จาก Festive Campaign สู่ Market Phenomenon ถอดสูตรความสำเร็จแคมเปญ “The Magical Stars” ที่ เซ็นทรัลพัฒนา ใช้ประสบการณ์และอินไซต์ สร้างความสำเร็จร่วมกับพาร์ตเนอร์ในทุกมิติ / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x เซ็นทรัลพัฒนา

ถ้าถามว่าแคมเปญส่งท้ายปี 2025 ที่สร้าง “Talk of the Town” จนกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือแคมเปญอะไร ?

คำตอบคงหนีไม่พ้น “The Magical Stars”

ซูเปอร์แคมเปญที่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ประเทศไทย ทุ่มงบกว่า 800 ล้านบาท สร้างสรรค์ขึ้นมา

โดยแคมเปญนี้ ไม่ได้ยิ่งใหญ่เพียงแค่เรื่องตัวเลขงบประมาณ หรือการเนรมิต 4 อาณาจักรเทพนิยายธีมดิสนีย์เท่านั้น

แต่ยังมอบความสำเร็จอันเป็นรูปธรรม ให้แก่พาร์ตเนอร์ทั้ง 20 แบรนด์ ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ชั้นนำของไทย จากการเข้าร่วมแคมเปญ The Magical Stars อีกด้วย

The Magical Stars สร้างความสำเร็จให้กับเหล่าพาร์ตเนอร์อย่างไรบ้าง ?
ทำไมถึงเป็นเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะผู้นำด้าน Holistic Partnership
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

เบื้องหลังแคมเปญ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข ด้วย 4 อาณาจักร Magic Storyland จำลองโลกเทพนิยายจากดิสนีย์ ได้แก่

- ต้นคริสต์มาสอัตลักษณ์ไทย - The Magical Thai Pride ต้นคริสต์มาสหนึ่งเดียวในโลกที่รังสรรค์จากฝีมือชุมชนทั่วประเทศ พร้อมด้วย “Mickey และ Minnie” สูง 3 เมตร ในชุดผ้าไทย ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ไทยเข้ากับเสน่ห์ของดิสนีย์
- Disney The Magical Stars 2026 at centralwOrld จุดหมายปลายทางแห่งการเฉลิมฉลองระดับโลก รวมคาแรกเตอร์ดิสนีย์ สุดฮิตทั่วโลกไว้ในที่เดียว บนพื้นที่กว่า 3,500 ตารางเมตร
- Magic Town ธีม Mickey & Friends ที่เซ็นทรัล 24 สาขา
- Magic Castle ปราสาทจำลองของเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ ที่เซ็นทรัล 17 สาขา

โดยการจัดงานครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานอิเวนต์ทั่วไป

แต่เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยช่วงปลายปี ผ่านแนวคิด “Festival Economy” ที่ปลุกบรรยากาศท่องเที่ยวให้คึกคัก เชื่อมโยงความสุขจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ

ถ้าจะบอกว่า The Magical Stars เป็นปรากฏการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก็คงไม่เกินจริง

เริ่มต้นจากตัวเลขที่น่าทึ่ง...
ด้วย Traffic ที่มากกว่า 200,000 คนต่อวัน ณ เซ็นทรัลเวิลด์

นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นกระแสที่ทำให้แฟนคลับมารอรับคิวตั้งแต่ 9 โมงเช้า

ตัวอย่างเช่น บูท “บ้านสติทช์” ของ Brunchtime ที่เปิดรับวันละ 1,000 คิว แต่บัตรคิวหมดตั้งแต่บ่าย 2 โมงในวันธรรมดา และเที่ยงในวันหยุด

ที่น่าสนใจคือความสำเร็จแบบ Scale-Up ได้ทั่วประเทศ

แม้จะมีเซ็นทรัลเวิลด์เป็น Flagship ของงาน แต่ The Magical Stars ถูกจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละที่ล้วนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น

แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือความสำเร็จในการดึงดูดผู้คน ทำให้เซ็นทรัลทุกสาขา เต็มไปด้วย Traffic ที่เพิ่มขึ้น จนรถต่อคิวยาวเหยียด

อย่างเช่นที่เซ็นทรัลวิลเลจ ที่มาพร้อมคอนเซปต์ “Enchanted Pine Forest Christmas” พร้อมหิมะตก

หรือที่เซ็นทรัลเวสต์เกต และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ที่นำกิจกรรม Disney Experience เช่น Meet & Greet กับ Mickey Mouse และ Minnie Mouse มาให้ลูกค้าได้สัมผัส พร้อมพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาส ทำให้สามารถสร้าง Magic Moment ได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

นี่คือจุดแข็งของเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะ “Centre of Life” ที่มี Quality Traffic ทุกที่ ซึ่งแต่ละที่มี Target Consumer ที่แตกต่างและหลากหลาย ทำให้แบรนด์พาร์ตเนอร์ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบวงจร

นำมาซึ่งเป้าหมายสำคัญอย่าง... ยอดขายของพาร์ตเนอร์

สิ่งที่พิสูจน์ความสำเร็จของแคมเปญ ไม่ใช่เพียงแค่จำนวน Traffic ของผู้คน แต่คือยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของทุกแบรนด์ ที่มาร่วมสร้างปรากฏการณ์

จุดเด่นของแคมเปญนี้คือ ทุกแบรนด์ที่เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ที่สร้างบ้านหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ แบรนด์ที่เปิดบูทบริษัทเซ็นทรัล คอร์ท ตลอดจนร้านค้าภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั้งหมดนี้ล้วนมียอดขายที่เติบโตอย่าง “น่าประทับใจ”

ที่น่าทึ่งที่สุดคือ ปรากฏการณ์ความต้องการสินค้าที่ล้นหลาม จนหลายแบรนด์ ต้องเติมสต๊อกอย่างต่อเนื่อง อาทิ

- นิยมยีนส์ แบรนด์ยีนส์ระดับตำนานของไทย สร้างปรากฏการณ์ยอดขายที่พุ่งสูงอย่างน่าทึ่ง

การได้ร่วมอยู่ในบ้าน Toy Story ไม่เพียงการจับมือกับดิสนีย์เท่านั้น แต่ยังทำให้แบรนด์ได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำดี ๆ ของผู้คนอีกครั้ง ผลลัพธ์จึงไม่ได้หยุดที่ยอดขาย แต่ได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาแห่งความสุข ซึ่งพิสูจน์การเติบโตของแบรนด์ จากความหมายที่สร้างให้กับผู้คน

- Babylovett แบรนด์เสื้อผ้าเด็กชั้นนำ ที่ได้ร่วมสร้างปราสาท Frozen ซึ่งถือแลนด์มาร์กธีมนี้ครั้งแรกในไทย ภายใต้โจทย์ The Happiest Place on Earth มอบประสบการณ์เหมือนก้าวเข้าสู่โลกดิสนีย์ให้แก่เด็ก ๆ

โดยความสำเร็จของแบรนด์ในงานนี้ คือการได้เห็นแววตาที่เป็นประกายและรอยยิ้มที่ประทับใจ ของเหล่า Elsa ตัวน้อย ที่ใส่ชุดเจ้าหญิงที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน คอยพาคุณพ่อคุณแม่ไปถ่ายรูปหน้าปราสาทอย่างตื่นเต้น ทั้งหมดสร้างพลังมหาศาลด้านการรับรู้ และความผูกพันให้กับแบรนด์

- Happy Sunday การเปิดบ้าน “Happy Wonder World” ทำให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดกับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ผ่านการพบปะและพูดคุยแบบออฟไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ออนไลน์ให้ไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงเปิดตัว Collection ใหม่ที่ได้รับความสนใจสูง

ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก จนสินค้า Limited ขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันแรก ด้วยยอด Traffic ของเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มากกว่า 200,000 คนต่อวัน ช่วยเพิ่มยอดขาย สร้าง Brand Awareness, Brand Love และความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค

- Beverly Hills Polo Club คอลเลกชันพิเศษอย่าง Zootopia ที่แบรนด์ร่วมออกแบบร่วมกับดิสนีย์ ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นและเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก แสดงถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและศักยภาพในการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรระดับสากล ช่วยสร้าง Brand Awareness และขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างกว้างขวาง

- HometomyHeart ด้วยทุนสร้าง “บ้านสติทช์” กว่า 12 ล้านบาท เพื่อมอบประสบการณ์เล่าเรื่องเต็มรูปแบบ ทำให้แบรนด์ที่ปกติอยู่ในออนไลน์ได้ใกล้ชิดกับลูกค้าและผู้เข้าชมจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การันตีความสำเร็จด้วยบัตรคิว ที่หมดอย่างรวดเร็ว

คุณอูน - ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ ได้แชร์ประสบการณ์การทำงานร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนาว่า “เป็นการร่วมงานที่น่าประทับใจและประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม สร้าง Brand Experience ที่ลูกค้าจดจำได้ตลอดชีวิต”

- Take Toy โดดเด่นด้วยโซน Mickey & Friends ที่ได้รับความสนใจมากกว่าที่คาดไว้ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมุมที่ลูกค้าต้องแวะชมถ่ายรูป ตอกย้ำความสำเร็จด้วยสินค้า Collection พิเศษ ที่จัดมาขายก็หมดอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง ทั้งหมดนี้ ทำให้แบรนด์สามารถสร้างภาพจำที่ดีในช่วงเทศกาล ที่ลูกค้าจะจดจำไปอีกนาน

นอกจากแบรนด์เด่นที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ร่วมสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จในครั้งนี้ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ONCE by MakeltLoud, Bano:Bagi, Mistine, Hot Toys, CT1, Her Hyness, Wish & Co., Kohkae, The Rolling Pinn, SF, Amos, RAVIPA, Playmondo และ Mister Donut

แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพาร์ตเนอร์ ที่มาร่วมสร้างปรากฏการณ์ The Magical Stars ?
คำตอบคือ โมเดลความร่วมมือที่แข็งแกร่งที่สุด ที่เรียกว่า “Holistic Partnership”

โดยเซ็นทรัลพัฒนา ไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงเจ้าของสถานที่ แต่เป็นผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์ระดับโลกที่พร้อมทุ่มทั้งสรรพกำลัง งบประมาณ สื่อ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อ Empower ให้ทุกแบรนด์ฉายแสงได้อย่างเจิดจรัสที่สุด

พิสูจน์ได้จากสิ่งที่เซ็นทรัลพัฒนาทำให้กับพาร์ตเนอร์ แบบที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน เริ่มตั้งแต่การ “Support Media” ที่ทรงพลังที่สุด...

โดยเซ็นทรัลพัฒนาลงทุนซื้อเวลาโฆษณาคืนจาก Plan B เพื่อเปิดพื้นที่สื่อบนจอดิจิทัลแบบ 360 องศา ณ Central Court ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ให้พาร์ตเนอร์ได้โปรโมตคอนเทนต์ของแบรนด์ เพื่อดึงดูดสายตา

สร้าง Quality Eyeballs จากนักท่องเที่ยวและนักช็อปที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงสร้าง Massive Awareness ได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ ยังมอบ Total Business Solutions ผ่าน Expertise ของเซ็นทรัลพัฒนา ในการ Empower ธุรกิจของพาร์ตเนอร์

โดยเซ็นทรัลพัฒนาสนับสนุนงบประมาณในการตกแต่งเพิ่มเติม ทั้งธง, ม้านั่ง, บูท, Window Display หรือแม้แต่เสียงเพลงประกอบภายในงาน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างงานคุณภาพ และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดร่วมกับพาร์ตเนอร์

เมื่อ “สินค้าสุด Exclusive” มาเจอกับ “แพลตฟอร์มที่ทรงพลัง” ผลลัพธ์ที่ตามมา จึงเป็นปรากฏการณ์ “สินค้าถูกจับจองจนหมดเกลี้ยง” อย่างรวดเร็ว หรือที่เราเห็นภาพการต่อคิวซื้อสินค้ากันยาวเหยียด จนสินค้าต้องรีสต๊อกกันวันต่อวัน

มาถึงตรงนี้... จะเห็นว่า
แคมเปญ “The Magical Stars” ไม่ใช่เพียงการจัดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปี

แต่คือบทพิสูจน์ศักยภาพของเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะ “ผู้นำตัวจริง” ด้าน Holistic Partnership เบอร์หนึ่งในไทย

ผู้นำ... ที่สามารถเนรมิตพื้นที่ศูนย์การค้า ให้กลายเป็น World-Class Destination เทียบชั้นมหานครระดับโลก
ผู้นำ... ที่ไม่ได้เดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง แต่พาพาร์ตเนอร์กว่า 20 แบรนด์ ให้เติบโตและประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน

เป็น “New Opportunity” ในปีข้างหน้า ที่ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น “ทางลัด” สู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนที่สุด...

Reference
- เอกสารประชาสัมพันธ์แคมเปญ The Magical Stars ของเซ็นทรัลพัฒนา