
ทำไมอุตสาหกรรม Life Science ถึงกลายเป็น “สนามเศรษฐกิจใหม่ของโลก” ? หาคำตอบได้ในงาน Life Science Business Excellent Move Forum จาก Innobic
ทำไมอุตสาหกรรม Life Science ถึงกลายเป็น “สนามเศรษฐกิจใหม่ของโลก” ? หาคำตอบได้ในงาน Life Science Business Excellent Move Forum จาก Innobic / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x อินโนบิก (เอเซีย)
ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมที่กำลังกลายเป็น “สนามเศรษฐกิจใหม่ของโลก”
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ถูกจับตามองมากที่สุด ก็คือ Life Science หรืออุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ถูกจับตามองมากที่สุด ก็คือ Life Science หรืออุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต
เพราะนี่ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมการแพทย์แบบเดิม ๆ
แต่คือ “ระบบเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่” ที่เชื่อมตั้งแต่การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ เวชภัณฑ์ โภชนาการสุขภาพ ไปจนถึงนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้คนมี “อายุยืนขึ้น แข็งแรงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น”
แต่คือ “ระบบเศรษฐกิจสุขภาพยุคใหม่” ที่เชื่อมตั้งแต่การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ เวชภัณฑ์ โภชนาการสุขภาพ ไปจนถึงนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้คนมี “อายุยืนขึ้น แข็งแรงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น”
จึงไม่น่าแปลกใจ ทำไมหลายประเทศถึงเร่งผลักดัน Life Science ให้เป็น New S-Curve ตัวต่อไป เพราะอุตสาหกรรมนี้สามารถสร้างเศรษฐกิจใหม่ ดึงดูดการลงทุน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้พร้อมกัน
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อินโนบิก (เอเซีย) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้จัดงานสัมมนา “Innobic : Life Science Business Excellent Move Forum”
เพื่อตอกย้ำว่า ประเทศไทยเองก็มีศักยภาพมากพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในเวที Life Science ได้
เพื่อตอกย้ำว่า ประเทศไทยเองก็มีศักยภาพมากพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในเวที Life Science ได้
แล้วไฮไลต์สำคัญของงานนี้มีอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Session 1: OPENING THE DOOR TO AN EXCELLENT LIFE
- โดยคุณเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่งานนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด
- โดยคุณเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่งานนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด

วันนี้สุขภาพไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการแพทย์ แต่กลายเป็นโจทย์สำคัญของทุกประเทศ
เพราะโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ขณะที่ผู้คนใช้ชีวิตหนักขึ้น เครียดมากขึ้น และให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากกว่าในอดีต
เพราะโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ขณะที่ผู้คนใช้ชีวิตหนักขึ้น เครียดมากขึ้น และให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากกว่าในอดีต
ความต้องการด้านสุขภาพจึงเพิ่มขึ้น ทั้งในมิติของการดูแลตัวเอง การป้องกันล่วงหน้า ไปจนถึงบริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงง่ายและครบวงจร
แนวโน้มนี้กำลังผลักดันให้ระบบการแพทย์ขยับจากการรักษาเมื่อป่วย ไปสู่การคาดการณ์โรคล่วงหน้า การวินิจฉัยที่แม่นยำขึ้น และการรักษาแบบเฉพาะบุคคลในระดับพันธุกรรม
อินโนบิก (เอเซีย) ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ในฐานะบริษัทย่อยของกลุ่ม ปตท.
ด้วยภารกิจผลักดันประเทศไทยสู่ยุคใหม่ของธุรกิจ Life Science ผ่านแนวคิด Access to Excellent Life
ซึ่งกำหนดกรอบการทำงานไว้ 4 ด้าน ได้แก่
ด้วยภารกิจผลักดันประเทศไทยสู่ยุคใหม่ของธุรกิจ Life Science ผ่านแนวคิด Access to Excellent Life
ซึ่งกำหนดกรอบการทำงานไว้ 4 ด้าน ได้แก่
- Health ระบบสุขภาพที่ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันถึงการรักษา
- Expertise การพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และงานวิจัยที่นำไปใช้ได้จริง
- Wealth การสร้างอุตสาหกรรมมูลค่าสูงและโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่
- Life การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตได้เต็มศักยภาพ
- Expertise การพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และงานวิจัยที่นำไปใช้ได้จริง
- Wealth การสร้างอุตสาหกรรมมูลค่าสูงและโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่
- Life การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตได้เต็มศักยภาพ
คุณเชิดชัยอธิบายว่า เป้าหมายของอินโนบิก (เอเซีย) ไม่ได้อยู่ที่การทำธุรกิจสุขภาพแบบเดิม
แต่คือการสร้างระบบนิเวศ Life Science ที่เชื่อมตั้งแต่งานวิจัย เทคโนโลยี ไปจนถึงการนำไปใช้จริง
เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพแข่งขันในอุตสาหกรรมสุขภาพยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง
แต่คือการสร้างระบบนิเวศ Life Science ที่เชื่อมตั้งแต่งานวิจัย เทคโนโลยี ไปจนถึงการนำไปใช้จริง
เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพแข่งขันในอุตสาหกรรมสุขภาพยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง
โดยมีหลักคิดสำคัญคือ “The Best Science is Finding the Best Methods”
เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เกิดจากการทดลองอย่างเป็นระบบ
และการค้นหาวิธีที่แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ในทางปฏิบัติ
เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เกิดจากการทดลองอย่างเป็นระบบ
และการค้นหาวิธีที่แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ในทางปฏิบัติ
ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของอินโนบิก (เอเซีย) แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก
1. ธุรกิจยา (Pharma) มุ่งเน้นยาสำหรับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น มะเร็ง, หัวใจ และเบาหวาน
2. ธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ (Nutrition) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากงานวิจัยของอินโนบิก (เอเซีย) หรือความร่วมมือกับพันธมิตร
3. ธุรกิจการลงทุน (Investment) การลงทุนในธุรกิจ Life Science ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
4. ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation & Technology) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมร่วมกับเครือข่ายต่าง ๆ เช่น โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย
2. ธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ (Nutrition) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากงานวิจัยของอินโนบิก (เอเซีย) หรือความร่วมมือกับพันธมิตร
3. ธุรกิจการลงทุน (Investment) การลงทุนในธุรกิจ Life Science ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
4. ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation & Technology) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมร่วมกับเครือข่ายต่าง ๆ เช่น โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย
เมื่อครอบคลุมการทำงานทั้ง 4 ด้าน อินโนบิก (เอเซีย) จึงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเทคโนโลยี งานวิจัย และผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศ
เพื่อนำนวัตกรรมสุขภาพไปใช้ได้จริง และผลักดันให้ไทยก้าวสู่เวทีอุตสาหกรรม Life Science ระดับสากล
เพื่อนำนวัตกรรมสุขภาพไปใช้ได้จริง และผลักดันให้ไทยก้าวสู่เวทีอุตสาหกรรม Life Science ระดับสากล
เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด หลายคนอาจตั้งคำถามว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้กลุ่ม ปตท. ต้องก่อตั้ง “อินโนบิก (เอเซีย)” ขึ้นมา ? และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา อะไรคือปัจจัยที่ทำให้องค์กรนี้เติบโตได้รวดเร็วเช่นนี้ ?
Session 2: EXCELLENT DIRECTION: EVOLVING FROM ENERGY TO LIFE SCIENCE
- ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

เมื่อ ปตท. ต้องมองหา New S-Curve เพื่อนำพาประเทศสู่เศรษฐกิจยุคใหม่
คำถามแรกที่ผู้บริหารทุกคนต้องตอบให้ได้คือ “เรากำลังสร้างอนาคตแบบไหน และจะสร้างให้ใคร ?”
คำถามแรกที่ผู้บริหารทุกคนต้องตอบให้ได้คือ “เรากำลังสร้างอนาคตแบบไหน และจะสร้างให้ใคร ?”
คำถามนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนไทยกว่า 20% จะเป็นผู้สูงวัย ขณะที่ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ก็ยิ่งเสี่ยงขึ้น ทั้ง PM2.5 โรคอุบัติใหม่ ความเครียด และค่าใช้จ่ายทางสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทุกปี
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนไทยกว่า 20% จะเป็นผู้สูงวัย ขณะที่ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ก็ยิ่งเสี่ยงขึ้น ทั้ง PM2.5 โรคอุบัติใหม่ ความเครียด และค่าใช้จ่ายทางสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทุกปี
แม้กระแสสุขภาพกำลังกลายเป็นเมกะเทรนด์ แต่ระบบของเรายังเน้น “รักษาเมื่อป่วย” มากกว่า “ป้องกันไม่ให้ป่วย”
และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของคำตอบว่า ทำไมต้องมีอินโนบิก (เอเซีย)..
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ อธิบายไว้ชัดเจนว่า กลุ่ม ปตท. ไม่ได้ต้องการสร้างธุรกิจปลายน้ำ อย่างโรงพยาบาล
แต่ต้องการสร้าง “ต้นน้ำใหม่ทั้งระบบ” ให้สุขภาพของคนไทยแข็งแรงตั้งแต่จุดเริ่มต้น
แต่ต้องการสร้าง “ต้นน้ำใหม่ทั้งระบบ” ให้สุขภาพของคนไทยแข็งแรงตั้งแต่จุดเริ่มต้น
ต้นน้ำที่ว่าคือ องค์ความรู้ งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่จะทำให้ประเทศสร้าง Health Security ที่ยั่งยืนขึ้นในระยะยาว
เพราะธุรกิจยาและ Life Science เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ใช้เวลา ใช้ทุน และมี Value Chain ที่ซับซ้อน
และปัจจุบันกว่า 75% ของตลาด ยังถูกครองโดยบริษัทยาต่างชาติ
บริษัทไทยจำนวนมากยังมีสเกลไม่ใหญ่พอจะยกระดับทั้งอุตสาหกรรมได้เอง
และปัจจุบันกว่า 75% ของตลาด ยังถูกครองโดยบริษัทยาต่างชาติ
บริษัทไทยจำนวนมากยังมีสเกลไม่ใหญ่พอจะยกระดับทั้งอุตสาหกรรมได้เอง
นี่คือเหตุผลที่ ปตท. ต้องสร้าง “ผู้เล่นใหม่” เข้ามาปิดช่องว่างสำคัญนี้ และวางรากฐานอุตสาหกรรม Life Science ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างจริงจัง
แต่อย่างที่เห็นกันชัด หากยังใช้วิธีการทำธุรกิจแบบเดิม ประเทศไทยอาจต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะไล่ทันอุตสาหกรรม Life Science ของโลก
