ผู้สนับสนุน.. เมื่อกองทุนนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์

ผู้สนับสนุน.. เมื่อกองทุนนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์

9 ก.ค. 2019
ผู้สนับสนุน..
เมื่อกองทุนนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ / โดย ลงทุนแมน
ทุกวันนี้ภายใน 1 วินาทีบนโลกออนไลน์ เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
อ้างอิงข้อมูลจาก Statista ณ เดือนธันวาคม 2561
มีอีเมลมากกว่า 156 ล้านฉบับที่ถูกส่ง
มีการค้นหาใน Google มากกว่า 3.8 ล้านครั้ง
มีคนอัปโหลดรูปบน Facebook มากกว่า 243,000 รูป
เราเรียกข้อมูลจำนวนมากนี้ว่า “Big Data”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการเก็บข้อมูลเหล่านี้ในปริมาณมหาศาลทุกวัน
แต่ยังมีการนำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์น้อยมาก
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ การที่จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ทั้งหมดด้วยตัวเองคงเป็นเรื่องยาก
ปัจจุบันจึงเกิดเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Machine Learning”
โดย Machine Learning จะเป็นการให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้และศึกษาความสัมพันธ์ของข้อมูล
ช่วยทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และทำได้เร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า
แล้วถ้าเราสามารถนำ Big Data และ Machine Learning มาช่วยวิเคราะห์การลงทุน
ก็น่าจะช่วยในการตัดสินใจคัดเลือกบริษัท และคาดการณ์ผลตอบแทนจากปัจจัยหลายๆ ด้านที่เราคาดไม่ถึง
ตอนนี้ TMBAM Eastspring มีกองทุนใหม่ที่น่าสนใจ
“TMB Eastspring Global Core Equity Fund (TMB-ES-GCORE)”
โดยจะไปลงทุนในกองทุนหลัก Goldman Sachs Global CORE® Equity Portfolio ซึ่งนำ Big Data และ Machine Learning มาใช้ในการวิเคราะห์และเลือกหุ้นเข้าพอร์ต
จุดเด่นของ Goldman Sachs Global CORE® Equity Portfolio คืออะไร?
อย่างแรกเลยก็คือ ชื่อเสียงของบริษัทที่เป็นผู้บริหารจัดการ
Goldman Sachs เป็นสถาบันการเงินที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนและให้บริการทางการเงินมา 150 ปี จึงมีความน่าเชื่อถือสูง
นอกจากนั้น Goldman Sachs ยังได้ลงทุนและศึกษาในเรื่องการวิเคราะห์โดยใช้ Big Data และ Machine Learning มานานกว่า 10 ปีแล้ว
โดยกองทุน Goldman Sachs Global CORE® Equity Portfolio มีการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยในการจัดพอร์ตเช่นกัน
แนวทางการลงทุนของ Goldman Sachs Global CORE® Equity Portfolio จะเริ่มจากการคัดเลือกปัจจัยที่คาดว่าจะกระทบต่อผลตอบแทนของหุ้นในอนาคต
จากนั้นจะประมาณการผลตอบแทนคาดหวังของหุ้นทั้งหมด โดยแบ่งปัจจัยต่างๆ ออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ
1. High-Quality Business Model เพื่อหาโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน และการบริหารจัดการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการจัดการทรัพยากร หรือความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ก็จะมีการนำข้อมูลทางเลือก หรือ Alternative Data มาประกอบด้วย เพื่อหาว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทไหนมีโอกาสที่จะประกาศงบออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ เช่น ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ข้อมูลการใช้บัตรเครดิต และข้อมูลปริมาณการเข้าใช้เว็บไซต์ เป็นต้น
2. Fundamental Mispricing เพื่อหาบริษัทคุณภาพในราคาที่เหมาะสม หรือมีราคาต่ำกว่าพื้นฐาน
โดยเริ่มจากการเลือกวิธีประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมกับกลุ่มธุรกิจ
และหาราคาเข้าซื้อโดยเปรียบเทียบกับราคาในอดีต และราคาของหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
และยังนำเอาข้อมูลที่ไม่ได้อยู่ในงบการเงินมาวิเคราะห์ร่วมด้วย เช่น ข้อมูลการจดสิทธิบัตรของบริษัท
3. Themes & Trends มองหาบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและมีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากแนวโน้มของธุรกิจที่กำลังเป็นที่สนใจของตลาด
4. Sentiment เสริมการวิเคราะห์ด้วยการดูภาพรวมการซื้อขายรวมของตลาด รวมถึงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และผลกระทบจากเศรษฐกิจในภาพรวม
ในส่วนนี้ เทคโนโลยี Machine Learning จะเข้ามามีบทบาทในการทำความเข้าใจภาษามนุษย์
เรียนรู้และค้นหาว่าปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลกระทบ
เมื่อได้ปัจจัยที่เกี่ยวข้องครบแล้ว
กองทุนจะกำหนดน้ำหนักความสำคัญของแต่ละปัจจัย ซึ่งแตกต่างกันไปตามภูมิภาค
โดยจะให้คะแนนหุ้นแต่ละตัว และเลือกลงทุนโดยให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีคะแนนสูง
ตัวอย่างการเลือกหุ้นที่มีสัดส่วนสูงสุดในพอร์ต 5 อันดับแรก ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2562
Apple
3.3%
Amazon
2.3%
Paypal
1.4%
Facebook
1.3%
Ericsson
1.3%
แล้วผลตอบแทนของ Goldman Sachs Global CORE® Equity Portfolio (GMS) เป็นอย่างไร?
