กรณีศึกษา J D Wetherspoon เจ้าของผับ 925 สาขา มูลค่า 6 หมื่นล้าน

กรณีศึกษา J D Wetherspoon เจ้าของผับ 925 สาขา มูลค่า 6 หมื่นล้าน

12 พ.ย. 2021
กรณีศึกษา J D Wetherspoon เจ้าของผับ 925 สาขา มูลค่า 6 หมื่นล้าน /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่าสหราชอาณาจักรมีผับ ที่คนมาดื่มสังสรรค์กันมากถึง 47,200 แห่ง
แล้วถ้าถามว่าตัวเลขนี้เยอะขนาดไหน ?
เราก็สามารถนำไปเทียบกับจำนวนร้านกาแฟ ที่มีอยู่ 25,900 แห่ง
ร้านสะดวกซื้อ ที่มีอยู่ 47,079 แห่ง
จากตรงนี้ เราก็คงพอจินตนาการได้ว่าชาวสหราชอาณาจักรจริงจังกับการดื่มขนาดไหน
ซึ่งมันก็ได้สะท้อนไปยังอุตสาหกรรมผับและบาร์ที่ถูกประเมินมูลค่าไว้สูงถึง 6.4 แสนล้านบาท
แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าผับในสหราชอาณาจักรที่กล่าวถึง จะไม่ใช่ผับที่มีลูกค้ามาเต้น ๆ เหมือนคำว่าผับที่เรียกกันในประเทศไทย แต่จะเป็นผับที่เน้นขายเบียร์และให้ลูกค้ามานั่งพูดคุย สังสรรค์กัน
โดยหนึ่งในเชนผับที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย
ก็คือบริษัท “J D Wetherspoon” เจ้าของธุรกิจผับ
ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
ปัจจุบัน มีมูลค่าบริษัทราว 6 หมื่นล้านบาท
แล้วทำไมธุรกิจผับ ถึงมีมูลค่าระดับหมื่นล้าน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
J D Wetherspoon ถูกก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1979 โดยคุณ Tim Martin
ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าผู้ก่อตั้งคนนี้ มีไอเดียแปลกแหวกแนวตั้งแต่การคิดค้นชื่อแบรนด์ไปจนถึงวิธีการทำธุรกิจ
เริ่มตั้งแต่ชื่อบริษัท J D Wetherspoon ที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
แต่ชื่อนี้มาจากคำว่า “J D” เป็นชื่อตัวละคร J.D. Boss Hogg
ในซีรีส์เรื่อง The Dukes of Hazzard ที่คุณ Martin ชื่นชอบ
รวมกับคำว่า “Wetherspoon” เป็นนามสกุลของคุณครูภูมิศาสตร์ที่เคยสอนคุณ Martin
ตอนที่เขาไปอยู่อาศัยและศึกษาอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์
ที่พีกก็คือคุณครูคนนี้เอง เป็นคนที่เคยดูถูกคุณ Martin ว่าเขาจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในชีวิต
นั่นเท่ากับว่าชื่อบริษัท J D Wetherspoon เป็นส่วนผสมระหว่างตัวละครจากภาพยนตร์รวมกับนามสกุลอาจารย์ที่พูดจาดูถูกเขาในวัยเด็ก..
ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะมาก่อตั้งธุรกิจของตัวเองนั้น เขาก็ได้จบการศึกษา
ในระดับปริญญาตรีที่ University of Nottingham ในสาขาวิชานิติศาสตร์
แต่ตั้งแต่จบมาเขาก็ไม่เคยทำงานอะไรที่เกี่ยวข้องกับทางด้านกฎหมายเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม คุณ Martin ก็พอมีประสบการณ์การทำงานอยู่บ้าง
โดยเขาเคยทำงานเป็นพนักงานที่ไซต์ก่อสร้าง
ต่อมา ก็ได้สมัครเป็นพนักงานขายของหนังสือพิมพ์ The Times
ในช่วงระหว่างนั้นเอง เขาก็ได้ไปนั่งดื่มที่ผับแห่งหนึ่งที่ Muswell Hill
โดยคุณ Martin มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของผับนั้น ซึ่งเขาก็ได้บอกกับคุณ Martin ว่าเบื่อที่จะทำธุรกิจต่อแล้ว
พอคุณ Martin ได้ยินแบบนั้น เขาก็ได้ให้ข้อเสนอเข้าซื้อร้านเพื่อที่จะรับช่วงต่อธุรกิจผับแห่งนี้ทันที ซึ่งจุดนี้เอง ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ J D Wetherspoon..
แม้ว่าจะดูเป็นการตัดสินใจที่รีบร้อน แต่จริง ๆ แล้ว ก็เรียกได้ว่าคุณ Martin มองภาพของอุตสาหกรรมผับในสหราชอาณาจักรขาดพอสมควร
เพราะเขามองว่าสมัยนั้น ธุรกิจผับ หากไม่ใช่ผู้ผลิตรายใหญ่ไปเลย เจ้าของผับก็มักจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือธุรกิจผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของครอบครัว
โดยในแต่ละเมืองแม้จะมีจำนวนผับเยอะ แต่มันก็เรียกได้ว่ากระจัดกระจาย ไม่ได้มีแบรนด์หรือร้านผับไหนเลยที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณ Martin จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ผับขึ้นมาเอง
โดยมีคอนเซปต์ก็คือการสร้างร้านที่ไม่ว่าลูกค้าจะไปอุดหนุนที่เมืองไหน สาขาไหน
การให้บริการของพนักงาน บรรยากาศในร้าน ก็จะมีเอกลักษณ์เป็นมาตรฐานเดียวกัน
สำหรับกลยุทธ์ที่ J D Wetherspoon ใช้ในการขยายกิจการก็เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน
เพราะแทนที่จะลงทุนสร้างและออกแบบใหม่เองทั้งหมด เขากลับเลือกที่จะเข้าซื้อกิจการร้านผับเดิม หรือสถานที่ที่คิดไม่ถึงอย่าง โรงหนัง โรงละคร โรงแรม ธนาคาร ที่ทำการไปรษณีย์ หรือแม้กระทั่งโบสถ์ ที่ตัวเจ้าของไม่ทำต่อแล้ว
มาปรับปรุงใหม่ให้เป็นผับ นั่นจึงทำให้ร้านในเครือ J D Wetherspoon มีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากที่ไหน
ยกตัวอย่าง Opera House in Royal Tunbridge Wells หนึ่งในสาขา ของ J D Wetherspoon ในเมือง Kent
โรงละครนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1902 แต่ว่าถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ต้องซ่อมแซมและได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นกาสิโน จนในปี 1996 บริษัท J D Wetherspoon ก็ได้เข้ามาซื้อกิจการเพื่อเปลี่ยนเป็นผับ
ตั้งแต่นั้นมา Opera House in Royal Tunbridge Wells จึงกลายเป็นผับ
ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้อีกแล้วบนโลก
ในขณะเดียวกัน คุณ Martin ก็ชอบมากกว่าที่จะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของที่ดิน
ตรงกันข้ามกับคู่แข่งทางธุรกิจของ J D Wetherspoon ที่นิยมการเช่าพื้นที่มากกว่าการซื้อ
เพราะต้นทุนที่ต่ำและไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุน
เหตุผลก็เพราะ ร้านผับเดิมล้วนแต่มีเจ้าของที่เป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่มาปล่อยพื้นที่ให้เช่า
ซึ่งการเช่าที่จะมาพร้อมกับเงื่อนไขที่ผู้เช่าต้องซื้อเบียร์ที่พวกเขาผลิตเท่านั้น
เหตุผลนี้เลยทำให้ J D Wetherspoon เป็นผับที่สามารถเลือกซัปพลายเออร์เบียร์ได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถกำหนดราคาเองได้ จึงทำให้เบียร์ในผับของ J D Wetherspoon มีราคาที่ถูกกว่าผับทั่วไป
นอกจากนั้น ยังมีรายละเอียดการทำธุรกิจอื่น ๆ ที่คุณ Martin ได้วางเอาไว้
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานที่ J D Wetherspoon จะถูกสอนให้รินเบียร์แบบมีประสิทธิภาพ
พนักงานทุกคนจะต้องรินเบียร์ให้มีฟองประมาณ 5% ของปริมาณเสมอ
เหตุผลก็เพราะว่าการทำแบบนี้จะลดปริมาณเบียร์ที่เสียเปล่าไปกับการรินเกินและผู้บริโภคก็ได้รับเบียร์ที่เกือบเต็มแก้วพร้อมฟอง
อีกเรื่องก็คือ การทำการตลาด แบบลดราคาเป็นอีเวนต์ประจำวัน หรือ “Day Promotion” ที่เป็นการนำเสนอโปรโมชันของวันที่แตกต่างกันไป
อย่างเช่น ทุก ๆ วันศุกร์คือ Fish Friday หรือวันที่ปลาและมันฝรั่งทอดจะลดราคาอย่างหนักเพื่อดึงดูดผู้บริโภค
และในทุก ๆ สาขาของ J D Wetherspoon จะไม่มีการเปิดเพลง เพราะพวกเขาเชื่อว่า การได้พูดคุยและสังสรรค์ คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้คนที่ออกมาเฉลิมฉลอง
ด้วยความแตกต่างเหล่านี้เอง ก็ได้ทำให้ J D Wetherspoon เติบโตต่อเนื่อง จนสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ และปัจจุบัน J D Wetherspoon มีผับที่ให้บริการมากกว่า 925 สาขา ทั่วสหราชอาณาจักร และมีพนักงานมากถึง 43,000 คน
จากข้อมูลจาก Foodservice Equipment Journal ส่วนแบ่งการตลาด
อุตสาหกรรมผับในสหราชอาณาจักร จะมาจาก 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ ดังนี้
- J D Wetherspoon 8.8% มีสาขารวม 925 สาขา
- Mitchells & Butlers 7.3% มีสาขารวม 1,784 สาขา
- Greene King plc 5.8% มีสาขารวม 3,100 สาขา
- Stonegate Pub Company 3.6% มีสาขารวม 4,500 สาขา
แม้เราจะเห็นได้ว่า J D Wetherspoon มีสาขาน้อยเมื่อเทียบกับรายอื่น
แต่กลับกลายเป็นว่าบริษัทแห่งนี้ ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด
แปลว่ารายได้เฉลี่ยต่อร้านของ J D Wetherspoon สูงกว่าคู่แข่ง นั่นเอง
แล้ว J D Wetherspoon มีรายได้เท่าไร ?
ปี 2018 รายได้ 75,000 ล้านบาท กำไร 2,900 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 80,000 ล้านบาท กำไร 3,200 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 56,000 ล้านบาท ขาดทุน 4,300 ล้านบาท (ขาดทุนเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19)
โดยรายได้ทั้งหมดของบริษัท สามารถแบ่งตามโครงสร้างรายได้เป็น
รายได้จากบาร์และเครื่องดื่ม 60%
รายได้จากอาหาร 36%
รายได้จากสล็อตแมชีน 3%
และอื่น ๆ อีก 1% เป็นรายได้จากห้องพัก
ปัจจุบัน J D Wetherspoon เป็นธุรกิจผับ ที่มีมูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท
ซึ่งก็ได้ส่งผลให้ตัวเจ้าของอย่างคุณ Tim Martin ที่โดนอาจารย์ดูถูกว่าโตมาทำอะไรก็ไม่สำเร็จ
กลายมาเป็นเศรษฐี ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท
และที่เด็ดไปกว่านั้น ก็คือเขาได้นำนามสกุลของอาจารย์คนนั้น
ไปแปะอยู่หน้าผับของเขา ที่ติดอยู่เกือบพันสาขา ทั่วสหราชอาณาจักร นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.statista.com/statistics/978010/coffee-shop-numbers-united-kingdom-uk
-https://www.statista.com/statistics/1074094/pub-industry-revenue-in-the-united-kingdom-uk/
-https://www.foodserviceequipmentjournal.com/data-crunch-uks-four-largest-pub-groups-hold-25-5-of-the-market/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Opera_House,_Royal_Tunbridge_Wells
-https://www.thesun.co.uk/fabulous/1406125/wetherspoons-things-you-never-knew/
-https://www.thesun.co.uk/money/15509047/why-wetherspoons-pints-are-so-cheap/
-https://www.mirror.co.uk/money/behind-tim-martins-448million-fortune-24894810
-https://www.weareumi.co.uk/news/locations/london-the-south/wetherspoon-s-tim-martin-reveals-the-secret-to-his-success
-https://www.fundslibrary.co.uk/FundsLibrary.DataRetrieval/Documents.aspx/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.