
ไทย กำลังเสีย 2 เครื่องยนต์เศรษฐกิจ จากจีน
ไทย กำลังเสีย 2 เครื่องยนต์เศรษฐกิจ จากจีน /โดย ลงทุนแมน
เสีย 2 เครื่องยนต์เศรษฐกิจจากจีน คือ คำที่น่าจะทำให้เห็นภาพเศรษฐกิจไทยตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
เสีย 2 เครื่องยนต์เศรษฐกิจจากจีน คือ คำที่น่าจะทำให้เห็นภาพเศรษฐกิจไทยตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
เพราะไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจากเศรษฐกิจไทย แต่การส่งออกสินค้าไปจีน ก็เริ่มหายไป เพราะจีนนำเข้าน้อยลงอีกด้วย
เรื่องนี้สร้างปัญหาให้เศรษฐกิจไทยมากแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าเราถามว่า เศรษฐกิจไทยพึ่งพาจีนมากแค่ไหน
เราคงไม่ต้องไปหาคำตอบจากใคร แค่มองย้อนไปตอนช่วงปี 2562 ก็คงเห็นภาพชัดแล้ว
เราคงไม่ต้องไปหาคำตอบจากใคร แค่มองย้อนไปตอนช่วงปี 2562 ก็คงเห็นภาพชัดแล้ว
ในปีนั้น คนจีนมาเที่ยวไทยมากถึง 11 ล้านคน
ใช้จ่ายเงินราว 530,000 ล้านบาท ไปกับโรงแรม
ค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือใช้จ่ายต่าง ๆ ในไทย
ใช้จ่ายเงินราว 530,000 ล้านบาท ไปกับโรงแรม
ค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือใช้จ่ายต่าง ๆ ในไทย
จึงไม่แปลกใจว่า มันเป็นช่วงเวลาที่อู้ฟู่ของแม่ค้า พ่อค้า คนขับแท็กซี่ คนขายของที่ระลึก เจ้าของโรงแรม ลูกจ้างร้านอาหาร ที่ได้เม็ดเงินจากคนจีนที่เข้ามาเที่ยว
นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ทั้งทุเรียน มะพร้าว ลำไย ยางพารา มันสำปะหลัง ก็ยังต้องพึ่งพาจีนมาตลอด
ถ้าถามว่า ต้องพึ่งพาจีนแค่ไหน ปัจจุบันรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรที่ยังไม่แปรรูป 100 บาท มาจากจีน มากถึง 35 บาทเลยทีเดียว
แม้ดูไม่เยอะมาก แต่ปีที่แล้ว ไทยส่งออกสินค้าเกษตรราว 1,000,000 ล้านบาท แปลว่า เรามีรายได้ส่งออกจากจีนประมาณ 350,000 ล้านบาท
ถ้ารวมทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าเกษตรแล้ว ในช่วงพีก ก็ราว ๆ ครึ่งถึงหนึ่งล้านล้านบาทเลยทีเดียว
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมจีนหายไป ถึงกระทบเศรษฐกิจไทย
จนเราสามารถเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า เรากำลังเสีย “คู่หูเศรษฐกิจจีน” ที่เคยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ก็คงไม่ผิดนัก
เริ่มกันที่ “การท่องเที่ยว”
จากในปี 2562 ไทยมีนักท่องเที่ยวจีนราว 11 ล้านคน แต่ปีที่แล้ว เหลือนักท่องเที่ยวจีนราว ๆ 6.7 ล้านคนเท่านั้น
คนจีนที่หายไป แปลว่า เม็ดเงินจากคนจีนที่เคยใช้จ่ายท่องเที่ยวในไทย น้อยลงไปด้วย จนกระทบต่อบรรดาพ่อค้า แม่ค้า หรือคนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง
ถ้าถามว่า แล้วมันหายไปแค่ไหน สามารถคำนวณ
คร่าว ๆ ได้จากค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวต่อวันรายคน ของนักท่องเที่ยวจีนในปี 2562
คร่าว ๆ ได้จากค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวต่อวันรายคน ของนักท่องเที่ยวจีนในปี 2562
ในปีนั้น คนจีนใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันราว 6,100 บาทต่อคน
และใช้เวลาท่องเที่ยวในไทยราว 8 วัน
และใช้เวลาท่องเที่ยวในไทยราว 8 วัน
ถ้าปีที่แล้ว คนจีนยังใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันและใช้เวลาท่องเที่ยวในไทยเท่าเดิม รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนปีที่แล้ว ก็จะอยู่ประมาณ 326,000 ล้านบาท
หากเรายังจำกันได้ว่า คนจีนใช้เงินเที่ยวในไทยทั้งหมดในปี 2562 ราว 530,000 ล้านบาท
แปลว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปตีเป็นเลขกลม ๆ ได้ประมาณ 200,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
แต่อย่าลืมว่า ความเสียหายตรงนี้ ยึดตามจำนวนเงินและเวลาที่คนจีนเที่ยวต่อคนในปี 2562 ทำให้จริง ๆ แล้ว
รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนอาจหายไปมากกว่านี้อีกก็ได้
รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนอาจหายไปมากกว่านี้อีกก็ได้
นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว รู้ไหมว่า ตอนนี้สินค้าเกษตรไทย ก็กำลังโดนปัญหาจีนหายอีกด้วย เห็นได้จากสถิติการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนในช่วงที่ผ่านมา
- ปี 2565 ส่งออกไปจีน 364,000 ล้านบาท
- ปี 2566 ส่งออกไปจีน 387,000 ล้านบาท
- ปี 2567 ส่งออกไปจีน 355,000 ล้านบาท
- ปี 2566 ส่งออกไปจีน 387,000 ล้านบาท
- ปี 2567 ส่งออกไปจีน 355,000 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนค่อนข้างผันผวน ซึ่งก็อาจมาจากการที่สินค้าเกษตร มีราคาผันผวนตามแต่ละช่วงอยู่แล้ว
แต่ในช่วงปี 2566-2567 เห็นได้ชัดว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีน ลดลง 32,000 ล้านบาท
ถ้าถามว่า แล้วมูลค่าการส่งออกหายไปไหน เหตุผลหลัก ๆ
ก็เพราะว่าสินค้าเกษตรอย่างมันสำปะหลังแปรรูปและผลไม้ ส่งออกไปจีนน้อยลงในช่วงที่ผ่านมา
ก็เพราะว่าสินค้าเกษตรอย่างมันสำปะหลังแปรรูปและผลไม้ ส่งออกไปจีนน้อยลงในช่วงที่ผ่านมา
มันสำปะหลังแปรรูป เคยส่งออกไปจีนราว 80,000 ล้านบาทในปี 2566 แต่ถัดมาอีกปี เหลือมูลค่าการส่งออกราว 56,000 ล้านบาท
เหตุผลหลักก็เพราะว่า จีนหันไปปลูกข้าวโพดในประเทศมากขึ้น จึงต้องการมันเส้นจากไทย ที่เป็นมันสำปะหลัง
ตัดเป็นเส้น ๆ ไปใช้เป็นอาหารสัตว์น้อยลงไปด้วย
ตัดเป็นเส้น ๆ ไปใช้เป็นอาหารสัตว์น้อยลงไปด้วย
ส่วนผลไม้สด แช่เย็นหรือแช่แข็ง จากที่เคยส่งออกไปจีนราว 213,000 ล้านบาทในปี 2566 ถัดมาอีกปี มูลค่าการส่งออกก็ลดลงเหลือ 203,000 ล้านบาท
ซึ่งผลไม้ที่ว่านี้เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะหนึ่งในนั้นคือทุเรียน ที่เราส่งออกและครองตลาดจีนมาอย่างยาวนาน
แต่ในช่วงที่ผ่านมา ทุเรียนไทยเจอคู่แข่งเข้ามาแย่งตลาดจีนมากขึ้น ทั้งจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จนปัจจุบัน ส่วนแบ่งตลาดทุเรียนไทยในจีน เหลือแค่ 57% จากทั้งหมดเท่านั้น
จากเดิมที่ทุเรียนไทยเคยครองตลาด 100% ในจีนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แม้ปัจจุบันมูลค่าตลาดใหญ่ขึ้น แต่การโดนคู่แข่งเข้ามาแย่งตลาด ทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น และทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดไปบางส่วนด้วย
สรุปแล้ว ถ้าจะพูดว่าตอนนี้ไทยกำลังเจอปัญหาจากการเสียคู่หูเศรษฐกิจจีน ก็คงไม่ผิดนัก ทั้งจากนักท่องเที่ยวที่ลดลง แถมยังเริ่มส่งออกสินค้าเกษตรได้น้อยลงในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งเรื่องนี้ก็คงเป็นผลจากการที่เราพึ่งพาจีน 2 ทาง
ทั้งการส่งออกสินค้าเกษตร ไปจนถึงการท่องเที่ยว มาอย่างยาวนานก่อนหน้านี้
ทั้งการส่งออกสินค้าเกษตร ไปจนถึงการท่องเที่ยว มาอย่างยาวนานก่อนหน้านี้
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เราเพิ่งเจอ แต่จริง ๆ แล้ว เป็นปัญหาเรื้อรังที่เราอาจพึ่งพาจีนมากเกินไป
จากเมื่อก่อนที่เรา “พึ่งพาคู่หูเศรษฐกิจจีน” จนเศรษฐกิจไทยได้ประโยชน์มานาน
แต่วันนี้ เมื่อคู่หูรายนี้ เริ่มตีตัวออกหากจากเรา
ก็กำลังทำให้เศรษฐกิจไทย เริ่มเงียบเหงาขึ้น ในตอนนี้แทน..
ก็กำลังทำให้เศรษฐกิจไทย เริ่มเงียบเหงาขึ้น ในตอนนี้แทน..
Reference
- https://tradereport.moc.go.th/th
- https://tradereport.moc.go.th/th