ผลตอบแทนของกองทุนนี้ลงทุนในหน่วยลงทุนชนิด Class I (Acc.) (closed) (USD) เมื่อเปรียบเทียบกับ MSCI World Index ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นขนาดกลางและใหญ่จาก 23 ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ณ วันที่ 30 เมษายน 2562
ย้อนหลัง
3
ปี
GMS
11.85%
MSCI World
11.39%
ย้อนหลัง
5
ปี
GMS
9.39%
MSCI World
7.30%
ย้อนหลัง
10
ปี
GMS
12.93%
MSCI World
11.57%
จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนระยะยาวในอดีตของ Goldman Sachs Global CORE® Equity Portfolio สูงกว่าตลาดอยู่พอสมควร..
(กองทุนที่ TMBAM Eastspring ลงทุน จะลงทุนในหน่วยลงทุนชนิด Class I Shares (Acc.) (Snap) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนแบบเดียวกัน แต่เวลาปิดเพื่อคำนวณหน่วยลงทุนแตกต่างกันจากข้อจำกัดด้าน Time Zone ของประเทศที่เข้าไปลงทุน ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับในระยะยาวอาจแตกต่างกันได้บ้าง)
นอกจากนั้นหากดูช่องว่างระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น และพันธบัตรรัฐบาล
โดยข้อมูลจาก Bloomberg ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม พบว่า
อัตราผลตอบแทนในพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี
สหรัฐอเมริกา 2.12%
ยุโรป -0.20%
ญี่ปุ่น -0.09%
ในขณะที่ผลตอบแทนของหุ้นเฉลี่ย
สหรัฐอเมริกา 5.54%
ยุโรป 6.32%
ญี่ปุ่น 6.52%
ดังนั้นในระยะยาวแล้ว การยอมรับความเสี่ยงที่มากกว่า อาจจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าก็ได้
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ TMB Eastspring Global Core Equity Fund ซึ่งมีนโยบายการลงทุนใน Goldman Sachs Global CORE® Equity Portfolio ไม่น้อยกว่า 80% ของสินทรัพย์สุทธิ
จึงเหมาะกับผู้ต้องการจะลงทุนในระยะยาว โดยสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำให้เงินลงทุนเติบโต
สำหรับใครที่ต้องการกองทุนสำหรับเริ่มต้นการลงทุนในต่างประเทศ หรือ ต้องการกองทุนหลักสำหรับการลงทุนหุ้นต่างประเทศ
“TMB Eastspring Global Core Equity Fund” ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว..
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
https://www.tmbameastspring.com/globalcore-equity-fund/?utm_source=longtunman&utm_medium=article&utm_campaign=G-core
คำเตือน
- เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน /หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- กองทุนนี้ไม่เหมาะกับผู้ลงทุนที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนนี้ในระยะอันใกล้ หรือไม่สามารถรับความเสี่ยงจากการลดลงของเงินต้นจากการลงทุนในหุ้น
- ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่ธนาคาร TMB ทุกสาขา หรือโทร 1725 หรือ www.tmbameastspring.com
- ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.