อินโนบิก (เอเซีย) จึงเลือก “เส้นทางลัดที่ถูกต้อง” ไม่ใช่รีบตั้งโรงงานผลิตทันที แต่เริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างพันธมิตรที่แข็งแรงก่อน ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
อินโนบิก (เอเซีย) จึงเลือก “เส้นทางลัดที่ถูกต้อง” ไม่ใช่รีบตั้งโรงงานผลิตทันที แต่เริ่มจากการวางโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างพันธมิตรที่แข็งแรงก่อน ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1. Open Innovation Platform
สร้างพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านยา การแพทย์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ร่วมกันทำงาน
ตั้งแต่สมาคมยา อุตสาหกรรม ไปจนถึงสถาบันด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อเร่งให้ประเทศไทยพัฒนาองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง
สร้างพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านยา การแพทย์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ร่วมกันทำงาน
ตั้งแต่สมาคมยา อุตสาหกรรม ไปจนถึงสถาบันด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อเร่งให้ประเทศไทยพัฒนาองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง
2. Expert Advisory Board
ดึงผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยาที่มีประสบการณ์กว่า 30-40 ปี
พร้อมอาจารย์แพทย์ชั้นนำ มาวางมาตรฐานและทิศทางที่ถูกต้องตั้งแต่วันแรก
เพื่อให้ทุกก้าวของอินโนบิก (เอเซีย) ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มั่นคงที่สุด
ดึงผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยาที่มีประสบการณ์กว่า 30-40 ปี
พร้อมอาจารย์แพทย์ชั้นนำ มาวางมาตรฐานและทิศทางที่ถูกต้องตั้งแต่วันแรก
เพื่อให้ทุกก้าวของอินโนบิก (เอเซีย) ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มั่นคงที่สุด
3. Partnership & Platform Strategy
เลือกจับมือกับพันธมิตรระดับโลก แทนการเริ่มทุกอย่างจากศูนย์
ไม่เพียงช่วยลดเวลาและลดความเสี่ยง แต่ยังทำให้ไทยเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยได้เร็วกว่าที่เคย
เลือกจับมือกับพันธมิตรระดับโลก แทนการเริ่มทุกอย่างจากศูนย์
ไม่เพียงช่วยลดเวลาและลดความเสี่ยง แต่ยังทำให้ไทยเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยได้เร็วกว่าที่เคย
ตัวอย่างพันธมิตรที่สำคัญ ได้แก่
- บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ Interpharma ซึ่งเชี่ยวชาญด้านโภชนเภสัช ภูมิคุ้มกัน และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเชิงป้องกัน
- บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบฆ่าเชื้อและอุปกรณ์การแพทย์ระดับโรงพยาบาล
- บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบฆ่าเชื้อและอุปกรณ์การแพทย์ระดับโรงพยาบาล
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่ออินโนบิก (เอเซีย) ตัดสินใจเข้าลงทุนใน Lotus Pharmaceutical หนึ่งในผู้ผลิตยาเฉพาะทางชั้นนำของไต้หวัน
อินโนบิก (เอเซีย) เริ่มจากการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ Lotus มูลค่าราว 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนจะร่วมกับพันธมิตรอย่าง Aztiq ในดีลขนาดใหญ่ ทำให้กลายเป็น “ผู้ถือหุ้นหลัก” ของ Lotus ในเวลาต่อมา
ปัจจุบันอินโนบิก (เอเซีย) ถือหุ้นประมาณ 37-38% ของบริษัท
ก่อนจะร่วมกับพันธมิตรอย่าง Aztiq ในดีลขนาดใหญ่ ทำให้กลายเป็น “ผู้ถือหุ้นหลัก” ของ Lotus ในเวลาต่อมา
ปัจจุบันอินโนบิก (เอเซีย) ถือหุ้นประมาณ 37-38% ของบริษัท
ที่น่าสนใจคือ Lotus Pharmaceutical เป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดยาจำเพาะ (Specialty Generics) โดดเด่นในกลุ่มโรคที่ถือเป็นทิศทางหลักของอุตสาหกรรมยาโลก ได้แก่
- ยาระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)
- ยาหัวใจและหลอดเลือด (CVS)
- ยามะเร็ง (Oncology)
- การดูแลสุขภาพสตรี (Women’s Health)
- รวมถึงยากลุ่มใหม่ที่เติบโตสูงอย่างยาลดน้ำหนัก Anti-Obesity
- ยาหัวใจและหลอดเลือด (CVS)
- ยามะเร็ง (Oncology)
- การดูแลสุขภาพสตรี (Women’s Health)
- รวมถึงยากลุ่มใหม่ที่เติบโตสูงอย่างยาลดน้ำหนัก Anti-Obesity
ดีลนี้ทำให้อินโนบิก (เอเซีย) “ยกระดับศักยภาพแบบก้าวกระโดด”
เพราะได้เข้าถึงแพลตฟอร์มยาเฉพาะทาง เทคโนโลยีการผลิต และความเชี่ยวชาญด้านการขึ้นทะเบียนในหลายประเทศ
ซึ่งปกติองค์กรต้องใช้เวลานานหลายปีในการพัฒนาเองตั้งแต่ต้น
เพราะได้เข้าถึงแพลตฟอร์มยาเฉพาะทาง เทคโนโลยีการผลิต และความเชี่ยวชาญด้านการขึ้นทะเบียนในหลายประเทศ
ซึ่งปกติองค์กรต้องใช้เวลานานหลายปีในการพัฒนาเองตั้งแต่ต้น
ที่สำคัญ Lotus Pharmaceutical มีตลาดหลักอยู่ในสหรัฐฯ
และยังเชื่อมโยงกับ Alvogen ผ่านโครงสร้างผู้ถือหุ้นของพันธมิตร ซึ่งมีโรงงานผลิตและเครือข่ายในสหรัฐฯ เช่นกัน
ทำให้ธุรกิจของ Lotus เติบโตอยู่บนทิศทางเดียวกับนโยบาย “สนับสนุนการผลิตยาในประเทศ (Made in USA)” ที่สหรัฐฯ กำลังผลักดันอย่างจริงจังในอุตสาหกรรมยา
และยังเชื่อมโยงกับ Alvogen ผ่านโครงสร้างผู้ถือหุ้นของพันธมิตร ซึ่งมีโรงงานผลิตและเครือข่ายในสหรัฐฯ เช่นกัน
ทำให้ธุรกิจของ Lotus เติบโตอยู่บนทิศทางเดียวกับนโยบาย “สนับสนุนการผลิตยาในประเทศ (Made in USA)” ที่สหรัฐฯ กำลังผลักดันอย่างจริงจังในอุตสาหกรรมยา
แต่คำถามที่หลายคนอยากรู้ต่อคือ แล้ว อินโนบิก (เอเซีย) จะเติบโตอย่างไรในอีก 5 ปีข้างหน้า ?
