
SC Asset X SCB ดีลหมื่นล้าน ที่สะท้อนฐานธุรกิจแกร่ง และศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน
SC Asset X ลงทุนแมน
“การเป็นพันธมิตรทางการเงินกับใครสักคน สิ่งที่ต้องคิดมีหลายเรื่องเลยทีเดียว ทั้งสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง แนวคิดการลงทุนจะต้องสร้างการเติบโตระยะยาว ที่สำคัญคือตลอดเวลาที่ช่วยเหลือกันมา ไม่เคยผิดชำระหนี้ จนกลายเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกัน”
ทุกข้อที่กล่าวมาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กับทาง SC Asset บริษัทอสังหาฯ ที่มียอดขายอันดับหนึ่งในตลาดบ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป
หลายคนอาจไม่รู้ว่า SCB เป็นพันธมิตรทางการเงินที่ดีกับทาง SC Asset มายาวนานถึง 22 ปี SCB จึงเป็นเสมือนเพื่อนที่ดีทางธุรกิจที่คอยช่วยเหลือ SC Asset เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด SCB สนับสนุนวงเงินกว่า 17,600 ล้านบาทให้แก่ทาง SC Asset ในรูปแบบ Pre-Finance ที่อนุมัติสินเชื่อก่อนที่รายได้จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต
การอนุมัติสินเชื่อที่มีมูลค่ามหาศาลขนาดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า SCB มีความเชื่อมั่นใน SC Asset ทั้งสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง จนถึงแผนการลงทุนในตลาดอสังหาฯ ที่จะสร้างการเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน
แล้วเงินลงทุนก้อนนี้ SC Asset จะนำไปลงทุนอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หากพูดถึง SC Asset สิ่งแรกที่คนทั่วไปรับรู้คือ บริษัทอสังหาฯ ที่มี Market Share อันดับหนึ่งในโครงการที่อยู่อาศัยระดับ Luxury โดยมีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นดีมานด์ที่เกิดขึ้นจริง
ในสภาวะที่ภาคอสังหาฯ กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้านทั้งปัจจัยชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้กำลังซื้อหดตัว ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง และภาคการเงินที่เข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ
ความท้าทายเหล่านี้ อาจไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อรายได้ของ SC Asset มากเท่าไร เพราะฐานลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งที่มองหาสินทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย หรือส่งมอบเป็นมรดกให้ลูกหลาน จนถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
Insight ตรงนี้เองที่ทำให้ในปี 2568 SC Asset เปิดตัว 15 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท เน้นจุดขายด้านทำเล 5 ดาว โดยจะให้น้ำหนักไปที่บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ที่บริษัทเป็นแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งมายาวนาน
ส่วนวงเงินที่ได้รับการสนับสนุนจาก SCB มูลค่า 17,600 ล้านบาท จะถูกนำไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมถึง 17 โครงการโดยแบ่งเป็น
- 9 โครงการที่เปิดขายและโอนในปัจจุบัน
- 3 โครงการใหม่ในปี 2568
- 5 โครงการใหม่ที่จะอยู่ในแผนเปิดตัวช่วงปี 2569 เป็นต้นไป
- 3 โครงการใหม่ในปี 2568
- 5 โครงการใหม่ที่จะอยู่ในแผนเปิดตัวช่วงปี 2569 เป็นต้นไป
ที่สำคัญ เงินสนับสนุนก้อนนี้ ส่วนหนึ่งจะถูกนำมาลงทุนพัฒนาโครงการ Flagship แห่งปี นั่นคือ SONLE RESIDENCES โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury บนถนนรัชดาภิเษก ที่มีเพียง 5 ยูนิต ราคาขายต่อยูนิต 260-400 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส 3 ปี 2568
โครงการ SONLE RESIDENCES ที่มีอยู่เพียง 5 ยูนิตจึงมีสถานะ Rare Item ทันที แม้ยังไม่เปิดขาย และเมื่อบวกกับแบรนด์ SC Asset ที่ใคร ๆ ต่างรับรู้ได้ว่า นี่คือบริษัทอสังหาฯ ที่งานก่อสร้างและงานดิไซน์จะมีคุณภาพสูง
โครงการ SONLE RESIDENCES ที่มีอยู่เพียง 5 ยูนิตจึงมีสถานะ Rare Item ทันที แม้ยังไม่เปิดขาย และเมื่อบวกกับแบรนด์ SC Asset ที่ใคร ๆ ต่างรับรู้ได้ว่า นี่คือบริษัทอสังหาฯ ที่งานก่อสร้างและงานดิไซน์จะมีคุณภาพสูง
เหตุผล 2 ข้อนี้เอง ที่ทำให้คุณณัฐพงศ์ มั่นใจว่า เมื่อถึงเวลาโครงการ SONLE RESIDENCES เปิดจอง น่าจะติดป้าย Sold Out ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม แม้ SC Asset จะมีสุขภาพการเงินที่แข็งแรง พร้อมกับมีเครื่องมือทางการเงินหลากหลายที่จะใช้ลงทุนสร้างการเติบโต เช่น หุ้นกู้, ผู้ร่วมทุน (Joint Venture) จากต่างประเทศ
แต่ด้วยสภาวะตลาดอสังหาฯ ที่เปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็ง ที่เต็มไปด้วยความท้าทายรอบด้าน แนวทางการดำเนินธุรกิจที่ SC Asset วางไว้คือ
1. รักษาสภาพคล่องให้ดีอยู่เสมอ พร้อมรุกเข้าหาลูกค้ามากขึ้น
โดยการลงทุนต่าง ๆ จะอยู่บนพื้นฐานตอบโจทย์ลูกค้าในตลาด จนถึงจะมีการจัดกิจกรรมการขาย และวิ่งหาลูกค้าโดยตรงมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่โครงการต่าง ๆ
โดยการลงทุนต่าง ๆ จะอยู่บนพื้นฐานตอบโจทย์ลูกค้าในตลาด จนถึงจะมีการจัดกิจกรรมการขาย และวิ่งหาลูกค้าโดยตรงมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่โครงการต่าง ๆ
2. คุณภาพสินค้า = แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
ความเชื่อนี้เองที่ทำให้ตลอดเวลาที่ SC Asset ดำเนินธุรกิจอสังหาฯ จะให้ความสำคัญทั้งวัสดุก่อสร้าง และงานดิไซน์ โดยคุณณัฐพงศ์บอกว่า ตัวเขาและทีมงานจะรักษาในเรื่องคุณภาพและบริการที่ดี เพราะเปรียบเสมือนรากฐานหลักที่ทำให้บริษัทเติบโตมาถึงวันนี้
ความเชื่อนี้เองที่ทำให้ตลอดเวลาที่ SC Asset ดำเนินธุรกิจอสังหาฯ จะให้ความสำคัญทั้งวัสดุก่อสร้าง และงานดิไซน์ โดยคุณณัฐพงศ์บอกว่า ตัวเขาและทีมงานจะรักษาในเรื่องคุณภาพและบริการที่ดี เพราะเปรียบเสมือนรากฐานหลักที่ทำให้บริษัทเติบโตมาถึงวันนี้
3. การลงทุนหลากหลายที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์
ปัจจุบัน SC Asset มีการลงทุนที่หลากหลายในการสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างสม่ำเสมอ ทั้งธุรกิจที่อยู่อาศัย, ธุรกิจโรงแรม, ออฟฟิศให้เช่า, คลังสินค้า และพร็อพเพอร์ตี้เซอร์วิส
ปัจจุบัน SC Asset มีการลงทุนที่หลากหลายในการสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างสม่ำเสมอ ทั้งธุรกิจที่อยู่อาศัย, ธุรกิจโรงแรม, ออฟฟิศให้เช่า, คลังสินค้า และพร็อพเพอร์ตี้เซอร์วิส
โดยทาง SC Asset จะลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขายและให้เช่าเป็นหลัก พร้อมปรับตัวยืดหยุ่นตามสถานการณ์
ข้อดีของวิธีนี้คือ นอกจากกระจายความเสี่ยงแล้วนั้น ในแต่ละธุรกิจยังคอยสนับสนุนเพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน
สรุปแล้วในช่วงที่อุตสาหกรรมอสังหาฯ เต็มไปด้วยสารพัดความท้าทาย SC Asset เลือกที่จะปรับตัวและยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยอาศัยจุดแข็งในเรื่อง Branding ที่ใคร ๆ ต่างก็ยอมรับในเรื่องคุณภาพ เรื่องนี้ถือว่าสำคัญ เพราะยิ่งอุตสาหกรรมเผชิญความท้าทายมากเท่าไร
บริษัทอสังหาฯ รายไหนที่มี Branding แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ลูกค้า สถาบันการเงิน และคู่ค้าต่าง ๆ เลือกที่จะเป็นพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวไปด้วยกัน
ตรงนี้เองที่ทำให้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ภาคอสังหาฯ จะเผชิญความท้าทายหลากหลายรูปแบบ SC Asset ก็ยังสร้างการเติบโตธุรกิจได้ในทุก ๆ สถานการณ์
จึงพอสรุปได้ว่า Branding และโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง ที่มาพร้อมกับการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นสูตรการทำธุรกิจของ SC Asset ที่ใช้ขับเคลื่อนสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนนั่นเอง
References
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-https://www.prachachat.net/property/news-1828304
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-https://www.prachachat.net/property/news-1828304