กลยุทธ์การบริหารคน เมื่อมีพนักงานหลาย Gen ในองค์กร

กลยุทธ์การบริหารคน เมื่อมีพนักงานหลาย Gen ในองค์กร

ฮิวแมนซอฟท์ x ลงทุนแมน
Generation หรือ ช่วงวัย ได้รับการหยิบยกมาพูดถึงมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะในบริบทของการทำงาน เพราะในออฟฟิศมักมีพนักงานหลากหลายช่วงวัยที่ทำงานร่วมกัน ด้วยการเติบโตมาในยุคที่มีสภาพสังคม เทคโนโลยี และค่านิยมต่างกัน ส่งผลให้มีมุมมองต่อการทำงานและการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้จะเป็นทั้ง “โอกาส” และ “ความท้าทาย” สำหรับองค์กร ดังนั้นการบริหารจัดการให้ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญ
การบริหารจัดการพนักงานหลาย Gen คืออะไร?
การบริหารจัดการพนักงานหลาย Gen หรือหลายช่วงวัย คือ การดูแลและจัดการทีมงานที่มีคนจากหลากหลายเจเนอเรชัน ไม่ว่าจะเป็น Baby Boomer, Gen X, Gen Y และ Gen Z ซึ่งแต่ละกลุ่มมีค่านิยม ทัศนคติ และรูปแบบการทำงานที่ต่างกัน ผู้บริหารหรือ HR อาจต้องให้ความสำคัญและทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ เพื่อปรับวิธีสื่อสาร สร้างแรงจูงใจ และวางระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เมื่อสามารถบริหารความหลากหลายนี้ได้ดี องค์กรจะได้ประโยชน์จากมุมมองที่หลากหลาย เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อยางดี
อย่าปล่อยให้ ออฟฟิศกลายเป็น “สนามรบของคนต่างวัย”
ความแตกต่างระหว่างเจเนอเรชันไม่ควรถูกปล่อยให้กลายเป็นความขัดแย้งในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Gen เช่น การที่คนรุ่นเก่ามองว่ารุ่นใหม่ไม่อดทน หรือคนรุ่นใหม่รู้สึกว่าคนรุ่นเก่าไม่เปิดใจรับฟัง ความเข้าใจผิดเล็ก ๆ เหล่านี้ หากไม่ถูกจัดการ อาจบานปลายจนส่งผลต่อบรรยากาศในทีมและประสิทธิภาพของงานได้ ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้แต่ละวัย “ขัดแย้ง” หรือ “ไม่เข้าใจ” กัน HR จึงต้องมีการรับมือและจัดการให้ดี บทความนี้มี 5 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้ HR สามารถนำไปบริหารจัดการกับพนักงานต่าง Gen เปลี่ยนสนามรบคนต่างวัย เป็นการนำความแตกต่างมาสร้างพลังพัฒนาองค์กร
5 กลยุทธ์สำคัญ ในการบริหารจัดการพนักงานต่าง Gen
1. เคารพและเข้าใจความแตกต่างซึ่งกันและกัน
เริ่มต้นจากการยอมรับว่าทุกเจเนอเรชันมีพื้นฐานการเติบโต ค่านิยม และมุมมองที่ไม่เหมือนกัน คนรุ่นเก่าอาจให้ความสำคัญกับวินัยและความมั่นคง ขณะที่รุ่นใหม่เน้นอิสระและการเติบโตเร็ว การเข้าใจและไม่ตัดสินกันด้วยมาตรฐานของตัวเอง จะช่วยให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่เปิดกว้างและเป็นมิตร
2. พยายามหาจุดที่เห็นด้วยเหมือนกัน
เปลี่ยนจากโฟกัสแต่ความต่าง เป็นมองหาสิ่งที่ทุกวัยมีเป้าหมายร่วมกัน เช่น การทำให้งานสำเร็จ หรือการพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น เมื่อทุกคนเห็นจุดร่วมเดียวกัน จะช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย และสร้างความรู้สึกว่า “เราคือทีมเดียวกัน”
3. พูดคุยสื่อสารกันให้มากขึ้น
ปัญหาส่วนใหญ่ในทีมหลายเจเนอเรชันมักเกิดจาก “เข้าใจไม่ตรงกัน” ดังนั้นการเปิดช่องทางสื่อสารที่ชัดเจน เช่น ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เวิร์กช็อป หรือแม้แต่การพูดคุยไม่เป็นทางการ จะช่วยให้แต่ละวัยได้อธิบายมุมมองของตนเอง และเรียนรู้ที่จะรับฟังกันมากขึ้น
4. สร้างกิจกรรมให้พนักงาน พี่สอนน้อง – น้องสอนพี่
กิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ เช่น การให้รุ่นพี่ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน ส่วนรุ่นน้องช่วยสอนเทคโนโลยีหรือแนวคิดใหม่ ๆ จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกมีคุณค่าและเห็นประโยชน์จากกันและกัน เกิดการเรียนรู้ร่วมกันแทนการเปรียบเทียบ
5. ปรับรูปแบบการให้รางวัลที่หลากหลาย
เพราะแต่ละเจเนอเรชันมอง “แรงจูงใจ” ต่างกัน บางคนให้ความสำคัญกับโบนัสหรือความมั่นคง ขณะที่บางคนต้องการเวลายืดหยุ่นหรือโอกาสเติบโต องค์กรจึงควรออกแบบระบบรางวัลที่ตอบโจทย์หลายรูปแบบ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกได้รับการยอมรับและอยากพัฒนาต่อไป
“ความต่างของแต่ละเจเนอเรชัน” ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องหลีกเลี่ยง แต่คือ “พลังที่สามารถต่อยอดได้” หากผู้นำมีความเข้าใจและรู้จักดึงจุดแข็งของแต่ละช่วงวัยออกมาใช้อย่างเหมาะสม เช่น รุ่นพี่มีประสบการณ์และมุมมองรอบด้าน ส่วนรุ่นใหม่มีความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เมื่อทั้งสองรุ่นได้ทำงานร่วมกันแบบเปิดใจและยืดหยุ่น ก็จะเกิดการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และเติมเต็มกันและกัน ส่งผลให้องค์กรมีทั้งความมั่นคงจากประสบการณ์และความทันสมัยจากนวัตกรรม สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารพนักงานต่าง Gen ได้ที่ >>>
5 วิธีรับมือกับ Generation Gap ช่องว่างระหว่างวัยในการทำงาน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon