KTB รับบท Settlement Bank ไทย-จีน ช่วยร้านค้ารับเงินจากนักท่องเที่ยว ผ่านระบบ PromptPay / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x KTB
แต่เดิม Alipay แจ้งเกิดในฐานะ Mobile Payment รองรับการจ่ายเงินผ่านการสแกนด้วยสมาร์ตโฟน
ก่อนขยายรูปแบบบริการทางการเงินครอบคลุมทั้งสินเชื่อรายบุคคล และ SMEs, บริการเกี่ยวกับการลงทุน (Wealth Management), ธนาคารออนไลน์, การประเมินเครดิต ฯลฯ ภายใต้อาณาจักร Ant Group

จนมาถึงวันนี้ ดูเหมือนว่า Ant Group จะกำลังไปไกลเกินกว่าแค่อุตสาหกรรมการเงินแล้ว
สังเกตจากการขยายอาณาจักรตนเองไปสู่โลก AI รวมทั้งอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งกลุ่ม Lifestyle, Financial, Healthcare และ Robotics

แต่แม้จะไปไกลแค่ไหน..
Digital Payment ยังคงเป็นความแข็งแกร่งหลักที่ Ant Group ไม่เคยทิ้งไปไหน

อะไรทำให้ Ant Group ยืนหัวแถวต่อไป ?
แล้ว KTB ธนาคารชั้นนำของไทยเกี่ยวข้องอย่างไรกับ Alipay ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ก่อนหน้านี้ Ant Group มีหน่วยงานระหว่างประเทศในนาม Ant International
แต่ในปี 2024 บริษัทก็ได้ถูก Spin-Off ให้เป็นหน่วยงานอิสระ มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ เพื่อดำเนินงานทั่วเอเชีย, ยุโรป, ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา

ทีนี้ ถ้าสังเกตโครงสร้างโซลูชันการชำระเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีทางการเงินของ Ant International
จะพบว่ามีบริการครอบคลุมรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น

Antom ที่คล้ายเป็น Online Payment Gateway รองรับธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการรับชำระเงินทั่วโลก

WorldFirst ที่คล้ายเป็น World Account ที่มีเพียงบัญชีเดียวก็สามารถรองรับการรับจ่ายหลายสกุลเงิน ตอบโจทย์ธุรกิจที่มีลูกค้า หรือซัปพลายเออร์ ในหลายประเทศ

Bettr ที่ช่วยให้การขอสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง กลายเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ และรวดเร็ว

ที่ขาดไม่ได้เลยคือบริการที่ดูจะใกล้ตัวเรามากที่สุด นั่นก็คือ Alipay

รู้หรือไม่ ปี 2024 มีการเดินทางระหว่างไทย-จีนกว่า 8.8 ล้านคน
มาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 มีชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยเหลือเพียง 2.3 ล้านคน

แม้จำนวนจะลดลง แต่ก็มีศักยภาพการใช้จ่ายสูง

นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 6,600 บาทต่อวัน
และยังมาพร้อมกับพฤติกรรม Cashless ที่ใช้จ่ายด้วยสมาร์ตโฟนเป็นช่องทางหลัก

เลยไม่แปลกใจ ถ้าไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ชาวจีนใช้ Alipay มากที่สุด

ทีนี้ถ้าถามว่า ประเทศไทยควรทำอย่างไร เพื่อให้การรับชำระเงินกับจีนไร้รอยต่อมากที่สุด ?

หนึ่งในคำตอบนั้นก็คือ การตั้งธนาคารตัวกลางที่เรียกว่า Settlement Bank ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบการชำระเงินระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน

ผู้ได้รับหน้าที่นั้นก็คือ ธนาคารกรุงไทย (KTB)
ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) และ Ant International

อธิบายหน้าที่ Settlement Bank ของ KTB ง่าย ๆ ก็คือเชื่อมต่อระบบการชำระเงินระหว่างไทยกับจีน

เมื่อคนจีนสแกนจ่ายด้วย Alipay ในประเทศไทย เงินจะถูกเคลียร์เข้าร้านค้าในไทยผ่าน KTB
ขณะเดียวกันเมื่อคนไทยไปเที่ยวจีน แล้วสแกน Alipay+ QR ทาง KTB จะทำหน้าที่เคลียร์เงินข้ามประเทศด้วยเช่นกัน

ที่น่าสนใจคือ ล่าสุด KTB ยังจับมือ Alipay (Ant International)
เปิดให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ข้ามพรมแดนไทย-จีน ตั้งแต่ 30 ต.ค. เป็นต้นมา

นักท่องเที่ยวจีน สามารถใช้ Alipay, WeChat Pay และ UnionPay สแกน PromptPay QR
จ่ายค่าสินค้าและบริการในร้านค้าได้โดยตรง โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ เลย

ถึงตรงนี้ ถ้ามองให้ลึกลงไปแล้ว..

ไม่ใช่แค่ “นักท่องเที่ยวจีน” ที่ได้รับประโยชน์จากความคล่องตัวในการใช้จ่าย

แต่ “ร้านค้าถุงเงิน” ที่ลงทะเบียนมี QR PromptPay กว่า 2,600,000 ร้านทั่วประเทศ
ก็กำลังเข้าสู่ระบบ Cross-Border QR โดยอัตโนมัติ และสามารถรับเงินสแกนจ่ายค่าสินค้าและบริการโดยตรงได้ทันที

ทุกธุรกรรมตรวจสอบย้อนหลังได้ตามมาตรฐานไทย-จีน

เงินถูกโอนเข้าบัญชีร้านค้าไทย แบบเรียลไทม์เป็นสกุลบาท

ที่สำคัญ ร้านค้าคนไทยจะได้รับเงินเต็มจำนวน ไม่มีค่าธรรมเนียม 1%-2.5% อีกต่อไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นร้านค้ารายย่อยในตลาด, ถนนคนเดิน หรือพื้นที่ห่างไกล
ก็มีโอกาสรับเงินจากนักท่องเที่ยวจีนได้ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเลย

พูดง่าย ๆ ว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยโดยตรง นั่นเอง

เรื่องนี้ยังสอดคล้องกับ Mission ของ KTB ด้วย

เพราะในวันนี้ KTB ไม่ได้เป็นเพียงธนาคารพาณิชย์ทั่วไป
แต่ต้องการขยายเป้าหมายไปสู่ การทำอย่างไรให้ประเทศไทยดีขึ้น

เช่นเดียวกับการจับมือกับ Alipay (Ant International) ในครั้งนี้ ประเทศไทยกำลังได้รับประโยชน์ไม่น้อย

- รายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ไหลสู่ท้องถิ่นทั่วประเทศ
- ยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ด้วยการเชื่อมกับแพลตฟอร์มระดับโลก
- ชื่อเสียงประเทศไทย การันตีความพร้อมด้าน Digital Payment Infrastructure

ซึ่งอาจพูดได้ว่า ยิงปืนนัดเดียว กำลังได้นกถึง 3 ตัว..