ทำไม บริษัทญี่ปุ่นไม่ชอบขึ้นราคาสินค้า แม้ว่าใกล้ขาดทุนแล้วก็ตาม

ทำไม บริษัทญี่ปุ่นไม่ชอบขึ้นราคาสินค้า แม้ว่าใกล้ขาดทุนแล้วก็ตาม

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบ่อยครั้งที่บริษัทญี่ปุ่นปรับราคาสินค้าสูงขึ้น มักจะต้องออกมาขอโทษอย่างจริงจัง แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น และเพิ่มราคาเพียงเล็กน้อยก็ตาม ตัวอย่างเช่น
- บริษัท Akagi Nyugyo ผู้ผลิตไอศกรีมอย่าง GariGarikun ที่ซีอีโอและพนักงานก้มศีรษะขอโทษ หลังขึ้นราคาสินค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี จาก 60 เยนเป็น 70 เยน หรือเพิ่มประมาณ 2 บาท
- บริษัท Chirin Confectionery แบรนด์ลูกอม ก็ปล่อยรูปแมสคอตของแบรนด์กำลังโค้งคำนับ เพื่อขอโทษที่ขึ้นราคาสินค้าเป็น 30 เยนจาก 20 เยน ในรอบ 38 ปี
- บริษัท Yaokin เจ้าของแบรนด์ขนมอุไมโบ เพิ่มราคาขนมจาก 10 เยนเป็น 12 เยน ก็ต้องออกแคมเปญโฆษณาเพื่ออธิบายเหตุผลในการขึ้นราคา
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นหนักใจในการขึ้นราคา ทั้ง ๆ ที่มีความจำเป็น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าอยากรู้ที่มาของปรากฏการณ์นี้ ต้องมองย้อนกลับไปตั้งแต่ทศวรรษ 1990 จะพบว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่แทบอยู่ในภาวะเงินฝืด หรืออัตราเงินเฟ้อต่ำมากมาโดยตลอด
ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 4 ปีเท่านั้น ที่อัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 2% ขณะที่ปีที่เหลืออัตราเงินเฟ้อต่ำกว่านั้น และหลายครั้งติดลบ จนนับว่ากลายเป็นเรื่องปกติของประเทศนี้ไปแล้ว สวนทางกับประเทศอื่น ๆ ที่มักจะอยู่ในภาวะเงินเฟ้อมาตลอด
เมื่อราคาสินค้าไม่เคยขึ้น และมีแนวโน้มจะถูกลงจากภาวะเงินฝืด เป็นเวลานานขนาดนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนญี่ปุ่นคุ้นชินกับการที่ราคาสินค้าจะต้องคงที่อยู่เสมอ หากขึ้นราคาก็จะรู้สึกว่าสินค้าแพงทันที เพราะค่าแรงก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น และพร้อมจะหันไปหาทางเลือกใหม่ที่มีราคาที่ถูกกว่า
ด้วยกรอบความคิดนี้เอง บริษัทจึงถูกบีบให้พยายามหาทางตัดลดต้นทุนภายในก่อนเสมอ แทนการขึ้นราคา เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ที่ส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นยากที่จะขึ้นราคาคือ ปรัชญาการทำธุรกิจของคนญี่ปุ่น อย่าง Okyaku-sama wa Kami-sama desu ที่มีความหมายว่า ลูกค้าคือพระเจ้า
เมื่อปรัชญาเป็นแบบนี้ ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกว่าการขึ้นราคาสินค้า แม้จะเป็นเพราะต้นทุนสูงขึ้น ก็ยังถูกมองว่า เป็นความล้มเหลวในการบริหารจัดการของบริษัทเอง แต่กลับผลักภาระให้ลูกค้า
ดังนั้นเมื่อจำเป็นต้องขึ้นราคาจริง ๆ เราเลยเห็นบริษัทมักจะออกแถลงการณ์ที่เต็มไปด้วยการขอโทษ และอธิบายถึงสถานการณ์อย่างละเอียดสุด ๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไม่เต็มใจในการตัดสินใจครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากปี 2022 ญี่ปุ่นได้เข้าสู่ยุคที่การขึ้นราคากลายเป็นเรื่องจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วย 2 ปัจจัยหลักคือ
ค่าเงินเยนอ่อนสุดขีด โดยอ่อนสุดในรอบ 20 กว่าปีเลย พอเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้ต้นทุนในการนำเข้าสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน หรือวัตถุดิบต่าง ๆ พุ่งสูงขึ้นจนบริษัทแบกรับไม่ไหวอีกแล้ว
เล่าให้เห็นภาพ 5 ปีก่อน ถ้าวัตถุดิบนำเข้ามีราคา 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ บริษัทจะจ่ายเพียง 104,010 เยน แต่ปัจจุบันต่อให้ราคาวัตถุดิบไม่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยค่าเงิน ณ เวลานี้ บริษัทจะต้องจ่าย 155,703 เยน หรือเพิ่มถึง 49.7%
จากตัวอย่างก็คงพอสรุปได้ว่า ขนาดไม่คิดค่าเงินเฟ้อ ต้นทุนยังสูงขึ้นแบบเห็นได้ชัด
และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ต้นทุนสูงก็คือ การปรับขึ้นค่าจ้าง
ซึ่งที่ผ่านมาค่าจ้างของคนญี่ปุ่นแทบไม่ขยับเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจากองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) บอกว่า รายได้ต่อปีต่อหัวของคนญี่ปุ่นปี 1991 เฉลี่ยอยู่ที่ 37,866 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับปี 2021 เฉลี่ยอยู่ที่ 39,711 ดอลลาร์สหรัฐ
คำนวณแล้วเพิ่มขึ้นเพียง 5% เท่านั้นในรอบ 30 ปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ไม่สามารถคงค่าจ้างได้อีกแล้ว เพราะญี่ปุ่นกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง และภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายบริษัทต้องยอมขึ้นค่าจ้างในที่สุด
เมื่อ 2 อย่างนี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ทำให้ลดต้นทุนเท่าไรก็ไม่เพียงพอต่อการตรึงราคาสินค้าได้อีกแล้ว
แต่ด้วยปรากฏการณ์การขึ้นค่าแรงนี่เอง คนญี่ปุ่นยอมรับการขึ้นราคาได้มากขึ้น ไม่เกิดกระแสต่อต้านอย่างที่เคยเป็น
สะท้อนได้จากผลสำรวจของผู้คนใน 5 ปีก่อน ที่ส่วนใหญ่บอกว่า จะเปลี่ยนซูเปอร์มาร์เก็ต หากราคาสูงขึ้น 10% แต่ปัจจุบันคำตอบกลับกลายเป็นว่า จะยังคงซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตเดิม แม้ว่าราคาจะเพิ่มก็ตาม
บริษัทต่าง ๆ เลยมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมานาน
และจากเรื่องทั้งหมดนี้ เราก็น่าจะเห็นบริษัทญี่ปุ่นต่าง ๆ เริ่มพากันปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้น ที่แม้จะไม่ดีต่อผู้บริโภคอย่างเรา แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีของบริษัทสัญชาตินี้ ที่สามารถขึ้นราคาเพื่อให้ธุรกิจรอดต่อไปได้อย่างสบายใจขึ้นสักที..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon