รู้จัก หินราอิ หินยักษ์ที่ใช้แทนเงินตรา

รู้จัก หินราอิ หินยักษ์ที่ใช้แทนเงินตรา

23 เม.ย. 2022
รู้จัก หินราอิ หินยักษ์ที่ใช้แทนเงินตรา /โดย ลงทุนแมน
แม้ว่าบิตคอยน์และบล็อกเชนจะเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก
แต่รู้หรือไม่ว่าแนวคิดของสิ่งเหล่านี้กลับเกิดมาก่อนแล้วนับหลายร้อยปี
โดยสิ่งที่มีแนวคิดคล้ายกันกับบิตคอยน์ มีชื่อว่า “หินราอิ”
หินปูนที่ชาวเกาะแยป นำมาตัดเป็นหินวงกลมขนาดยักษ์ เพื่อใช้แทนเงินตรา
แล้วเรื่องราวของหินราอิ มีความเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
แยป หรือ ยาป คือเกาะที่อยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไมโครนีเชีย หรือสหพันธรัฐไมโครนีเชีย
แม้จะเป็นเพียง 1 ใน 4 เกาะของประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจขนาดเล็ก
แต่ที่นี่กลับมีเรื่องราวที่น่าสนใจสำหรับนักเศรษฐศาสตร์
นั่นก็คือ หินราอิ หรือหินปูนขนาดยักษ์ที่คนสมัยก่อนใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของ
โดยหินที่มีขนาดใหญ่สุด มีความสูงถึง 3.6 เมตร และมีน้ำหนักที่ 4,000 กิโลกรัม
คำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมคนในเกาะแห่งนี้ใช้หินยักษ์เป็นเงิน ?
ย้อนกลับไปเมื่อราว 600 ปีก่อน ระหว่างที่ชาวแยปบางส่วน
ได้เดินทางด้วยแพเพื่อสำรวจปาเลา ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
พวกเขาก็ได้พบเจอกับหินปูน ซึ่งเป็นหินที่ไม่สามารถพบเจอได้ในเกาะแยป
ด้วยการเดินทางมายังปาเลา ยังเต็มไปด้วยอันตรายจากทะเล ทั้งขาไปและขากลับ
รวมถึงมีระยะทางถึง 400 กว่ากิโลเมตร พวกเขาจึงได้ตัดสินใจให้ “หินชนิดนี้มีค่า”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หินราอิจึงได้กลายเป็นเงินตราของชาวแยป
แม้ว่าหินราอิจะถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
แต่หินแต่ละชิ้นก็มีมูลค่าไม่เท่ากัน
มูลค่าของหินราอิขึ้นอยู่กับขนาดและฝีมือ รวมถึงประวัติศาสตร์การได้มาของมันด้วย
เช่น ทหารเรือที่มีชื่อเสียงเป็นคนขนย้ายหรือไม่ หรือจำนวนผู้คนที่เสียชีวิตระหว่างการขนส่ง
และนี่คือที่มาว่าทำไมถึงเลือกหินราอิ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
คำถามต่อมาคือ แล้วชาวเกาะแยปใช้หินราอิกันอย่างไร ?
หากพวกเขาต้องการส่งมอบหินราอิให้กับคนอื่น แทนที่จะโยกย้ายให้ยุ่งยาก
พวกเขาก็เพียงแค่ประกาศให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ ได้รับรู้ว่า ใครคือเจ้าของใหม่
อีกเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
รู้หรือไม่ว่า หากระหว่างการขนย้ายหินราอิกลับมายังเกาะแยป
ดันเกิดอุบัติเหตุ ทำให้หินร่วงลงไปในทะเล คนในเกาะก็ยังจะนับว่าหินนั้นมีอยู่
หากจะส่งต่อหินที่ตกทะเลให้คนอื่น ก็เพียงประกาศว่า มันอยู่ในทะเล
สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าหินจะอยู่ที่ใด หากถูกประเมินมูลค่าไว้แล้ว มันก็จะคงอยู่ตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วหินราอิก็ค่อย ๆ ถูกลดบทบาทในการเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน
เนื่องจากภายหลังมีชาวอเมริกันได้นำเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตและขนส่ง
ทำให้หินราอิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดเงินเฟ้อขึ้นมา
ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะถูกแทนที่ ด้วยระบบการเงินที่ทันสมัยกว่า
จนมาถึงยุคปัจจุบัน แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะกลายเป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการในไมโครนีเชียแล้ว
แต่หินราอิก็ยังคงถูกใช้สำหรับการทำธุรกรรมที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน การซื้อที่ดิน หรือใช้เป็นค่าชดเชยในหลายสถานการณ์
ซึ่งจากเรื่องราวนี้ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่มองว่า ค่าของตัวแทนเงินบางรูปแบบ สามารถกำหนดได้เพียงผ่านความเชื่อร่วมกันเท่านั้น
ด้วยคอนเซปต์เหล่านี้ หินราอิจึงถูกเชื่อมโยงไปยังบิตคอยน์ ตัวแทนของคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหลาย
จะเห็นได้ว่า แม้หินราอิและบิตคอยน์ จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน
แต่ก็มีคุณสมบัติที่คล้ายกัน อย่างแรกเลยคือ “ความขาดแคลน”
สำหรับหินราอิ ผู้คนจะต้องเดินทางถึง 400 กว่ากิโลเมตร เพื่อขุดหินปูนนำมาผลิต
เท่านั้นไม่พอ การเดินทางยังอันตรายอีกด้วย จึงทำให้หินหายากและมีค่า
ขณะที่บิตคอยน์ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะต้องใช้ความพยายาม และพลังงานจำนวนมากในการขุดเหรียญ
แถมเหรียญ ยังมีจำนวนจำกัดอีกด้วย
อย่างที่สองคือ “การไม่มีตัวกลาง”
ชาวเกาะแยปใช้การระบุว่า หินราอิแต่ละชิ้นเป็นของใคร
ด้วยการป่าวประกาศให้คนในชุมชนได้รับรู้
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าไม่มีการใช้ตัวกลางใด ๆ ในการจัดการ
บิตคอยน์ก็มีลักษณะที่คล้ายกันคือ มีการบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน
ที่ข้อมูลจะถูกส่งไปยังคนอื่น หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์นับล้าน เพื่อยืนยันความถูกต้อง
เรื่องราวของหินราอิ ก็ทำให้คิดได้ว่า
จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัตถุขนาดมหึมา หรือสิ่งสมมติอะไรก็ตาม
มันก็สามารถกลายเป็นที่นิยม กลายมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้
ถ้ามันเป็นของที่มีจำนวนจำกัดและเป็นของที่มีค่า ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าทุกคนในระบบ จะมีความเชื่อต่อมันขนาดไหน และจะเชื่อไปอีกนานแค่ไหน เท่านั้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.ft.com/content/aa156703-49d8-4cc4-a740-b35d525a5417
-https://www.financemagnates.com/thought-leadership/the-rai-se-and-fall-of-the-first-distributed-ledger-yap-stones/
-https://www.npr.org/sections/money/2011/02/15/131934618/the-island-of-stone-money
-https://timesofindia.indiatimes.com/travel/destinations/the-giant-stone-coins-of-yap/as37580313.cms
-https://www.thevintagenews.com/2017/12/28/rai-stones/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Rai_stones
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.