ก่อนจะตอบคำถามนี้ เราต้องย้อนกลับมาดู “ตัวตนขององค์กร” กันก่อน
ชื่อ Innobic มาจากคำว่า Innovation + Bio Science
สะท้อนหัวใจขององค์กรที่เชื่อในพลังของนวัตกรรมด้านสุขภาพ
ชื่อ Innobic มาจากคำว่า Innovation + Bio Science
สะท้อนหัวใจขององค์กรที่เชื่อในพลังของนวัตกรรมด้านสุขภาพ
ส่วนคำว่า Asia ที่เติมท้าย ก็เพราะอินโนบิกไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อดูแลเฉพาะคนไทย
แต่มีเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคในอนาคต
แต่มีเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคในอนาคต
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ อธิบายว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า
อินโนบิก (เอเซีย) ต้องเติบโตเป็น Global/Regional Life Science Company อย่างแท้จริง
ซึ่งหมายถึงการยกระดับตัวเองในหลายมิติ ได้แก่
อินโนบิก (เอเซีย) ต้องเติบโตเป็น Global/Regional Life Science Company อย่างแท้จริง
ซึ่งหมายถึงการยกระดับตัวเองในหลายมิติ ได้แก่
- ต้องมี Operational Excellence
หมายถึงการยกระดับมาตรฐานการทำงานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ R&D การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงการผลิตและซัปพลายเชน ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล
หมายถึงการยกระดับมาตรฐานการทำงานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ R&D การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงการผลิตและซัปพลายเชน ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล
- ต้องมีองค์ความรู้และเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง
ไม่ใช่เป็นเพียงนักลงทุนในธุรกิจสุขภาพ แต่ต้องสร้างความสามารถภายในองค์กร ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพัฒนายา
ไม่ใช่เป็นเพียงนักลงทุนในธุรกิจสุขภาพ แต่ต้องสร้างความสามารถภายในองค์กร ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพัฒนายา
- ต้องสามารถ Self-Finance ได้ในระยะยาว
คือการสร้างรายได้เพียงพอที่จะเติบโตด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการเพิ่มทุนจากบริษัทแม่ในอนาคต
คือการสร้างรายได้เพียงพอที่จะเติบโตด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการเพิ่มทุนจากบริษัทแม่ในอนาคต
และที่สำคัญที่สุด.. อินโนบิก (เอเซีย) ต้องเป็นบริษัทที่ “คนไทยเป็นเจ้าของ และภูมิใจได้จริง”
โดยหนึ่งในเป้าหมายระยะยาวของบริษัท คือการก้าวสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เพื่อยืนหยัดในฐานะองค์กร Life Science สัญชาติไทยที่สร้างคุณค่าด้านเทคโนโลยี สุขภาพ และเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
และเมื่อมองไปข้างหน้า การจะเติบโตเป็นบริษัทระดับภูมิภาค ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ
แต่ต้องเริ่มจาก “ตัวตนของแบรนด์” ที่ชัดเจน
จุดนี้เองจึงเป็นที่มาของการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของอินโนบิก (เอเซีย) ในปีนี้
แต่ต้องเริ่มจาก “ตัวตนของแบรนด์” ที่ชัดเจน
จุดนี้เองจึงเป็นที่มาของการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของอินโนบิก (เอเซีย) ในปีนี้
Session 3: EXCELLENT BRAND: REBRANDING FOR THE FUTURE
- ดร.ณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด
- ดร.ณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา อินโนบิก (เอเซีย) เติบโตผ่านทั้งความสำเร็จ ความท้าทาย และบทเรียนจากหลายประเทศ
จนถึงวันนี้ องค์กรได้สรุปทิศทางที่ชัดเจนขึ้นว่า การเติบโตระยะต่อไปต้อง “โฟกัสธุรกิจยา” เป็นแกนหลัก
จนถึงวันนี้ องค์กรได้สรุปทิศทางที่ชัดเจนขึ้นว่า การเติบโตระยะต่อไปต้อง “โฟกัสธุรกิจยา” เป็นแกนหลัก
การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนภาพลักษณ์ แต่คือการประกาศเฟสใหม่ขององค์กร
โลโกใหม่ถูกออกแบบด้วยเส้นสายคล้าย DNA
สื่อถึงความแม่นยำ ความก้าวหน้า และ “แก่นของ Life Science” ที่เป็นหัวใจของอินโนบิก (เอเซีย)
ขณะที่โทนสีที่คมชัดขึ้น ก็สะท้อนความตั้งใจในการก้าวสู่ยุคใหม่ของการเติบโต
โลโกใหม่ถูกออกแบบด้วยเส้นสายคล้าย DNA
สื่อถึงความแม่นยำ ความก้าวหน้า และ “แก่นของ Life Science” ที่เป็นหัวใจของอินโนบิก (เอเซีย)
ขณะที่โทนสีที่คมชัดขึ้น ก็สะท้อนความตั้งใจในการก้าวสู่ยุคใหม่ของการเติบโต
ดร.ณัฐ อธิวิทวัส อธิบายว่า อินโนบิก (เอเซีย) กำลังปรับบทบาทตัวเองให้ชัดเจนขึ้น
จากผู้เล่นหน้าใหม่ สู่การเป็น Regional Commercial Platform หรือ “ศูนย์กลางความร่วมมือและการเติบโตด้านสุขภาพของภูมิภาคเอเชีย”
จากผู้เล่นหน้าใหม่ สู่การเป็น Regional Commercial Platform หรือ “ศูนย์กลางความร่วมมือและการเติบโตด้านสุขภาพของภูมิภาคเอเชีย”
เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อินโนบิก (เอเซีย) ได้สั่งสมประสบการณ์สำคัญอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
- การลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านยาและสุขภาพ
- การเก็บสะสมองค์ความรู้จากหลายประเทศ
- การเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญและเครือข่ายระดับโลก
