ลาสเวกัส จากทะเลทราย สู่เมืองแห่งกาสิโน และความบันเทิง ระดับโลก

ลาสเวกัส จากทะเลทราย สู่เมืองแห่งกาสิโน และความบันเทิง ระดับโลก

5 ต.ค. 2021
ลาสเวกัส จากทะเลทราย สู่เมืองแห่งกาสิโน และความบันเทิง ระดับโลก /โดย ลงทุนแมน
“The Entertainment Capital of the World”
หรือเมืองหลวงแห่งความบันเทิงของโลก
จะเป็นฉายาของเมืองไหนในโลกนี้ไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ “ลาสเวกัส”
รู้ไหมว่า ลาสเวกัส ในอดีตเป็นเพียงทะเลทราย
ก่อนที่จะค่อยพัฒนาเรื่อยมา จนวันนี้กลายมาเป็นเมืองแห่งกาสิโนและความบันเทิงที่สำคัญของโลก
เส้นทางของลาสเวกัสกว่าจะมีวันนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ลาสเวกัส เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐเนวาดา ซึ่งเป็นรัฐทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา โดยเมืองแห่งนี้ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 642,000 คน
ต้องบอกก่อนว่า ภาพของลาสเวกัสที่เราเห็นในทุกวันนี้ เปลี่ยนไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง เพราะแต่ก่อน พื้นที่แห่งนี้เป็นเพียงทะเลทรายที่แห้งแล้ง
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของลาสเวกัส เกิดขึ้นในปี 1905
เมื่อที่นี่ได้ถูกตั้งเป็นเส้นทางผ่าน และจุดพักของรถไฟสาย Los Angeles - Salt Lake Railroad ที่เดินทางระหว่างเมืองลอสแอนเจลิส และเมืองซอลต์เลก ในรัฐยูทาห์
เมื่อรวมกับ การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะระบบน้ำประปา ก็ทำให้เริ่มมีประชาชนหลั่งไหลเข้ามาทำงานในลาสเวกัสเพิ่มมากขึ้น จนปี 1911 ลาสเวกัสก็ถูกยกระดับเป็นเมือง อย่างเป็นทางการ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ลาสเวกัสเติบโตขึ้นไปอีก เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 1931-1936 หลังจากที่ประธานาธิบดี เฮอร์เบิร์ต คลาร์ก ฮูเวอร์ ได้อนุมัติงบประมาณสำหรับก่อสร้างเขื่อนฮูเวอร์ ซึ่งมีพื้นที่ก่อสร้างในรัฐเนวาดา
เขื่อนฮูเวอร์ เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันอุทกภัย จัดการระบบชลประทาน รวมไปถึงใช้สำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้า
การก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่แห่งนี้ ทำให้มีแรงงานโดยเฉพาะคนหนุ่มจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาทำงานที่รัฐเนวาดา และเมืองลาสเวกัส
เมื่อมีการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนแห่งนี้ ส่งผลให้เริ่มมีนักธุรกิจเข้าไปทำการก่อสร้างโรงแรมและที่พักใหม่ ๆ มากมาย ตามแนวถนนในลาสเวกัส
ในเวลานั้นนักธุรกิจท้องถิ่นที่เริ่มมองเห็นโอกาส มีความคิดที่จะลงทุนก่อสร้างกาสิโนและสถานบันเทิงยามค่ำคืน เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับคนงานที่มาก่อสร้างเขื่อน
รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐเนวาดา จึงต้องร่วมกันพิจารณาข้อดีข้อเสีย ของการจัดตั้งธุรกิจกาสิโนและการพนันต่าง ๆ ขึ้นในเมือง
จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า ธุรกิจการพนันจะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เมือง และธุรกิจต่อเนื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม
สภานิติบัญญัติแห่งรัฐเนวาดา จึงออกกฎหมายให้การพนันสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย โดยรัฐบาลท้องถิ่นได้มีการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจการพนันขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี 1931
ในช่วงนั้น นักธุรกิจคนหนึ่งมีชื่อว่า Thomas Hull ซึ่งทำธุรกิจที่พักในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ขับรถเข้ามาที่เมืองลาสเวกัส และระหว่างทาง ยางรถยนต์ของเขาก็เกิดรั่วขึ้นมา
