE SOFTWARE ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10CYBER-A) และ กองทุนเปิด MEGA 10 CYBERSECURITY AND ENTERPRISE SOFTWARE เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10CYBERRMF) จะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งการพัฒนาและการให้บริการที่ถูกจัดกลุ่มอยู่ในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology ในกลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ประเภทซอฟต์แวร์และบริการ (Software & Services) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) หรือ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq Stock Market: NASDAQ)
กองทุนจะเลือกลงทุนในตราสารทุนของบริษัทข้างต้นในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย (Sub-Industry) ดังนี้
- บริการอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐาน (Internet Services & Infrastructure)
- ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน (Application Software)
- ซอฟต์แวร์ระบบ (Systems Software)
จากนั้นจะนำมาคัดเลือกบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุดจากการเรียงลำดับ และสภาพคล่องสูง
ดังนั้น กองทุนจึงมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology
ตัวอย่างบริษัทที่คาดว่า MEGA10CYBER-A และ MEGA10CYBERRMF จะเข้าไปลงทุน เช่น
- CrowdStrike เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ให้บริการ แพลตฟอร์มป้องกันภัยคุกคามแบบคลาวด์ เพื่อป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์
- Palo Alto Networks เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ครบวงจร ทั้ง Firewall, Cloud Security และ Threat Intelligence
- AppLovin แพลตฟอร์มโฆษณาและการทำเงินจากแอปมือถือ ให้บริการ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์
- Cadence บริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการ ซอฟต์แวร์ออกแบบวงจรรวม (Electronic Design Automation) และโซลูชันสำหรับ การจำลอง ออกแบบ และตรวจสอบชิปเซมิคอนดักเตอร์ ที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
- Intuit ซอฟต์แวร์การเงินและภาษีสำหรับบุคคล และธุรกิจขนาดเล็ก
- ServiceNow ระบบ Workflow Automation ระดับองค์กร ช่วยจัดการเรื่องบุคลากร และการให้บริการลูกค้าอัตโนมัติ
- Microsoft บริษัทซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ เจ้าของผลิตภัณฑ์ เช่น Windows, Office, Azure และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI เจ้าของ ChatGPT และมีธุรกิจโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น Microsoft Defender for Business, Microsoft Sentinel & Cloud Security และ Microsoft Purview
- Oracle เกี่ยวกับด้านฐานข้อมูลองค์กร ให้บริการระบบ ERP ใช้กันในองค์กรทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์กลุ่มความปลอดภัย เช่น Cloud Security Services และ Database & Infrastructure Security
- Salesforce มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงด้านซอฟต์แวร์บริหารลูกค้าสัมพันธ์ และบริการคลาวด์ด้านการขาย และการตลาด
- Adobe มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงด้านซอฟต์แวร์จัดทำคอนเทนต์ภาพนิ่ง และวิดีโอ
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส โทร. 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 หรือ เว็บไซต์ บลจ.ทาลิส และผู้สนับสนุนการขายหลายราย
การลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์
กองทุนไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีของกรมสรรพากร
ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลา นอกจากนี้จะต้องชำระเงินเพิ่ม และ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร
ที่มา : ข้อมูลแต่ละบริษัท ณ วันที่ 29 ต.ค. 2568