Update การเติบโตของ EGCO Group และแผนการลงทุนปี 2567

Update การเติบโตของ EGCO Group และแผนการลงทุนปี 2567

19 ธ.ค. 2023
EGCO Group x ลงทุนแมน
ภายใต้ความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินที่เข้มงวด เพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
รู้หรือไม่ว่า ผลประกอบการปี 2566 รอบ 9 เดือน EGCO Group ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าและพลังงานครบวงจรระดับหมื่นล้านบาท สามารถทำรายได้รวม 44,628 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,855 ล้านบาท
สะท้อนได้ว่า EGCO Group สามารถบริหารพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้า, ต้นทุนเชื้อเพลิง และความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยังคงรักษาระดับการเติบโตของธุรกิจโดยรวมไว้ได้
นอกจากนี้ ในรอบปีที่ผ่านมา EGCO Group ยังขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
EGCO Group ขยายการลงทุนอะไร ?
หุ้นกู้กรีนบอนด์ 7,000 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับ EGCO Group อย่างไร ?
แล้วเส้นทางปี 2567 ของ EGCO Group จะเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
ในช่วง 9 เดือนของปี 2566 ที่ผ่านมา
EGCO Group ปิดดีลซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็น
เชื้อเพลิงที่มีชื่อว่า “ไรเซ็ก” กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา
มากกว่านั้น EGCO Group ยังได้ลงนามในสัญญาเพื่อเข้าถือหุ้น 50% ใน Compass Portfolio ซึ่งเป็นพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 3 แห่งในสหรัฐอเมริกา กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย
- มาร์คัส ฮุก เอ็นเนอร์ยี่ แอลพี (มาร์คัส ฮุก) กำลังผลิต 912 เมกะวัตต์
- มิลฟอร์ด พาวเวอร์ แอลแอลซี (มิลฟอร์ด) กำลังผลิต 205 เมกะวัตต์
- ไดตัน พาวเวอร์ (ไดตัน) กำลังผลิต 187 เมกะวัตต์
โดยคาดว่าจะปิดดีลภายในเดือนธันวาคม ปี 2566
และเมื่อปิดดีลแล้ว EGCO Group จะสามารถรับรู้รายได้ทันที
โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ใกล้กับศูนย์กลางของเมืองใหญ่ที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงมาก ได้แก่ ฟิลาเดลเฟีย บอสตัน และพรอวิเดนซ์
และมีนโยบายมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน ไปสู่การใช้พลังงานสะอาด
EGCO Group เชื่อว่า การลงทุนใน Compass Portfolio จะช่วยสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับกลยุทธ์บริษัท ที่จะมุ่งเน้นการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง สร้างผลตอบแทนรวดเร็ว พร้อมทั้งสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน ไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคต
ทีนี้ ย้อนกลับมาที่ความสำเร็จในประเทศไทยกันบ้าง...
EGCO Group ขยายธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเสริมทัพในกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค
โดยล่าสุด EGCO Group ได้เปิดบริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) อย่างเต็มรูปแบบ
ซึ่งช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
โดยคาร์บอนเครดิตจะเป็นของผู้มาใช้บริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อและคลังน้ำมันของ TPN
TPN ดำเนินธุรกิจให้บริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และให้บริการคลังน้ำมัน โดยระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 342 กิโลเมตร และมีกำลังการขนส่งสูงสุดต่อปีอยู่ที่ 5,443 ล้านลิตร
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ที่ผ่านมา
EGCO Group ยังได้เสนอขายหุ้นกู้กรีนบอนด์ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เป็นครั้งแรก
ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะประเภทหุ้นกู้อายุ 15 ปี
การระดมทุนครั้งนี้ EGCO Group จะนำไปชำระคืนเงินทุน สำหรับโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมประเภทพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมของบริษัทและบริษัทในเครือ
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และช่วยขับเคลื่อนสู่ Net Zero ภายในปี 2593 ของ EGCO Group นั่นเอง
แล้วสงสัยไหมว่า เส้นทางธุรกิจของ EGCO Group ในปี 2567 จะเป็นอย่างไร ?
ภายในปี 2567 ของ EGCO Group จะมี 3 โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้นเสร็จสมบูรณ์ คือ
- โครงการโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น (ส่วนขยาย) จ.ระยอง กำลังผลิต 74 เมกะวัตต์
คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ภายในไตรมาส 1 ปี 2567
- โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “หยุนหลิน” ในไต้หวัน
คาดว่าจะแล้วเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปลายปี 2567
- โครงการพลังงานหมุนเวียนของ “เอเพ็กซ์” (เอ็กโก ถือหุ้น 17.46%)
ทั้งหมด 7 โครงการ กำลังผลิต 968 เมกะวัตต์
คาดว่าจะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในไตรมาส 4 ปี 2566 จนถึงปี 2567
มากกว่านั้น EGCO Group ยังตั้งงบลงทุน 30,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังผลิต ตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกใหม่อย่าง ไฮโดรเจน
ซึ่งจะเน้นเป้าหมายการลงทุนเพื่อต่อยอดจากฐานการลงทุนที่ EGCO Group มีอยู่แล้วใน 8 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
- กลุ่มอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
- กลุ่มเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน
- รวมถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง
และมีโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและก๊าซธรรมชาติค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรในการศึกษาการปรับปรุงโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ แนวทางสู่ Net Zero ภายในปี 2593
ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth ด้วยเป้าหมาย 3 ระยะ คือ
- เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2573 ลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emissions Intensity) ลง 10%
และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE) เป็น 30%
- เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral)
- เป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 บรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ตัวอย่างการดำเนินงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero 2593 ก็เช่น
- ไม่ลงทุนในเชื้อเพลิง หรือโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่เพิ่มเติม
- ปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานหลัก (ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน) ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เช่น การใช้เทคโนโลยี Hydrogen co-firing, Ammonia co-firing รวมทั้งการใช้เทคโนโลยี CCS หรือ CCUS การดักจับ กักเก็บ และใช้ประโยชน์จากคาร์บอน
- แสวงหาการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก เช่น ไฮโดรเจน, Hydrogen Value Chain
- เข้าร่วมในตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต หรือ IREC
- การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ผ่านมูลนิธิไทยรักษ์ป่า
ล่าสุด EGCO Group ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ กลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ ประเภทสาธารณูปโภคไฟฟ้า (DJSI in Emerging Markets - Electric Utilities) ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG และแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทั้งหมดนี้ คงเห็นแล้วว่า เส้นทางธุรกิจของ EGCO Group กำลังเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม นั่นเอง..
Reference
- ข้อมูลเปิดเผยจาก EGCO Group
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.