กองทุนเปิด MEGA10 ชนิดเพื่อการออม (MEGA10-SSF) ซึ่งบริหารจัดการโดยบลจ. ทาลิส ได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2568

กองทุนเปิด MEGA10 ชนิดเพื่อการออม (MEGA10-SSF) ซึ่งบริหารจัดการโดยบลจ. ทาลิส ได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2568

กองทุนเปิด MEGA10 ชนิดเพื่อการออม (MEGA10-SSF) ซึ่งบริหารจัดการโดยบลจ. ทาลิส ได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 (BEST MUTUAL FUND OF THE YEAR 2025) ประเภทกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวตราสารทุน(SSF Equity Fund)
โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานของกองทุนแต่ละประเภทในรอบปี 2567 และได้มีการประกาศผลในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับมีนาคม 2568 (Money & Banking magazine)

เรามาดูกันว่า MEGA10-SSF มีหลักการลงทุนอย่างไร
และลงทุนในบริษัทอะไรบ้าง ?
MEGA10-SSF จดทะเบียนเป็นกองทุนรวมเมื่อ ธันวาคม 2565 อยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดยบลจ. ทาลิส กองทุนนี้ มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศ สหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้นําในด้านตราสินค้า (Brand Value) จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว โดยผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และสภาพคล่องสูงสุด 10 บริษัทแรก
โดยกองทุนจะมีการลงทุนที่ ส่งผลให้มี Net Exposure ในตราสารทุนข้างต้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีการบริหารกองทุนแบบ Rule based Approach หรือลงทุนตามเกณฑ์ ดังนี้
1.คัดเลือกหุ้นของบริษัทที่เป็นผู้นําในด้านตราสินค้า (Brand Value) ที่ดีทั่วโลกจากการจัดอันดับโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการจัดอันดับดังกล่าว
2.คัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุดที่จดทะเบียนซื้อ ขายในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกา NYSE และ NASDAQ
3.คัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีสภาพคล่องสูง โดยพิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Turnover) เทียบกับขนาดของกองทุน
MEGA10-SSF จะลงทุนในหุ้น 10 บริษัท ในสัดส่วนที่ใกล้เคียง กัน ตัวอย่างบริษัทที่กองทุน อาจเข้าไปลงทุนได้แก่ (ข้อมูลและมูลค่าบริษัท อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของแต่ละบริษัท และ Tradingview ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2568)
1.Microsoft
-เจ้าของ Windows, Microsoft Office, Azure และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI เจ้าของ ChatGPT
มูลค่าบริษัท 116 ล้านล้านบาท
2.Nvidia
-มีสถานะเป็นผู้ถือครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรม ด้าน chip GPU สำหรับ AI, Data Center และ Gaming มีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยี AI
มูลค่าบริษัท 115 ล้านล้านบาท
3.Apple
-บริษัทผลิต iPhone, MacBook, iPad และบริการต่าง ๆ เช่น iCloud และ Apple Music
มูลค่าบริษัท 96 ล้านล้านบาท
4.Amazon
-บริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่และ Cloud Computing (AWS)
มูลค่าบริษัท 75 ล้านล้านบาท
5.Alphabet
-เจ้าของ Google และ YouTube รายได้หลักจากโฆษณาออนไลน์และคลาวด์
มูลค่าบริษัท 70 ล้านล้านบาท
6.Meta
-บริษัทโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก เป็นเจ้าของ Facebook, Instagram, WhatsApp และกำลังพัฒนาธุรกิจแว่น Oculus และธุรกิจ Metaverse ในกลุ่ม Reality Labs
มูลค่าบริษัท 58 ล้านล้านบาท
7.J.P. Morgan
-สถาบันการเงินที่มีชื่อเสียง ให้บริการด้านการเงิน การลงทุน และสินเชื่อ
มูลค่าบริษัท 25 ล้านล้านบาท
8.Visa
-บริษัทเครือข่ายบัตรเครดิตรายใหญ่ รายได้หลักจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
มูลค่าบริษัท 22 ล้านล้านบาท
9.Oracle
-ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ฐานข้อมูล และ Cloud Computing
มูลค่าบริษัท 19 ล้านล้านบาท
10.Mastercard
-บริษัทเครือข่ายบัตรเครดิตรายใหญ่ รายได้หลักจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
มูลค่าบริษัท 17 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ตัวอย่างบริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น บลจ. ทาลิส จะมีการพิจารณาปรับรายชื่อหลักทรัพย์ และปรับสมดุลของสัดส่วนน้ำหนักการลงทุน (Rebalance) ทุก รอบระยะเวลา 6 เดือน และหรือพิจารณาจากเหตุการณ์ที่อาจทำให้ราคาของหลักทรัพย์ที่ลงทุนลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะดำเนินการเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นสำคัญ
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 หรือ www.talisam.co.th และผู้สนับสนุนการขายหลายราย
คำเตือน: การลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีของกรมสรรพากร ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลา นอกจากนี้อาจต้องชำระเงินเพิ่ม และ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ หมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจอาจจะขาดทุนหรือได้รับกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนตํ่ากว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ข้อมูลอ้างอิง: https://moneyandbanking.co.th/2025/160996/

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon