ข่าวประชาสัมพันธ์..

ทุกวันนี้การทำธุรกิจในไทยได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดิจิทัลโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับจ่ายเงินผ่าน QR Code หรือคำสั่งซื้อออนไลน์ ทำให้ “ข้อมูล” เกิดขึ้นตลอดเวลาโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ยุคนี้การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven) จึงไม่ใช่เรื่องของเทรนด์สวยหรูหรือคำศัพท์การตลาดไกลตัว แต่เป็น 'ความจริงหน้างาน' ที่ผู้ประกอบการต้องเจอ และเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้รู้ทันสถานการณ์และบริหารธุรกิจให้อยู่รอดได้จริงในเศรษฐกิจปัจจุบัน

แต่ในความเป็นจริง แม้ผู้ประกอบการจะมีเอกสารเต็มไปหมด ทั้งบิลขาย ใบเสร็จ หรือรายการเดินบัญชี (Statement) แต่ส่วนใหญ่กลับไม่ได้นำข้อมูลพวกนี้มาใช้ประโยชน์ต่อ นอกจากเก็บไว้ทำบัญชีหรือส่งภาษี ปัญหานี้เกิดจากอะไร และเราจะเริ่มจัดการข้อมูลให้เข้าที่เข้าทางเพื่อนำมาช่วยบริหารงานจริงได้อย่างไร?

จากการสังเกตหน้างานจริงของ SME ไทย พบว่าอุปสรรคที่ทำให้เจ้าของกิจการยังต้องเหนื่อยกับการบริหารแบบเดิมๆ ไม่ใช่เพราะ "ไม่มีข้อมูล" แต่เป็นเพราะการบริหารจัดการข้อมูลที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ซึ่งมักเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก คือ

1. ข้อมูลอยู่คนละที่ ยอดขายอยู่หน้าร้าน สต็อกอยู่หลังร้าน ข้อมูลบัญชีอยู่กับสำนักงานบัญชี พอจะดูภาพรวมก็ต้องเสียเวลารวบรวมใหม่ กว่าจะรู้ผล ตลาดก็เปลี่ยนไปแล้ว
2. ทำบัญชีแค่ส่งสรรพากร มองงานเอกสารเป็นเพียง "หน้าที่" ทำให้ไม่ได้สนใจแกะดูตัวเลขข้างในว่าสะท้อนสุขภาพธุรกิจจริงๆ อย่างไร
3. ขาดเครื่องมือช่วยสรุป มีข้อมูลดิบเยอะ แต่ไม่มีตัวช่วยสรุปให้ดูง่ายๆ เจ้าของธุรกิจเลยต้องใช้ "ความรู้สึก" ตัดสินใจแทน

เพื่อให้เห็นภาพว่าการมีข้อมูลบัญชีที่แม่นยำและดูได้ทันที (Real-time) ช่วยธุรกิจได้จริงอย่างไร ลองดูตัวอย่างสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับธุรกิจที่เริ่มปรับตัวใช้ระบบบัญชีออนไลน์อย่าง PEAK

ปัญหา : ยอดขายโตต่อเนื่อง แต่ทำไมเงินสดในบริษัทเริ่มร่อยหรอ?
สิ่งที่ข้อมูลบอก : เมื่อนำข้อมูลการขายและต้นทุนทั้งหมดมาลงระบบ PEAK เจ้าของร้านพบความจริงว่า "สินค้าขายดีอันดับ 1" ของร้าน แท้จริงแล้วมี "กำไรขั้นต้นต่ำมาก" เมื่อหักลบค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม e-Commerce และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่สินค้าอันดับรองลงมากลับทำกำไรได้มากกว่า
ผลลัพธ์หลังปรับตัว : เจ้าของตัดสินใจลดงบโฆษณาของสินค้าขายดีตัวเดิม และหันไปดันยอดขายสินค้าตัวรองที่มี Margin สูงกว่า ทำให้สิ้นเดือนบริษัทเหลือเงินกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20% โดยไม่ต้องเพิ่มยอดขายรวม

ปัญหา : งานล้นมือ ลูกค้าเยอะ แต่หมุนเงินไม่ทัน ต้องกู้มาจ่ายเงินเดือนลูกน้อง
สิ่งที่ข้อมูลบอก : Dashboard การเงินแสดงให้เห็นว่า "ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย" นานเกินไป (45-60 วัน) ในขณะที่ต้องจ่ายค่าจ้างและค่าวัสดุทุก 15-30 วัน ทำให้เกิดช่องว่างทางการเงิน
ผลลัพธ์หลังปรับตัว : ระบบช่วยบอกสถานะบิลที่ใกล้ครบกำหนดและบิลที่ค้างชำระ ทำให้ทีมงานตามหนี้ได้เร็วขึ้น และเจ้าของนำข้อมูลนี้ไปเจรจาขอเครดิตเทอมกับซัพพลายเออร์เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับรายรับ ปัญหาสภาพคล่องจึงคลี่คลายโดยไม่ต้องกู้เงินนอกระบบ

ทางออกไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอย่างการจ้างทีมวิเคราะห์ราคาแพง แต่คือการเลือกใช้เครื่องมือที่เปลี่ยนกระบวนการทำงาน (Workflow) ให้เป็นดิจิทัล ข้อมูลไหลมารวมกันที่เดียวพร้อมใช้งานทันที เช่น

• รู้กำไรที่แท้จริงรายวัน ไม่ต้องรอปิดงบสิ้นเดือน รู้ทันทีว่าวันนี้กำไรเท่าไหร่
• พยากรณ์กระแสเงินสด คาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า สภาพคล่องจะเป็นอย่างไร
• ลดต้นทุนแฝง เห็นค่าใช้จ่ายยิบย่อยที่ไม่จำเป็น และตัดออกได้ตรงจุด

การใช้ข้อมูลบริหารธุรกิจเริ่มต้นได้จากการจัดระบบข้อมูลให้เป็นระเบียบตั้งแต่วันนี้ แทนการปล่อยให้เอกสารและตัวเลขกระจัดกระจายจนต้องแก้ปัญหาย้อนหลัง การมีข้อมูลทางการเงินที่ดูได้ทันที ช่วยให้เจ้าของกิจการเห็นภาพธุรกิจชัดขึ้น และตัดสินใจได้บนข้อเท็จจริงมากกว่าความรู้สึก

หากคุณต้องการเริ่มจัดระเบียบข้อมูลให้ใช้งานได้จริงแบบตัวอย่างข้างต้น ระบบบัญชีออนไลน์ PEAK คือตัวช่วยที่ตอบโจทย์ เพราะช่วยรวบรวมข้อมูลการเงินและบัญชีจากทั้งยอดขาย ค่าใช้จ่าย การบันทึกบัญชีให้อัตโนมัติ มาประมวลผลเป็น Dashboard และข้อมูลทางบัญชีที่เข้าใจง่ายแบบ Real-time ช่วยให้คุณเห็น "จุดรั่วไหล" และ "โอกาสทำกำไร" ได้ชัดเจน เปลี่ยนงานบัญชีที่น่าปวดหัว ให้เป็นเครื่องมือตัดสินใจที่ทรงพลัง

---------------

• ทดลองใช้งาน คลิก
• PEAK Call Center : 1485
• LINE : @peakaccount

ผู้ใช้งานกว่า 30,000 กิจการทั่วประเทศไว้วางใจ ดูตารางเปรียบเทียบเพิ่มเติม!