- รวมถึงการสร้างมาตรฐานธุรกิจที่ตอบโจทย์ตลาดยาแห่งอนาคต
- การเก็บสะสมองค์ความรู้จากหลายประเทศ
- การเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญและเครือข่ายระดับโลก
- รวมถึงการสร้างมาตรฐานธุรกิจที่ตอบโจทย์ตลาดยาแห่งอนาคต
ทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมให้แพลตฟอร์มของอินโนบิก (เอเซีย) แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางข้างหน้าอินโนบิก (เอเซีย) วางแผนขยายพอร์ตโฟลิโอยา ให้ครอบคลุม “โรคสำคัญของเอเชีย” ได้แก่
- โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular)
- โรคเมทาบอลิซึม (Metabolic)
- โรคมะเร็ง (Oncology)
- โรคเมทาบอลิซึม (Metabolic)
- โรคมะเร็ง (Oncology)

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจโภชนาการ (Nutrition) จะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมมากขึ้น
พร้อมขยายตลาดไปยัง มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์
เพื่อสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พร้อมขยายตลาดไปยัง มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์
เพื่อสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อทิศทางธุรกิจเริ่มชัดเจน อินโนบิก (เอเซีย) จึงกำหนดแนวคิดกลางในการขับเคลื่อนองค์กร
ภายใต้กรอบ “Access to Excellent Life” ซึ่งประกอบด้วยแก่นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
ภายใต้กรอบ “Access to Excellent Life” ซึ่งประกอบด้วยแก่นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
- ง่ายกว่า (Easier) เข้าถึงการดูแลสุขภาพและนวัตกรรมได้สะดวกขึ้น
- เร็วกว่า (Faster) มีความเร็วในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และตอบรับภัยสุขภาพ
- ดีกว่า (Better) มาตรฐาน นวัตกรรม และคุณภาพต้องเหนือกว่าเดิมในทุกมิติ
- เร็วกว่า (Faster) มีความเร็วในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และตอบรับภัยสุขภาพ
- ดีกว่า (Better) มาตรฐาน นวัตกรรม และคุณภาพต้องเหนือกว่าเดิมในทุกมิติ
ทีนี้ลองมาดูกันว่า ทำไมอินโนบิก (เอเซีย) จึงถูกมองว่าเป็นองค์กรที่มีศักยภาพครบ “ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ” ของอุตสาหกรรม Life Science อย่างแท้จริง
Session 4: ACCESS TO EXCELLENT LIFE: UPLIFTING LOCAL INNOVATION THROUGH STRATEGIC PARTNERSHIP
- ดร.ณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด
- คุณปัณณธร ทวีเทพไทกุล ผู้จัดการศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
- ภก.ประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน)
- ดร.ณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด
- คุณปัณณธร ทวีเทพไทกุล ผู้จัดการศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
- ภก.ประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน)

อย่างที่ได้กล่าวไป อินโนบิก (เอเซีย) ตั้งเป้าขับเคลื่อนนวัตกรรมภายใต้หลักคิด “ง่ายกว่า เร็วกว่า ดีกว่า”
และการจะทำให้เกิดขึ้นจริง จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่แข็งแรง ตั้งแต่งานวิจัยต้นน้ำ ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ปลายน้ำ ซึ่งเป็นที่มาของการร่วมงานกับ วว. (TISTR)
และการจะทำให้เกิดขึ้นจริง จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่แข็งแรง ตั้งแต่งานวิจัยต้นน้ำ ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ปลายน้ำ ซึ่งเป็นที่มาของการร่วมงานกับ วว. (TISTR)
คุณปัณณธร ทวีเทพไทกุล อธิบายว่า วว. เป็นหน่วยงานรัฐที่มีความเชี่ยวชาญด้านจุลินทรีย์มากว่า 20-30 ปี
และเป็นศูนย์เก็บจุลินทรีย์แห่งแรกของอาเซียน ฐานข้อมูลขนาดใหญ่เหล่านี้ถูกนำไปต่อยอดงานวิจัยด้านสุขภาพของไทยมาอย่างต่อเนื่อง
และเป็นศูนย์เก็บจุลินทรีย์แห่งแรกของอาเซียน ฐานข้อมูลขนาดใหญ่เหล่านี้ถูกนำไปต่อยอดงานวิจัยด้านสุขภาพของไทยมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ในอดีตงานวิจัยไทยกลับมักติด “คอขวดทางเทคโนโลยี”
ผลงานจำนวนมากไม่สามารถพัฒนาไปสู่เชิงพาณิชย์ได้
ผู้ประกอบการก็ยังไม่เห็นภาพว่าการใช้เทคโนโลยีสร้างมูลค่าได้อย่างไร
ขณะที่ Ecosystem ของประเทศยังไม่พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ในระดับอุตสาหกรรม
ผลงานจำนวนมากไม่สามารถพัฒนาไปสู่เชิงพาณิชย์ได้
ผู้ประกอบการก็ยังไม่เห็นภาพว่าการใช้เทคโนโลยีสร้างมูลค่าได้อย่างไร
ขณะที่ Ecosystem ของประเทศยังไม่พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ในระดับอุตสาหกรรม
สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนเมื่อ อินโนบิก (เอเซีย) เข้ามาช่วย “ต่อจิกซอว์” ที่เคยขาดหาย
ทำให้ภาครัฐ นักวิจัย และภาคธุรกิจมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้น
และทำให้งานวิจัยที่เคยอยู่แค่ในห้องทดลอง เริ่มเห็นเส้นทางไปสู่ผลิตภัณฑ์จริงอย่างเป็นรูปธรรม
ทำให้ภาครัฐ นักวิจัย และภาคธุรกิจมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้น
และทำให้งานวิจัยที่เคยอยู่แค่ในห้องทดลอง เริ่มเห็นเส้นทางไปสู่ผลิตภัณฑ์จริงอย่างเป็นรูปธรรม
ดร.ณัฐ อธิวิทวัส เสริมว่า จุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกับ วว.
เกิดจากโจทย์พื้นฐานที่สุดของคนไทย คือ “อาหารการกิน”
เพราะพฤติกรรมการบริโภคแบบเผ็ด เค็ม มัน และการใช้เครื่องเทศมาก
ทำให้โพรไบโอติกจากต่างประเทศหลายชนิด ไม่สอดคล้องกับ ระบบจุลินทรีย์ประจำถิ่นของคนไทย
เกิดจากโจทย์พื้นฐานที่สุดของคนไทย คือ “อาหารการกิน”
เพราะพฤติกรรมการบริโภคแบบเผ็ด เค็ม มัน และการใช้เครื่องเทศมาก
ทำให้โพรไบโอติกจากต่างประเทศหลายชนิด ไม่สอดคล้องกับ ระบบจุลินทรีย์ประจำถิ่นของคนไทย
อินโนบิก (เอเซีย) จึงร่วมกับ วว. พัฒนา “โพรไบโอติกสายพันธุ์ท้องถิ่น” ที่เหมาะกับคนไทยและคนในภูมิภาคนี้
โดยใช้ฐานข้อมูลจุลินทรีย์ที่ วว. สะสมมาเป็นหลายสิบปี
ก่อนจะร่วมกันคัดเลือกและทดสอบจนได้สายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูงต่อสุขภาพ
โดยใช้ฐานข้อมูลจุลินทรีย์ที่ วว. สะสมมาเป็นหลายสิบปี
ก่อนจะร่วมกันคัดเลือกและทดสอบจนได้สายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูงต่อสุขภาพ
หนึ่งในโจทย์สำคัญที่ทั้งสององค์กรร่วมกันแก้ไข คือ ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease)
ซึ่งพบมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง
เช่น ในสหรัฐฯ มีรายงานว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อคนต่อปี
ซึ่งพบมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง
เช่น ในสหรัฐฯ มีรายงานว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อคนต่อปี
ดังนั้น การค้นพบ Local Strain ที่ช่วยลดความเสี่ยงภาวะนี้ได้
จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนของความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ที่ “ต่อยอดได้จริง”
สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ทั้งด้านสุขภาพและศักยภาพเชิงพาณิชย์
จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนของความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ที่ “ต่อยอดได้จริง”
สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ทั้งด้านสุขภาพและศักยภาพเชิงพาณิชย์
และเมื่องานวิจัยพร้อมแล้ว ขั้นตอนสำคัญถัดมาคือ “ปลายน้ำ”
ที่จะทำให้นวัตกรรมจากห้องทดลองกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้จริง
ซึ่งบทบาทนี้ตรงกับศักยภาพของ ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล อย่างลงตัว
ที่จะทำให้นวัตกรรมจากห้องทดลองกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้จริง
ซึ่งบทบาทนี้ตรงกับศักยภาพของ ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล อย่างลงตัว
ภก.ประพล ฐานะโชติพันธ์ อธิบายว่า ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล เป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาและโภชนาการรายสำคัญของไทย
มีมาตรฐานการผลิต เครื่องจักร ห้องแล็บ และระบบควบคุมคุณภาพที่อยู่ในระดับสากล
มีมาตรฐานการผลิต เครื่องจักร ห้องแล็บ และระบบควบคุมคุณภาพที่อยู่ในระดับสากล
ตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล ได้สร้าง Health Ecosystem ขนาดใหญ่ ด้วยเครือข่ายคู่ค้าครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 10,000 จุดกระจายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น
- ร้านขายยา 7,985 แห่ง
- คลินิก 3,487 แห่ง
- โมเดิร์นเทรด 383 สาขา
- โรงพยาบาล 1,358 แห่ง
- คลินิก 3,487 แห่ง
- โมเดิร์นเทรด 383 สาขา
- โรงพยาบาล 1,358 แห่ง
นอกจากนี้ ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล ยังมีตัวแทนจัดจำหน่ายในต่างประเทศ กว่า 102 รายทั่วโลก
จึงสามารถนำนวัตกรรมจากต้นน้ำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และพร้อมรองรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ทันที
จึงสามารถนำนวัตกรรมจากต้นน้ำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และพร้อมรองรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ทันที
และหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญตัวแรกคือ โพรไบโอติกป้องกันภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งมีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาส 2 ปี 2026
ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็น ภาพของ “ต้นน้ำ-ปลายน้ำ” อย่างครบถ้วน ตั้งแต่งานวิจัยในห้องทดลอง การพัฒนาเชิงวิทยาศาสตร์ การผลิตในระดับอุตสาหกรรม ไปจนถึงการกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้จริง
อย่างไรก็ดี แม้ภาวะไขมันพอกตับจะเป็นหนึ่งในโรคสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข แต่อีกกลุ่มโรคที่ไม่อาจมองข้ามได้คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก และยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรในหลายประเทศ อีกด้วย
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก และยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรในหลายประเทศ อีกด้วย
Session 5: EXCELLENT CARE: PROMISING SOLUTION FOR NCD PATIENTS
- ผศ.นพ.สิระ กอไพศาล ผู้ช่วยศาสตราจารย์และแพทย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- ภญ.นฤมน สู่วงศ์บุตร Head of Commercial บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด
- Ms. Shin Hyoung Kim Global Business Team, Daewoong Pharmaceutical
- ผศ.นพ.สิระ กอไพศาล ผู้ช่วยศาสตราจารย์และแพทย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- ภญ.นฤมน สู่วงศ์บุตร Head of Commercial บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด
- Ms. Shin Hyoung Kim Global Business Team, Daewoong Pharmaceutical

ผศ.นพ.สิระ กอไพศาล ชี้ให้เห็นว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ไม่ได้เป็นแค่โรคที่มากับอายุ แต่กำลังก้าวสู่ “วิกฤติเงียบระดับโลก” ที่ค่อย ๆ บั่นทอนคุณภาพชีวิตของผู้คน และทำให้การมีชีวิตที่ดีห่างออกไปเรื่อย ๆ
เพราะ NCDs ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากปัจจัยสะสมตั้งแต่พันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิต อาหาร ความเครียด ไปจนถึงสภาพแวดล้อมที่เราเผชิญทุกวัน
ปัจจัยเหล่านี้สั่งสมเป็นเวลาหลายปีก่อนจะเริ่มแสดงอาการ และกลายเป็นภาระค่าใช้จ่าย ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง และข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ปัจจัยเหล่านี้สั่งสมเป็นเวลาหลายปีก่อนจะเริ่มแสดงอาการ และกลายเป็นภาระค่าใช้จ่าย ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง และข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
และเมื่อขยับไปดูภาพระดับโลก ก็ยิ่งเห็นชัดว่าปัญหานี้กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
โดยข้อมูลปี 2022 ระบุว่า มีประชากรกว่า 1,000 ล้านคนอยู่ในภาวะโรคอ้วน
และหากแนวโน้มยังเป็นเช่นเดิม ภายในปี 2035 ตัวเลขอาจแตะ 2,000 ล้านคน
โดยข้อมูลปี 2022 ระบุว่า มีประชากรกว่า 1,000 ล้านคนอยู่ในภาวะโรคอ้วน
และหากแนวโน้มยังเป็นเช่นเดิม ภายในปี 2035 ตัวเลขอาจแตะ 2,000 ล้านคน
พูดง่าย ๆ คือ ภายใน 10 ปีข้างหน้า 1 ใน 4 ของประชากรโลกอาจอยู่ในภาวะโรคอ้วน
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเบาหวานชนิดที่ 2 และเป็นจุดเริ่มต้นของโรค NCDs ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกประเทศ
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเบาหวานชนิดที่ 2 และเป็นจุดเริ่มต้นของโรค NCDs ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกประเทศ
เมื่อจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แนวทางการรักษาเบาหวานจึงต้องพัฒนาตามให้ทัน..
แม้งานวิจัยจะยืนยันว่าการควบคุมน้ำตาลมีประโยชน์มากในผู้ป่วยระยะแรก แต่สำหรับผู้ที่เป็นมานาน 5-10 ปี การควบคุมน้ำตาลเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ หลอดเลือด หรือภาวะ Stroke ได้อย่างเพียงพอ
จนกระทั่งปี 2015 ที่มียากลุ่มใหม่ SGLT2 Inhibitor ออกมา ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการรักษาเบาหวานยุคใหม่ เพราะช่วยลดความเสี่ยงด้านหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ในผู้ป่วยที่อยู่กับโรคมายาวนานก็ตาม
ปัญหาคือ ยานวัตกรรมแบบนี้มักใช้เวลานานกว่าจะเข้าถึงผู้ป่วยในหลายประเทศ ทำให้ช่องว่างของการรักษายังคงเป็นโจทย์ใหญ่ของระบบสุขภาพทั่วโลก
และนี่จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างอินโนบิก (เอเซีย) และ Daewoong Pharmaceutical โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ ทำให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้เร็วขึ้น ไม่ต้องรอเป็น 10 ปีเหมือนในอดีต
ภญ.นฤมน สู่วงศ์บุตร กล่าวเสริมว่า ต่อให้เทคโนโลยีสุขภาพก้าวหน้าเพียงใด หากคนไทยยังมีภาระโรค NCDs สูง โอกาสไปถึง Excellent Life ก็ยังเป็นเรื่องท้าทาย
อินโนบิก (เอเซีย) จึงมุ่งยกระดับทางเลือกการรักษาโรคเรื้อรัง ผ่านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ป่วย NCDs โดยยึดหลัก Excellent Care เป็นแกนสำคัญ
อินโนบิก (เอเซีย) จึงมุ่งยกระดับทางเลือกการรักษาโรคเรื้อรัง ผ่านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ป่วย NCDs โดยยึดหลัก Excellent Care เป็นแกนสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การพัฒนายาในกลุ่มโรคเรื้อรังเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ตั้งแต่งานวิจัยต้นน้ำ การพิสูจน์ประสิทธิภาพ การทำ Clinical Trial จนถึงการขึ้นทะเบียนยา
ซึ่งต้องใช้เวลา ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้การร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด
ซึ่งต้องใช้เวลา ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้การร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด
หนึ่งในพันธมิตรสำคัญคือ Daewoong Pharmaceutical บริษัทจากเกาหลีใต้ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1945 และมีประสบการณ์กว่า 80 ปีในการพัฒนายาเฉพาะทาง โดยเฉพาะกลุ่มโรคเรื้อรัง
ที่สำคัญ Daewoong เป็นผู้พัฒนายากลุ่ม SGLT2 Inhibitor ชื่อ Envlo (Enavogliflozin) ซึ่งได้รับอนุมัติในเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 สำหรับรักษาเบาหวานชนิดที่ 2
แล้วอะไรคือเหตุผลที่ Daewoong Pharmaceutical ตัดสินใจร่วมงานกับ อินโนบิก (เอเซีย) ?
Ms. Shin Hyoung Kim เล่าว่า คำตอบชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่ได้พูดคุยกัน เพราะอินโนบิก (เอเซีย) ไม่ได้มองธุรกิจสุขภาพแบบผิวเผิน หรือเพียงต้องการเพิ่มสินค้าในพอร์ต
แต่กำลังสร้าง “อนาคตของอุตสาหกรรมสุขภาพไทย” ด้วยวิสัยทัศน์ที่ลึกถึงระดับระบบนิเวศ เข้าใจทั้งตลาด ผู้ป่วย และเส้นทางการรักษาอย่างแท้จริง
แต่กำลังสร้าง “อนาคตของอุตสาหกรรมสุขภาพไทย” ด้วยวิสัยทัศน์ที่ลึกถึงระดับระบบนิเวศ เข้าใจทั้งตลาด ผู้ป่วย และเส้นทางการรักษาอย่างแท้จริง
อีกเหตุผลสำคัญคือ ความเป็นมืออาชีพของทีมงานทุกระดับ ทำให้ Daewoong มั่นใจว่าอินโนบิก (เอเซีย) คือพาร์ตเนอร์ที่สามารถเดินไปด้วยกันได้ในระยะยาว
และวันนี้ ผลลัพธ์ของความร่วมมือเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ผลิตภัณฑ์ตัวแรกผ่านการขึ้นทะเบียนและเดินทางมาถึงประเทศไทยเรียบร้อย
พร้อมวางจำหน่ายในโรงพยาบาลภายในเดือนหน้า เป็นยากลุ่มเบาหวานรุ่นใหม่ที่ผ่าน Clinical Trial ครบทุกเฟส
ทั้งหมดนี้ คือก้าวแรก แต่เป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งของอินโนบิก (เอเซีย) ในการยกระดับการดูแลผู้ป่วย NCDs ของไทย และพิสูจน์ว่าคำว่า Excellent Life ไม่ได้เป็นแค่แนวคิดสวยงาม แต่กำลังเกิดขึ้นจริงในระบบสุขภาพของประเทศ
สุดท้าย ดร.ณัฐ อธิวิทวัส กล่าวปิดท้ายว่า
วันนี้โลกสุขภาพเปลี่ยนเร็วกว่าเดิมมาก ทั้งโรคที่พัฒนาไวขึ้น ความเครียดสะสม และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ
ทั้งหมดนี้ทำให้สุขภาพของสังคมไทยเปราะบางกว่าเดิมอย่างชัดเจน
วันนี้โลกสุขภาพเปลี่ยนเร็วกว่าเดิมมาก ทั้งโรคที่พัฒนาไวขึ้น ความเครียดสะสม และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ
ทั้งหมดนี้ทำให้สุขภาพของสังคมไทยเปราะบางกว่าเดิมอย่างชัดเจน
ท่ามกลางความท้าทายนี้ อินโนบิก (เอเซีย) เชื่อว่า แค่พัฒนายาหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป
ประเทศไทยต้องการ “ระบบสุขภาพรูปแบบใหม่”
ที่ดูแลคนไทยตลอดเส้นทาง ตั้งแต่การป้องกัน การเฝ้าระวัง การรักษา ไปจนถึงการเข้าถึงบริการคุณภาพอย่างเท่าเทียม
ประเทศไทยต้องการ “ระบบสุขภาพรูปแบบใหม่”
ที่ดูแลคนไทยตลอดเส้นทาง ตั้งแต่การป้องกัน การเฝ้าระวัง การรักษา ไปจนถึงการเข้าถึงบริการคุณภาพอย่างเท่าเทียม
เพราะเป้าหมายของอินโนบิก (เอเซีย) ไม่ได้อยู่ที่การเป็นผู้นำธุรกิจ Life Science
แต่คือการทำให้คนไทยทุกคน “เข้าถึงชีวิตที่ดีกว่า” หรือ Access to Excellent Life อย่างแท้จริง นั่นเอง..
แต่คือการทำให้คนไทยทุกคน “เข้าถึงชีวิตที่ดีกว่า” หรือ Access to Excellent Life อย่างแท้จริง นั่นเอง..
Reference
- สรุปสัมมนา “Innobic : Life Science Business Excellent Move Forum” โดย ลงทุนแมน
- สรุปสัมมนา “Innobic : Life Science Business Excellent Move Forum” โดย ลงทุนแมน