ระหว่างที่เขารอช่างมาซ่อมยาง เขาไม่มีอะไรทำ จึงเริ่มนับรถที่วิ่งในเมืองลาสเวกัส ซึ่งก็นับได้จำนวนมาก จนเขาบอกกับตัวเองว่า “ที่นี่จะเพอร์เฟกต์มาก สำหรับโรงแรมแห่งใหม่ของเขา”
เขาตัดสินใจสร้างโรงแรมที่ชื่อว่า “El Rancho”
ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีกาสิโนอยู่ภายในเป็นแห่งแรกของลาสเวกัส
และแน่นอนว่า เขาประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการตัดสินใจลงทุนในครั้งนี้ จนทำให้นักธุรกิจคนอื่นหลั่งไหลเข้ามาลงทุนและก่อสร้างโรงแรมที่มีกาสิโนในตัว ในลาสเวกัสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในนั้นคือ Flamingo โรงแรมที่มีกาสิโนในตัว
ซึ่งปัจจุบัน ยังเป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง
จากการที่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์คลาสสิกหลายเรื่อง
และยังมีอีกหลากหลายโรงแรม รีสอร์ต และแหล่งบันเทิงชื่อดังระดับโลก เช่น MGM Resorts International, Las Vegas Sands
ในลาสเวกัส มีถนนสายหนึ่งที่ชื่อว่า “Las Vegas Strip” ซึ่งเป็นถนนที่รายล้อมไปด้วยโรงแรม รีสอร์ต กาสิโน ร้านอาหารชั้นเลิศ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง
เรียกได้ว่า ถ้าใครมาเที่ยวลาสเวกัส อย่างไรก็ต้องก้าวเท้าไปเหยียบถนนสายนี้ให้ได้
ที่น่าสนใจคือ ประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้จากภาษีของรัฐเนวาดา มาจากธุรกิจพนัน
อย่างไรก็ตาม ลาสเวกัส ไม่ได้ขึ้นชื่อเพียงแต่ ธุรกิจกาสิโน การพนัน และแหล่งสถานบันเทิงเท่านั้น
เพราะปัจจุบัน ลาสเวกัส ถือเป็นเมืองที่ติดอันดับ Top 3 เมืองสำหรับการจัดประชุมทางธุรกิจ ในสหรัฐอเมริกา โดยในปีที่ผ่านมา มีการจัดประชุมไม่ต่ำกว่า 20,000 ครั้ง ในเมืองแห่งนี้ เลยทีเดียว
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ลาสเวกัส จึงเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือน มากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาและในโลก
ลองมาดูจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่ ลาสเวกัส
ปี 2005 จำนวนนักท่องเที่ยว 38.5 ล้านคน
ปี 2012 จำนวนนักท่องเที่ยว 39.7 ล้านคน
ปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยว 42.5 ล้านคน
แม้แต่ในปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่โควิด 19 ระบาดอย่างรุนแรงในสหรัฐอเมริกา ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังลาสเวกัส มากถึง 19 ล้านคน
แน่นอนว่า ถ้าการแพร่ระบาดของโควิด 19 เริ่มเบาลง
ลาสเวกัส ก็คงกลับมามีสีสันเต็มที่
และคลาคล่ำไปด้วยนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และนักเสี่ยงโชค นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ในสหรัฐอเมริกานั้นมีสนามบินเพียงแค่ 2 แห่ง ที่ได้รับอนุญาตให้สามารถนำสล็อตแมชชีนซึ่งเป็นเครื่องเล่นพนันตั้งไว้ให้แก่ผู้โดยสาร มาใช้บริการระหว่างรอขึ้นเครื่อง
โดยสนามบินทั้ง 2 แห่งคือ สนามบินนานาชาติ McCarran และ สนามบินนานาชาติ Reno-Tahoe ซึ่งทั้ง 2 สนามบินนั้น ตั้งอยู่ที่รัฐเนวาดา..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.britannica.com/place/Las-Vegas-Nevada
-https://www.nevadaresorts.org/benefits/taxes.php
-https://en.wikipedia.org/wiki/Las_Vegas
-https://res.cloudinary.com/simpleview/image/upload/v1616428293/clients/lasvegas/Historical_1970_to_2020_updated_87257ed9-2ac6-4148-976e-bb073487fab7.pdf
-https://en.wikipedia.org/wiki/Hoover_Dam
-https://en.wikipedia.org/wiki/El_Rancho_Vegas
-https://downtown.vegas/visitors-guide/fun-facts/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Las_Vegas_Strip
-https://www.airlive.net/airport-slot-machines-should-you-play-them/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.