สุดท้าย คือ ไร้ตัวตน

สุดท้าย คือ ไร้ตัวตน

14 ส.ค. 2017
เมื่อโลกพัฒนาไปมากๆ
ทุกอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้นมา กลับจะหายไป
สุดท้ายทุกอย่างจะไร้ตัวตน..
Steven Kotler และ Peter Diamandis ผู้เขียนหนังสือ Bold ได้กล่าวถึงกระบวนการ 6D ของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีไว้
1) Digitized กระบวนการแรกคือการทำให้เข้าสู่การเป็นดิจิตอล ทุกคนตอนนี้คงยอมรับแล้วว่าทุกอย่างสามารถแปลงให้เป็นดิจิตอลได้
เราคงไม่คิดว่าเสียงเพลงจะถูกบันทึกไว้ในไฟล์ชื่อ mp3 รูปถ่ายจะถูกบันทึกไว้ในไฟล์ชื่อ jpg หรือแม้แต่ DNA ของเราก็ถูกบันทึกไว้ในโลกดิจิตอลได้เหมือนกัน
2) Deceptive ขั้นตอนนี้พูดง่ายๆคือ เทคโนโลยีเดิมกำลังหลอกตัวเองในช่วงแรกว่า สิ่งนั้นจะมาทดแทนของเดิมยังไม่ได้ ยังอีกไกล
ตัวอย่างของการหลอกตัวเองที่ทุกคนคงรู้จักก็คือ เทคโนโลยีฟิล์มของบริษัทโกดัก หรือ นิตยสารถูกแทนที่ด้วยเฟซบุ๊ค
3) Disruptive แต่สุดท้ายเทคโนโลยีจะเติบโตแบบ exponential ซึ่งดูเหมือนจะช้าในช่วงแรก แต่จะเร็วมากๆในช่วงหลัง และสุดท้ายจะดีกว่าของเดิมแบบไม่เห็นฝุ่น
4) Demonetized เมื่อเทคโนโลยีมาแทนที่ โมเดลเรื่องการเก็บเงินจากลูกค้าจะเปลี่ยนไปจนใกล้เคียง 0
จากเดิมที่เราต้องซื้อฟิล์มถ่ายรูปใหม่ทุกๆการถ่าย 36 ครั้ง ตอนนี้เราถ่ายแล้วลบกี่ครั้งก็ได้ จากเดิมที่เราต้องจ่ายเงินซื้อนิตยสาร ตอนนี้เราเล่นเฟซบุ๊คฟรี จากเดิมที่เราต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อเทปหรือซีดีมาฟังเพลง ตอนนี้ เราฟังเพลงฟรีใน Youtube
5) Dematerialized สุดท้ายแล้วสิ่งของทุกอย่างจะหายไปจากโลกความจริง และเข้าไปสู่โลกเสมือน และหลายอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้นจะไม่จำเป็นอีกต่อไป..
ตัวอย่างสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้แล้วน่าจะเป็น เครื่องคิดเลข แผนที่ที่เป็นกระดาษ เครื่องวิทยุ ซีดี และ สิ่งที่น่าจะไม่จำเป็นสำหรับในอนาคตก็น่าเป็นตัว "มนุษย์" เอง เพราะหุ่นยนต์จะทำงานแทนคนได้ทุกอย่าง
ในอนาคต เราจะสามารถเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้ด้วยรถยนต์ที่ขับด้วยตัวเอง โดยคนไม่ต้องใช้มือจับพวงมาลัย
6) Democratized เมื่อทุกอย่างถูกทำให้อยู่ในโลกเสมือนก็แปลว่า สิ่งที่มนุษย์ได้กำหนดขึ้นบนโลกแห่งความจริง อาจจะใช้ไม่ได้กับในโลกเสมือน สิ่งที่เห็นเป็นตัวอย่างได้ชัดคือการควบคุมของรัฐบาล
รัฐบาลไม่สามารถเก็บภาษีเฟซบุ๊คได้ เพราะเฟซบุ๊คอ้างว่าธุรกรรมไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย แต่เป็นเว็บไซต์ของเฟซบุ๊คที่บริษัทตั้งอยู่ที่ประเทศไอร์แลนด์
รัฐบาลไม่สามารถควบคุมอูเบอร์ได้ เพราะคนเต็มใจที่จะนั่งอูเบอร์มากกว่าแท็กซี่ และคงยากที่จะตรวจสอบรถทุกคันว่าเป็นอูเบอร์หรือไม่
เรื่องนี้ทำให้ลงทุนแมนคิดได้ว่า..
สุดท้ายแล้วโลกเสมือนจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มาทับซ้อนกับโลกแห่งความจริง และสุดท้ายมันอาจจะแย่งเรื่องราวในโลกแห่งความจริงไป
ทุกวันนี้เราอาจจะคุยกับเพื่อนพ่อแม่เราในเฟซบุ๊ค ในไลน์ มากกว่า ตัวจริง..
ทุกวันนี้เราอาจจะซื้อของออนไลน์ มากกว่าซื้อของผ่านหน้าร้านจริง..
ทุกวันนี้คนเราอาจจะใช้เวลากับโลกออนไลน์มากกว่าในชีวิตจริง
อย่างน้อยในขณะที่เรากำลังอ่านบทความนี้อยู่ เราก็อ่านบทความนี้จากในโลกออนไลน์ และลองเงยหน้าขึ้น มีกี่คนรอบตัวเราที่กำลังก้มหน้าดูมือถืออยู่
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงจุดหนึ่งที่จะแปรรหัสความจำความนึกคิดของ "มนุษย์" เข้าไปในโลกดิจิตอล ในทำนองเดียวกับที่ทำกับเพลง และรูปภาพ
ณ จุดนั้น การเป็นตัวตนของเราในโลกแห่งความจริง ก็อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว..
ถ้าสนใจเรื่องนี้ อ่านเรื่อง Singularity ต่อได้ที่ https://www.longtunman.com/1378
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.